รายงานพิเศษ/การเมืองร้อน กองทัพร้าว บ้านสี่เสาฯ นิ่ง บ้านนรสิงห์ สงบ จับตา ‘ทีมเป๊ะ’ ทัพบก

รายงานพิเศษ

การเมืองร้อน

กองทัพร้าว

บ้านสี่เสาฯ นิ่ง

บ้านนรสิงห์ สงบ

จับตา ‘ทีมเป๊ะ’ ทัพบก

ไม่ใช่แค่การเมืองที่นับถอยหลังสู่การเลือกตั้งในปีหน้า ไม่ว่าจะต้นปี กลางปี หรือปลายปีเท่านั้น
แต่กองทัพก็นับถอยหลังไปสู่การเปลี่ยนแปลงกันแล้ว…
ผู้นำเหล่าทัพทั้งแผง เตรียมนับถอยหลัง เพราะอีก 5 เดือนจะเกษียณราชการ
ที่กระแสข่าวลือ การต่ออายุราชการ จาก 60 ปี เป็น 63 ปี ตามแผนปฏิรูปประเทศ ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วนั้น ทำให้เกิดความหวั่นไหว
แม้คนที่จะเกษียณอาจดีใจ ที่จะได้ยืดเวลาเกษียณออกไปอีก แต่บรรดานายทหารที่รอจ่อคิวจะขึ้นอยู่ ก็เริ่มใจเสีย กลัวจะไม่ได้ขึ้นตำแหน่ง


แต่ในที่สุด บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ก็ยืนยันว่า มันก็เป็นแค่แนวทางในการต่ออายุราชการ เฉพาะข้าราชการ ในสาขาอาชีพ ที่มีความชำนาญพิเศษ และไม่เกี่ยวข้องกับกองทัพ
สยบข่าวการต่ออายุราชการ ผบ.เหล่าทัพ หรือวางแผนต่ออายุให้นายทหารน้องรักหลายคนให้อยู่ดูแลกองทัพได้ยาวๆ เพื่อเป็นฐานอำนาจทางการเมืองให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลงได้ทันใด
ดังนั้น ทั้ง บิ๊กเข้ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ปลัดกลาโหม บิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.ทหารสูงสุด บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. บิ๊กนุ้ย พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผบ.ทร. และ บิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. ก็จะต้องเกษียณ 30 กันยายนนี้ตามเดิม
รวมทั้งนายทหารน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จ่อคิวจะขึ้นมาเป็น ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ และในอนาคตคนต่อๆ ไป ก็จะเกษียณราชการตามเดิม
เมื่อนั้น กองทัพผลัดใบ เปลี่ยนผู้นำเหล่าทัพแบบยกแผง อาจทำให้เกิดแรงกระเพื่อม
แม้จะมีพี่ใหญ่อย่าง บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็น รมว.กลาโหม ที่จะเอากองทัพอยู่ ไม่ให้น้องๆ ก่อศึกชิงเก้าอี้กันเกิดขึ้นก็ตาม
แต่ด้วยเพราะความไม่แน่ชัดว่า แคนดิเดตคนใดจะขึ้นเป็น ผบ.เหล่าทัพ แถมทั้งมีความหวาดหวั่นว่า นายทหารน้องรักของ พล.อ.ประวิตร จะข้ามห้วย หรือเสียบยอด ยังคงสะพัดไปทั้งที่กองบัญชาการกองทัพไทย และกลาโหม
อีกทั้งแคนดิเดตในแต่ละเหล่าทัพ ล้วนเป็นเพื่อนเตรียมทหาร 18 ด้วยกันทั้งสิ้น

