กรองกระแส/ความจริง สงคราม 2 ก๊ก จาก 2549-ปัจจุบัน ไม่เคยมี 3 ก๊กเกิดขึ้น

กรองกระแส

ความจริง สงคราม

2 ก๊ก จาก 2549-ปัจจุบัน

ไม่เคยมี 3 ก๊กเกิดขึ้น

หากไม่ถือเอารัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 กับรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นจุดตัดหรือเส้นแบ่งในทางการเมืองก็จะเข้าใจไขว้เขว
มองว่าการหลุดคำว่า “กองหนุน” ออกมาเป็นเรื่องใหญ่
มองว่าการประกาศต่อต้านนายกรัฐมนตรี “คนนอก” เป็นเหมือนกับการหักเลี้ยวสำคัญในทางการเมือง
ต้องมองให้ออกว่าเจ้าของคำว่า “กองหนุน” สัมพันธ์กับ “รัฐประหาร” อย่างไร
ต้องมองให้ทะลุว่าการประกาศต่อต้านนายกรัฐมนตรี “คนนอก” เป็นยุทธศาสตร์หรือเสมอเป็นเพียงยุทธวิธีในทางการเมือง
แท้จริงแล้วการก่อรูป “แนวรบ” ทั้งหมดเริ่มต้นจาก “รัฐประหาร”
ไม่ว่าเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ล้วนเป็นเรื่องซึ่งต่อเนื่องและสัมพันธ์กันโดยเป้าหมายมิได้แปรเปลี่ยน ยังเป็นเป้าหมายเดิม เพียงแต่เปลี่ยนจากพรรคไทยรักไทยเป็นพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
คำถามก็คือฝ่ายที่ต้องการโค่นล้มและบดขยี้พรรคเพื่อไทยเป็นใคร
คำถามก็คือพรรคเพื่อไทยเป็นอวตารแห่งพรรคพลังประชาชนและพรรคไทยรักไทยหรือไม่

มองผ่าน รัฐประหาร
จาก 2549 ถึง 2557

หากเริ่มต้นจากรัฐประหาร หากมองผ่านเป้าหมายของรัฐประหารจากพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนไปยังพรรคเพื่อไทย
สถานการณ์ปัจจุบันแทบมิได้แปรเปลี่ยน
คำว่า “กองหนุน” คำประกาศต่อต้านนายกรัฐมนตรี “คนนอก” เสมอเป็นเพียงยุทธวิธี 1 ภายในยุทธศาสตร์ใหญ่
นั่นก็คือ โค่นล้ม บดขยี้และทำลายพรรคเพื่อไทย
ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายที่หลุดคำว่า “กองหนุน” ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายที่ประกาศไม่เอานายกรัฐมนตรี “คนนอก” ยังอยู่ในยุทธศาสตร์ใหญ่เหมือนกับที่เคยกำหนดเอาไว้เมื่อปี 2549 และต่อเนื่องมายังปี 2557
เป็นความขัดแย้ง “ภายใน” และยังไม่พัฒนาไปสู่การเผชิญหน้าหรือเป็นปรปักษ์ต่อกันและกันอย่างเฉียบขาด มั่นคง
ยังมีโอกาสที่จะมาจับมือร่วมกันเพื่อต้านกับปรปักษ์เดิม
การเมืองไทยยังไม่เคยพัฒนาไปสู่ 3 ก๊ก หากแต่ยังดำรงลักษณะแห่ง 2 ก๊กอยู่อย่างเหนียวแน่นและไม่เคยแปรเปลี่ยน

พื้นฐาน กองหนุน
พื้นฐาน ต้านคนนอก

หากนำเอาฐานที่มาแห่งคำประกาศในเรื่อง “กองหนุน” หากนำเอาฐานที่มาแห่งคำประกาศไม่เอานายกรัฐมนตรี “คนนอก” มาคลี่แบและวิเคราะห์ก็จะเข้าใจ
เข้าใจว่าเป็นการต่อสู้กัน “ภายใน” กลุ่มเดียวกัน
เข้าใจว่าเป็นความขัดแย้งในลักษณะแย่งชิงการนำเหมือนที่เคยปรากฏเสมอมาตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 และภายหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
เช่นเดียวกับการปลด ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เมื่อเดือนสิงหาคม 2558
เช่นเดียวกับการลดบทบาทของรัฐมนตรีสายทหารในการปรับ ครม. เมื่อเดือนธันวาคม 2560 อันสะท้อนออกด้วยการแขวนรัฐมนตรีบางคนเอาไว้ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี
เป้าหมายมิใช่เพื่อเข่นฆ่าและทำลาย หากแต่เป็นการปรับขบวน
เพราะว่าเบื้องหลังคำว่า “กองหนุน” และเบื้องหลังคำประกาศอันเฉียบขาดไม่เอานายกรัฐมนตรี “คนนอก” ก็ยังเห็นว่าการดำรงอยู่ของพรรคเพื่อไทยเป็นตัวขัดขวางการดำรงอยู่ในอำนาจ
ยังมีความพยายามในการโค่มล้ม บดขยี้และทำลายพรรคเพื่อไทยต่อไป

มีแต่ศึก 2 ก๊ก
ไม่เคยมี สามก๊ก

เด่นชัดตั้งแต่หลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548 และก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 มาแล้วว่าการเมืองไทยไม่มี 3 ก๊ก 3 เหล่า
มีเพียง 2 ก๊กเท่านั้น
ก๊ก 1 คือ ฝ่ายที่มีส่วนในการปูทางและสร้างเงื่อนไขให้กับรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 และต่อเนื่องมายังก่อนและหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
ไม่ว่าจะเรียกว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเรียกว่า “ผู้มีบารมี” นอกรัฐธรรมนูญ
ไม่ว่าจะเรียกว่า กปปส. ไม่ว่าจะเรียกว่าเจ้าของกัปปิยโวหารว่าด้วย “กองหนุน” ไม่ว่าจะเรียกว่าเจ้าของคำประกาศไม่เอานายกรัฐมนตรี “คนนอก”
ก๊ก 1 คือ พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย
การต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นในสนามเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นี้จึงเป็นการต่อสู้ระหว่าง ก๊กที่ 1 กับก๊กที่ 2 ไม่เคยมีก๊กที่ 3 ปรากฏขึ้นและดำรงอยู่ เพียงแต่ภายในของแต่ละก๊กอาจมีการจัดทัพและปรับขบวนเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์เท่านั้น