การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ : ทวีปที่สาบสูญ ใช่ฉันจะไม่เห็น ก้อนหิน

มีกลิ่นรวยรินเข้ามาในโพรงจมูก หอมจนฉุน และแทบจะทำให้ฉันสั่นไหวในอก…กลิ่นอะไรกัน

มันให้ทั้งความรู้สึกที่คุ้นเคย และเรียกเอาหลากหลายความรู้สึก…ก้ำกึ่งจะแปลกหน้า จนอลหม่านอยู่ในความเงียบงัน

จนกระทั่งฉันต้องค่อยๆ จับราวบันไดไว้ และเหลียวไปถาม

“แม่ปลูกดอกอะไรหรือ”

แม่มีประกายเปล่งปลั่งขึ้นในตาทันที…ตาคู่นั้น เกือบคล้ายแสงแดดสายนั้นอีกเช่นกัน

“กุหลาบ”

แล้วแม่ก็พูดต่อ

“กุหลาบขาว”

ฉันหยุดชะงัก เราเคยมีอยู่แล้วนี่ ไม่ใช่หรือ กุหลาบขาวที่อยู่ข้างต้นรักเร่ ใกล้กันนั้นยังมีมะลิพุ่มใบหนา ซึ่งในหน้าร้อนจะมีกลิ่นหอมๆ ลอยมา

ตรงนั้นอีกไง จะมีบ่อน้ำที่ขุดไว้ ใกล้ต้นมะขามเปรี้ยวอีกต้น…

“ปลูกใหม่น่ะ ต้นเก่าน่ะตายไปแล้ว” แม่พูด

“ขึ้นเรือนกันก่อนเถอะ” เสียงพ่อแทรกมา “แม่พาลูกขึ้นบ้านก่อน พี่จะไปหาของให้ครบ”

 

บ้าน…เท้าของฉันสัมผัสกับไม้กระดานที่ยังคงเรียบลื่นเหมือนที่เคยเป็นเสมอมา ทว่า ก็สากระคายด้วยฝุ่นอยู่ไม่น้อย

แต่เมื่อกวาดตามองไป ใจก็หายขึ้นวูบหนึ่ง เพราะแม่ไม่อยู่หลายวัน ที่ไปเฝ้าฉันในโรงยา หรือเพราะว่าฉันไม่ได้กลับมานานแล้ว

ทุกอย่างดูหมองหม่น ใต้ชายคาฝ้ามีแต่หยากไย่ แผ่นไม้สีน้ำตาลดูเก่ามอม…คร่ำคร่า ภาพโปสเตอร์รูปดาราหนังที่ติดข้างฝา หลุดล่อนจนเห็นรอยฉีกขาวๆ

เกือบขาสั่น ฉันทรุดลงนั่งบนหัวข่ม พี่โฟถลันเข้ามาคว้าแขน

“ไม่เป็นไรพี่ จะนั่งเฉยๆ”

สายตาพี่สาวร่วมพ่อยังแสดงความเป็นห่วงชัดแจ้ง…นี่มันเป็นเรื่องจริงหรือฝันอันใด

จู่ๆ ฉันก็พบว่าตัวเองเดินทางแสนไกล แค่เพียงจะกลับมาหาร่มไม้ชายคาบ้านสีน้ำตาลหลังหนึ่ง ซึ่งในบัดนี้ ทุกๆ คนล้วนดีกับฉัน

“หิวหรือเปล่าลูก” แม่ถาม

แล้วเสียงชายผ้าซิ่นก็ขยับฝึบฝับ บอกให้รู้ว่าตั้งใจจะรีบก้าวย่าง

“กินข้าวต้มมั้ย มีข้าวเจ้าอยู่ แม่จะทำให้”

 

นํ้าตา…น้ำตามาจากไหน มันกลั่นจากอกใน หรือเพียงไหลมากับสายน้ำที่เคลื่อนรินอยู่เบื้องหน้า

เหมือนมีเงาบังพร่า เมื่อมองลอดใต้ถุนยุ้งข้าวไป จากขั้นบันไดที่นั่งอยู่ แต่ก็พอจะมองเห็นฝอยกระเซ็นขาวๆ กับเสียงซัดซ่า

น้ำจากฝายไหลมาจากน้ำแม่ทางเหนือ และมันกระทบกระแทกแตกฟอง ก่อนจะเคลื่อนคล้อยลอยละล่องจากจุดนั้นไป

เลาะเลียบไปกับตลิ่ง

“…มอง เธอสาวเธอสวยฉันจึงได้มอง หากเธอไม่สวยฉันจะไม่มอง หากเธอไม่แจ่มฉันจะไม่จ้อง ฉันจะไม่มองให้หัวใจเต้น…”

ได้ยินเสียงเพลงลอยมาจากทางใดทางหนึ่ง ฟังออกว่าคงมาจากคออวบหนา และห้าวพร่าด้วยน้ำเสียงของวัยหนุ่ม