แม้จะเป็นเพื่อนกัน แต่ก็รู้กันดีว่า เรื่องอำนาจ ไม่เข้าใครออกใคร แถมในอดีตก็มีบทเรียนเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หรือขายเพื่อน เกิดขึ้นมานักต่อนักแล้ว
ทั้งเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด ที่มี บิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เสนาธิการทหาร เป็นตัวเต็ง “คนใน” แต่ทว่า ก็มีโอกาสที่ บิ๊กอ้อม พล.อ.วีรชัย อินทุโศภน ผช.ผบ.ทบ. น้องรักบิ๊กป้อม ที่เป็น ตท.18 ด้วยกัน จะข้ามห้วยมาเสียบ
แม้แต่ บิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รองปลัดกลาโหม อัตราจอมพล น้องรักอีกคนของ พล.อ.ประวิตร รุ่นน้อง ตท.20 ก็ข้ามมาเสียบยอด คุมกองทัพไทยได้เช่นกัน
แม้ว่า พล.อ.ณัฐ จะมีเก้าอี้ปลัดกลาโหมจ่อรอไว้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ตาม แต่หาก พล.อ.ประวิตร เห็นว่า พล.อ.ณัฐ ยังมีอายุราชการถึงปี 2564
จะขอให้ พล.อ.วีรชัย เป็นปลัดกลาโหมก่อน ก็อาจเกิดขึ้นได้

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์
พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี
พล.อ.วีรชัย อินทุโศภน

ขณะที่ บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ รอง ผบ.ทร. แม้จะเป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทร.คนใหม่ แต่ บิ๊กตุ๋ย พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ เสธ.ทร. เพื่อน ตท.18 ด้วยกันก็มาแรง
โดยที่ บิ๊กนุ้ย พล.ร.อ.นริส ผบ.ทร. ก็เปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้ทำงานโชว์ฝีมือ และมีโอกาสได้ใกล้ชิดผู้ใหญ่ ทั้งการส่ง พล.ร.อ.พิเชฐ ร่วมคณะ พล.อ.ประวิตร ไปเยือนสหรัฐอเมริกา ปลายเดือนเมษายนนี้ ในฐานะที่เป็นอดีต ผช.ทูตทหารเรือประจำวอชิงตัน ดี.ซี. และอดีตเจ้ากรมข่าว ทร. รวมทั้งให้ พล.ร.อ.ลือชัย ไปร่วมงานที่ต้องได้พบเจอ พล.อ.ประยุทธ์ เช่น งานสงกรานต์ พระลานพระราชวังดุสิต หรือเจอ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในงานสานใจไทย สู่ใจใต้ แทน
แต่ทหารในกองทัพเรือ รู้สึกได้ถึงแรงกระเพื่อมของการแข่งขันการทำงาน และศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ทร. แม้ว่า พล.ร.อ.นริส จะเคยเอาแคนดิเดตทั้งหมดมาจับมือในงานต่างๆ มาแล้วก็ตาม

แม้แต่ในกองทัพอากาศ ที่แคนเดิเดต 3 คนล้วนเป็นเพื่อน ตท.18 แถมแต่ละคนก็ไม่ธรรมดา ในเรื่องเส้นทางรับราชการและความสามารถ เหลือแค่ว่า คอนเน็กชั่นใครจะแข็งแกร่งกว่า
ทั้ง บิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผช.ผบ.ทอ. บิ๊กโหน่ง พล.อ.อ.ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์ ผช.ผบ.ทอ. ที่เกษียณกันยายน 2562 พร้อมกัน และ บิ๊กยาว พล.อ.อ.วันชัย นุชเกษม เสธ.ทอ. ที่เกษียณกันยายน 2563 ที่ว่ากันว่า จะได้เปรียบที่สุด
และจะเป็น “ตาอยู่”

พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ
พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์
พล.อ.อ.วันชัย นุชเกษม
พล.ท.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์

 

