ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 เมษายน 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
ความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคอุษาคเนย์ (ตามสำนวนของคุณสุจิตต์และคุณไมเคิล ไรท์) ในปีสองปีนี้น่าสนใจยิ่ง
กลางปีนี้จะมีเลือกตั้งใหญ่ในมาเลเซียและกัมพูชา
ส่วนเมืองไทย ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด (อีก) ต้นปีหน้าก็ควรจะได้เลือกตั้งกันเสียที
หมายเหตุตรงนี้ว่า สำหรับท่านที่มีอายุพอสมควรแล้ว หมดวัยฟังนิทานก่อนนอน
บางเรื่องก็ควรจะฟังหูไว้หูบ้าง (ฮา)
เอาที่มาเลเซียก่อน
ใครเลยจะคิดว่าเจ้านาย-ลูกน้องเก่า ที่ช่วงหนึ่งกลายเป็นคู่แค้นชนิดผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ เพราะฝ่ายหนึ่งจับอีกฝ่ายหนึ่งยัดคุกดื้อๆ อย่างมหาธีร์ โมฮัมหมัด กับ อันวาร์ อิบรอฮิม จะกลับมาจับมือกันใหม่
เป็นพันธมิตรสู้ศึกเลือกตั้งเพื่อโค่นล้มนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
จะโค่นได้หรือไม่ ยังไม่รู้
แต่ที่แน่ๆ คือ แต่ละฝ่ายงัดกลเม็ดเด็ดพรายทุกอย่างเท่าที่มี ทั้งบนดินใต้ดินออกมากระหน่ำใส่ฝ่ายตรงข้ามไม่ยั้ง
ล่าสุดนี้นาจิบออกหมัดเด็ด ด้วยการประกาศแจกเงิน “สดๆ” ให้ประชาชนจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง
หากตนเองชนะการเลือกตั้งในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้
และแค่ประกาศวันเลือกตั้งก็ “มันส์” แล้ว
ปกติในมาเลเซียเอง (และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก) วันเลือกตั้งมักจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่วนใหญ่คือวันอาทิตย์
แต่นี่ กกต.มาเลเซีย (ซึ่งแน่นอนว่าสนิทสนมกับรัฐบาล) เล่นประกาศให้เลือกตั้งกันวันพุธ
เตะตัดขาอีกฝ่ายหนึ่งดื้อๆ
แต่ผลจะออกมาอย่างไร
ติดตามด้วยดวงหทัยระทึกพลันครับ
มาเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออกอย่างกัมพูชา
หลังจากเลือกตั้งครั้งที่แล้วเกือบแพ้ฝ่ายค้านที่มีสม รังสี เป็นแกนนำชนิดเจียนอยู่เจียนไป
หลายปีมานี้ สมเด็จ ฮุน เซน วางแผนเตรียมรับมือการเลือกตั้งครั้งใหม่แบบจัดหนักมาตลอด
ด้านหนึ่ง ก็ตั้งคดีเพิ่มข้อหาสารพัด จนกระทั่งสม รังสี ต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ
และผู้นำฝ่ายค้านคนอื่นๆ ถ้าไม่ถูกสังหารอย่างมีเงื่อนงำ ก็เข้าไปอยู่ในคุกกันหมด
อีกด้านหนึ่ง ก็เริ่มปั้นทายาทใหม่อย่างฮุน มานี ลูกชายคนเล็กขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนทางการเมือง
และไปรวบรวมเอาทายาทของผู้นำทางการเมือง เศรษฐี มหาเศรษฐีทั้งหลาย เป็นสมาคมสมาพันธ์ มีงานสังคม มีธุรกิจสารพัด
เหลือแต่พิสูจน์ตัวเองหลังเลือกตั้ง (เพราะคงชนะแหงๆ)
ว่าพอถึงเวลาต้องมารับงานการเมืองแล้ว ถึงจะมีรุ่นพ่อรุ่นพี่คอยประคองอยู่
กลุ่มคนที่ถูกปลูกฝังให้ผู้นำรุ่นใหม่ของกัมพูชา
มือถึงหรือไม่
กลับมาถึงเมืองไทย
จะมีเลือกตั้งหรือไม่ก็ไม่รู้ ถ้ามี-จะเลือกกันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้อีก
แต่รู้เบื้องต้นว่า จากโพลสำนักนั้นสำนักนี้ (โดยเฉพาะโพลที่หน่วยราชการทำนำเสนอผู้นำรัฐบาล)
สำรวจออกมาหนไหน พรรคเพื่อไทยก็ชนะการเลือกตั้งหนนั้น
นัยว่าไม่ใช่ชนะกันธรรมดา (ทั้งที่พยายามเขียนกติกาเตะตัดขาก็แล้ว)
แต่ว่าพรรคเดียวเฉียดครึ่งสภา
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เป็นรัฐบาลแน่ๆ
แต่ถามว่าได้เป็นแล้วแล้วจะเป็นไงต่อ
ได้เป็นรัฐบาลครั้งใหม่ จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากครั้งที่ผ่านมาหรือไม่
ระบบการบริหารพรรคยังอยู่กับคนหยิบมืออีกหรือไม่
ความไม่ชอบมาพากล (เพราะระบบที่ไม่กี่คนเป็นผู้ตัดสินใจ) ยังดำรงอยู่หรือไม่
ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ชะตากรรมของสังคมไทยจะเป็นอย่างไร
วนอยู่ในวงจรอุบาทว์อย่างเดิมหรือไม่
ในวันที่โลกยังเป็นใบเก่าเหมือนเลือกตั้งคราวที่แล้วก็อาจจะไม่เท่าไหร่
แต่การเลือกตั้งครั้งต่อไป (ถ้ามี) จะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของโซเชียลมีเดีย
ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วไม่มีใครรู้ว่าจะทำให้เกิดอะไรขึ้น
หรือจะทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่
แต่ตัวอย่างอื่นๆ จากโลกดิจิตอลสอนให้รู้ว่า อย่าประมาทกับความผันผวนในโลกยุคใหม่นี้เป็นอันขาด
ที่พูดๆ กันว่าใหญ่ๆ ล้มตึงนั้น
เกิดขึ้นไม่น้อยแล้วในยุคนี้
ขออนุญาตตบท้ายดื้อๆ ว่า
สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