รู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมา เมื่อคิดถึงไหล่ล่ำหนา…ที่ผ่านมา

น้ำตายังคงหยาดตกอย่างเยียบเย็น

พยายามปาดมือเช็ด ในเสี้ยวสำนึกที่รู้ตัว ก็ไม่ได้อยากให้ใครเห็น

“เสร็จแล้วพี่” เสียงแม่ร้องเอิ้นมาแว่วๆ จากในเตาไฟ “รอเดี๋ยวเดียว แม่จะเอาไปให้”

 

“อ้าว! ไห้อีกทำไม”

แม่มีน้ำเสียงตกใจ และรีบวางถ้วยลงบนพื้น ไอควันยังพุ่งออกมา แลเห็นเม็ดข้าวขาวพี มีน้ำคลอปริ่มหอมอุ่น ช้อนสั้นเสียบคา

“พี่…ลูก…ร้องไห้ทำไม”

แม่ทำในสิ่งที่ฉันไม่คิดว่าแม่จะทำมาก่อน นั่นคือนั่งลงบนพื้น แล้วรั้งเอาตัวฉันไปกอดไว้

จังหวะนั้นเอง ยินเสียงวิ่งขึ้นบันไดมา

“พี่มาเหรอ พี่มาเหรอ!”

เด็กตัวขาวคนหนึ่งโผล่มาอย่างรวดเร็ว และโดยไม่ทันตั้วตัว ก็โถมร่างเข้าใส่

“พี่!”

ฉันแทบจะล้มหงาย เช่นเดียวกับแม่ เอ็ดเสียงออกไปทันที

“น้อง! เบาๆ หน่อย พี่เขายังไม่สบายนะ!”

น้องหยุดตัวเองทันที ค่อยๆ ผละออก วงแขนสองวงที่กอดรัดฉันคลายออก…แต่สายตายังคงมองฉันอยู่

“แล้วนั่นพี่เป็นอะไร พี่ร้องไห้เหรอ!” เด็กผมม้าถาม

น้องไม่ได้ไว้ผมยาวแล้วหรือ ฉันมองใบหน้าขาวๆ ผ่านม่านน้ำตา ใบหน้าอวบกลมที่จ้องกลับมา ฟันซี่เล็กๆ ในปากอิ่มเต็ม ผมสีน้ำตาลเข้ม น้องโตขึ้นตั้งมากมาย

“เปล่า ไม่ได้ร้อง” รีบส่ายหน้า และปาดแขนเช็ดตา “ฝุ่นเข้าตาพี่น่ะ”

“งั้นไปล้างกัน” น้องดึงแขน

“ดีเหมือนกันลูก งั้นไปล้างหน้าล้างตาก่อน แล้วมากินข้าว” แม่รีบเสริมต่อ

“ไม่เป็นไร…” ฉันปาดแขนเช็ดหน้าตัวเองอีก “กินก่อนก็ได้”

 

“อร่อยไหม กินได้ไหมลูก”

แม่ยังคงอยู่ข้างๆ และมองฉันทุกครั้งที่ยกช้อนขึ้นจรดริมฝีปาก

ยังยากที่จะกลืน…แต่ก็ต้องฝืนกลืนเข้าไป

พูดตามจริง ข้าวของแม่คงจะหอมและนิ่มมาก หากฉันก็ยังไม่อาจรู้รสทั้งหมดอยู่ดี มีอะไรมากมายดิ้นรนเคลื่อนไหวอยู่ในอกอย่างลึกลับ

ฉันกลับมา…

ฉันได้กลับมา

ในสภาพที่เป็นยิ่งกว่านกปีกหัก

และเจ็บปวดอย่างไม่อาจอธิบายได้เลย กับทุกๆ การกระทำที่แสดงความรัก

ทุกๆ คนกำลังบอกว่ารักฉัน

 

“ได้ของมาครบแล้ว!”

พ่อขึ้นเรือนมาในอีกครึ่งชั่วโมงต่อจากนั้น แกะห่อผ้าขาวม้าออก และจกของออกจากตะกร้าหลายสิ่งอัน มีทั้งหมากเหมี้ยงมูลี หอยเบี้ย ผ้าขาวผ้าแดง และดินเหนียว

“มาจังหวะของเสี้ยงพอดี แต่ก็ไม่มีปัญหา พ่อเสาะมาหมดแล้ว”

“เหลือกาบกล้วย” แม่พูด

“เดี๋ยวไปตัดเอง” พ่อตอบ

ฉันนิ่งมองของเหล่านั้น…ฉันเคยคุ้นกับมันมาไม่น้อย ข้าวของที่จะใช้ในการส่งเคราะห์ส่งผี สิ่งที่พ่อกับแม่กำลังจะทำให้