แน่นอนว่า ผู้ชี้ชะตา และเคาะเลือก ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ ที่จะต้องมาเป็นขุนพลคู่บัลลังก์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะคัมแบ๊กมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งนั้น ก็คือ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ นั่นเอง
ขณะที่บทบาทบารมีของ พล.อ.เปรม ในการร่วมเลือก ผบ.เหล่าทัพ หรือขุนพลคนสำคัญ ลดน้อยลง แม้ว่าบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายจะต้องผ่านมือ พล.อ.เปรม ก่อนก็ตาม
แต่ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จะให้น้ำหนักในการจัดทัพ วางตัวขุนพลในกองทัพบก ที่เป็นเหล่าทัพที่ใหญ่ที่สุด และมีพลังแฝงทางการเมืองมากที่สุด
ที่ตอนนี้ บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผช.ผบ.ทบ. นั่งแท่นเต็งหนึ่งเดียวที่จะเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะหลังวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา โดยที่อายุราชการถึงกันยายน 2563 ก็ถือว่าไม่มากไม่น้อยในการดูแลชาติบ้านเมือง
ไม่ใช่แค่เรื่องงานในกองทัพ และ คสช. เท่านั้น ที่ พล.อ.อภิรัชต์ จะต้อง “เป๊ะ” ทั้งในฐานะ ผช.ผบ.ทบ. และ รอง ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยของ คสช. และหัวหน้าคณะทำงานพิเศษฯ แต่ในฐานะนายทหารรักษาพระองค์ ก็ต้อง “เป๊ะ” ยิ่งขึ้นด้วย
โดยมี บิ๊กบี้ พล.ต.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ รองแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ ที่เชื่อกันว่า ขึ้นมาจ่อที่จะเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ และ บิ๊กแก้ว พล.ท.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธการทหารบก ดาวรุ่งทหารม้า ร่วมเป็นทีม “เป๊ะ” แม้จะเกษียณกันยายน 2566 พร้อมบิ๊กบี้ก็ตามที
โดยที่มีสายตาจากโอลด์ โซลเยอร์ บ้านสี่เสาเทเวศร์ มองความเป็นไปและเปลี่ยนแปลงของกองทัพอยู่เงียบๆ นิ่งๆ หลังบานประตูเหล็ก

พล.ต.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ รองแม่ทัพภาคที่ 1

ประตูบ้านสี่เสาฯ จะเปิดออกก็เฉพาะในช่วงเทศกาล วันเกิด 26 สิงหาคม และปีใหม่ และมาสงกรานต์เท่านั้น เพื่อให้ผู้นำประเทศ ผู้นำเหล่าทัพ ตบเท้าเข้าอวยพรและขอพร
ตลอดเวลามากกว่า 40 ปีที่ผ่านมา พรจาก ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ยังคงเป็นพรวิเศษ ที่ใครๆ ก็ใฝ่หา และรอวันที่จะได้มุดเข้าบ้านสี่เสาฯ
แต่มาวันนี้ หลายสิ่งแปรเปลี่ยนไป…
พล.อ.เปรม ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในบ้านสี่เสาฯ ที่อยู่มากว่า 30 ปี และมีความสุขสงบในบ้านหลังนี้ ที่ว่ากันว่า ถูกโฉลก และเสริมดวงป๋าเปรมอย่างยิ่ง จึงทำให้บ้านสี่เสาฯ ยังคงเปี่ยมบารมีมาอย่างยาวนาน
พล.อ.เปรม จะออกไปประชุมคณะองคมนตรี ที่ทำเนียบองคมนตรี วังสราญรมย์ ทุกวันอังคาร และการปฏิบัติภารกิจในฐานะประธานองคมนตรี
แต่ภารกิจส่วนตัว ที่ไม่จำเป็นก็จะงด รวมทั้งลดการไปร่วมงาน หรืออีเวนต์ต่างๆ ลง โดยให้เหตุผลเรื่องของสุขภาพ และคำแนะนำของหมอ ที่ พล.อ.เปรม ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ อยู่ทุกเดือน
โดยเฉพาะการลดงานในช่วงเย็นและค่ำ เพื่อที่จะไม่มีปัญหาเรื่องมื้ออาหาร และการยืนนานๆ รวมทั้งการนอนตามเวลา โดยที่ พล.อ.เปรม เคยยกเลิกไปร่วมงานเลี้ยงรับรองวันกองทัพบก 18 มกราคมที่ผ่านมา รวมทั้งปฏิเสธมางานเลี้ยงรับรองวันกองทัพอากาศ 9 เมษายน ตั้งแต่ต้น
แม้แต่งานที่ พล.อ.เปรม ให้ความสำคัญ อย่างการเปิดโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” มาทุกรุ่น แต่ครั้งล่าสุด พล.อ.เปรม ก็ไม่มาร่วมงาน แม้จะเป็นงานกลางวัน และเป็นโอกาสที่ พล.อ.เปรม จะได้พบปะพูดคุยกับเยาวชนจากชายแดนใต้ รวมทั้ง ผบ.เหล่าทัพ และบิ๊กๆ ทหารที่จะมาร่วมงาน
แต่ พล.อ.เปรม ก็ไม่มา โดยส่งเป็นจดหมายน้อย เขียนด้วยลายมือ ส่งมาถึงเยาวชนแทน

