กรณีฝนตกที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)

แต่ฟ้ามาผ่าที่กระทรวงการคลัง

ทำให้ “ดร.อู้” สมชัย สัจจพงษ์ ที่แม้อายุราชการจะเหลืออยู่ร่วม 3 ปี

ทำใจรับไม่ได้ กับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์

ที่เคยใหญ่บะฮึ่ม สมัยเทคโนแครตเฟื่องๆ ยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

ในฐานะผู้วางโรดแม็ปประเทศ

แต่ในยุค “ยุทธศาสตร์แห่งชาติ 20 ปี” อนาคตสภาพัฒน์ส่อ “ตบยุง” เพราะไม่มี “แผน” อะไรให้ทำ

อนาคต ดั่งยามอัสดง

ดร.อู้ ที่มีดีกรีปริญญาเอกและโท โอไฮโอสเตต สหรัฐอเมริกา และปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยม) จุฬาฯ

ผ่านงานต่างๆ มากมาย

ทั้งอธิบดีกรมศุลกากร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ

เป็นบอร์ดและกรรมการระดับท็อปๆ ทั้งประธานกรรมการธนาคารกรุงไทย กรรมการบริษัทไออาร์พีซี กรรมการบริษัทการบินไทย เป็นอาทิ

มีหรือจะไม่รู้ว่า นี่คือการเพิ่มชั้น

หรือลดชั้น

แถมยังเอาไปผูกกับกรณีปะผุ การทุจริตเงินคนจนอีก

ถือไม่ให้เกียรติกัน

ถ้าเห็นว่าทำงานไม่เข้าขากับหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ปากไว ปากไม่ดี ก็จัดการตรงๆ แบบลูกผู้ชาย น่าจะทำใจได้ดีกว่านี้

“ลาออก” จึงเป็นทางเลือกเดียวที่หยิบมาใช้

ซึ่งก็คงมีเสียงปรบมือแผ่ว-แผ่ว จากสุสานข้าราชการเชียร์อยู่บ้าง

ต้องไม่ลืมว่า นับตั้งแต่รัฐประหาร

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ย้ายข้าราชการประจำ ข้าราชการท้องถิ่นอุตลุด

จนจำแทบไม่ได้ว่าใครเป็นใคร

ที่จำได้เห็นจะมีประการเดียวคือ “ย้ายเพื่อรอตรวจสอบการทุจริต”

ปีก็แล้ว สองปีก็แล้ว สามปีกำลังผ่านไป

สังคมไม่เคยเห็นผลสอบอย่างเป็นชิ้นเป็นอันว่าใครทำผิดอะไรบ้าง

ยิ่งไปกว่านั้น บางคนจนป่านนี้ยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกย้ายด้วยเรื่องอะไร และต้องปลดเกษียณไปอย่างเงียบๆ และชอกช้ำ

เสียงวิงวอนช่วยคืนความ “บริสุทธิ์” ไม่มีใครในทำเนียบได้ยิน

ที่น่าช้ำใจกว่าก็คือ ขณะที่ คสช. และรัฐบาล ใช้ “ยาแรง” สุดๆ

การโกงทุกหย่อมหญ้าของ “ข้าราชการ” ก็ยังมีอยู่ และอื้อฉาวยิ่งขึ้นทุกที

เลยต้องโชว์กันอีก คราวนี้ไม่ย้าย ปลดบิ๊ก พม. ไปเสีย 3 คนเลย

แถมมีอาฟเตอร์ช็อกที่สภาพัฒน์และกระทรวงการคลังอีก

ดร.อู้ จึงไม่อู้อะไรอีกแล้ว

ยื่นใบลาออก สะท้อนแรงสะเทือนกลับคืนไปยังทำเนียบเสียเลย