“เดี๋ยวพ่อจะส่งเคราะห์ให้นะลูก” พ่อพูด แล้วยื่นมือใหญ่มาลูบหัวฉัน “จะได้หมดทุกข์หมดโศก ขวัญที่หาย ก็จะร่ายเรียกฮ้องให้กลับมา”

“ทำเลยเสียแต่วันนี้” แม่บอกกับพ่อ “ลวดส่งเคราะห์ให้โฟมันด้วย”

พี่โฟนั่งพิงเสาต้นหนึ่งอยู่ ใบหน้ายังมีร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อย

“ส่งให้อีพี่มันก่อนเทอะ ของเจ้าค่อยว่ากันวันหลัง”

“ทำไปทีเดียวกันนั่นแหละ” แม่ตอบ “มึงก็อิดก็ล้ามากับมันนัก…ถ้าไม่มีมึง ป่านนี้ เป็นศพไปแล้ว”

คำพูดย่อมหมายถึงฉัน

ชัดเจนเช่นนั้น กับสายตาที่แม่เบือนมองมา

 

มีกลิ่นดอกกุหลาบโชยรวยรินฟุ้งบ้านไปหมด ฉันรู้สึกถึงไออวลอยู่ในโพรงจมูกและประสาทสัมผัส แต่กระนั้น ก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นี่ไม่ใช่ความฝัน

ฉันได้กลับมาบ้าน โดยแม่เป็นคนพามา และมีพี่โฟ หอบหิ้วเสื้อผ้าข้าวของมาส่ง

ทั้งสองคนช่วยกันประคับประคองฉันทุกย่างก้าว จนทุกครั้งที่เจ็บเสียดรวดร้าว แทบไม่อยากจะแสดงออกไป

…นี่มันอะไรกัน มันคือชีวิตชนิดไหน ก่อนหน้านั้น ฉันกับแม่แทบจะไม่มองหน้ากัน

แม่โกรธฉัน

และฉันก็ชังแม่

แต่แล้ววันหนึ่ง ซึ่งฉันตัดสินใจจะขอไปจากทุกๆ คนให้จบสิ้นเสีย

กลับถูกเรียกรั้งให้กลับมา

และในการกลับมา…ราวว่าห้วงกาลเวลาหนึ่งได้เปลี่ยนไป

แม่เข้าครัวไฟ ก่อไฟต้มข้าว ตอกไข่ใส่ แล้วยกเอาถ้วยร้อนๆ ออกมาอย่างระมัดระวัง

นำวางต่อหน้าฉัน

พี่โฟถอกน้ำใส่แก้วให้ฉัน พ่อนั่งยิ้มมองดู

และตลอดเวลาเหล่านั้น น้องยังพัวพันอยู่รอบๆ ตัว กอดหลังกอดไหล่

นี่มันชีวิตชนิดไหนกัน

 

“อีกสักเดี๋ยวก็จะได้เวลาแล้ว” พ่อเอ่ยออกมา “ลูกไปอาบน้ำเปลี่ยนผ้าเปลี่ยนคัวเสียหน่อย”

“แม่เตรียมเครื่องสะตวงหมดแล้ว” แม่พูด

“จะทำอะไรกันเหรอ!” น้องถาม

“จะส่งเคราะห์ให้พี่” แม่ตอบ “เขาไปตกขึดตกทุกข์มา เสร็จแล้วจะได้กินข้าวด้วยกันลำๆ”

แม่โฟมองมาที่ฉัน ยิ้มให้จางๆ ข้างมุมปาก ฉันอ่านสายตานั้นได้ว่า พี่โฟกำลังพูดว่า

“กูบอกมึงแล้วอีพี่ แม่มึงน่ะรักมึงกว่าใคร”

แต่ฉันจะทำยังไง หยดน้ำในอกถึงจะหยุดการหลั่งไหล ฉันจะทำยังไง ให้สิ่งที่สะท้านสะเทือนอยู่ข้างในกลับเป็นปกติเสียที

ฉันไม่รู้จะทำตัวกับทุกสิ่งยังไง ฉันควรจะดีใจ แต่ฉันก็ยังเสียใจ ฉันควรจะปลอดโปร่งสบายใจ แต่ฉันก็ยังคงร้าวลึกข้างใน

มีเสียงน้ำจากฝายไหลดังอยู่เสมอ กล่อมพวกเราทุกคนตลอดเวลา เช่นเดียวกับกลิ่นหอมดอกไม้ที่รายรอบบ้าน หากฉันก็รู้…ฉันยังคงรู้

แม้พวกเราจะรักกัน แต่ฝุ่นหนาเหล่านั้นที่เคลือบฉาบทาบทา และปุปะเสื้อผ้าเก่าหมองของแม่ กับแก้มแดงแตกของน้อง และเรืองรองของหมู่ใบแดงในฝัน…สักวัน…สักวัน มันก็อาจจะหวนโรยโปรยมา

ใช่ฉันจะไม่เห็น ก้อนหินที่อยู่ในดวงตา…ของแม่