ไม่ใช่เพราะ พล.อ.เปรม ไม่อยากเจอนักข่าว ไม่อยากตอบคำถาม ประเด็นที่ถูกพาดพิง เรื่อง “เช็ก” เงินบริจาค เข้ามูลนิธิรัฐบุรุษฯ เพราะ พล.อ.เปรม ก็งดให้สัมภาษณ์อยู่แล้ว อีกทั้ง พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ นายทหารคนสนิท และ บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และประธานมูลนิธิรัฐบุรุษฯ ได้ชี้แจงไปแล้ว
แต่เหตุผลหนึ่งคือ พล.อ.เปรม ดูจะลดบทบาทตัวเองลง โดยมีเรื่องสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก เป็นเหตุผล
“เราจะได้พบกันอีก เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น” พล.อ.เปรม เขียนจดหมายน้อยไปแทน
โดยงานต่างๆ พล.อ.เปรม จะมอบให้ พล.อ.สุรยุทธ์ ลูกรักป๋า ไปแทน เพราะ พล.อ.เปรม เองก็มอบหมายงานและผ่องถ่ายงานให้ พล.อ.สุรยุทธ์ มากขึ้นๆ แล้ว
แม้ว่าความจริง พล.ท.พิศณุ บอกว่า พล.อ.เปรม ไม่ได้ไม่สบายอะไร เพียงแต่ไม่ค่อยแข็งแรง ตามประสาของคนอายุ 98 ปีเท่านั้น
พล.อ.เปรม เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านสี่เสาฯ แบบเงียบๆ อ่านหนังสือ แต่งเพลง เล่นดนตรี โดยไม่อยากให้ความวุ่นวาย และการเมืองภายนอกย่างกรายเข้ามาในบ้านสี่เสาฯ อันแสนสุข
เพราะบ้านหลังนี้ จะเป็นแหล่งพำนักสุดท้ายของ พล.อ.เปรม ท่ามกลางกระแสข่าวลือเรื่องการเปลี่ยนแปลง
แต่ด้วยบทบาทหน้าที่ที่ต้องติดตามข่าวสารบ้านเมือง ความเคลื่อนไหวต่างๆ รวมทั้งความห่วงใยในชาติบ้านเมือง ที่ไม่เคยจางหายไปจากหัวใจนายทหารเก่าคนนี้
จึงไม่แปลกที่ทุกครั้งที่เปิดบ้านสี่เสาฯ พล.อ.เปรม มักจะต้องให้ข้อคิดสะกิดเตือน และเสนอแนะแก่ผู้นำประเทศ จากบ้านนรสิงห์ ทำเนียบรัฐบาล เสมอมา
จนในยุค บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังคงรับฟัง และให้เกียรติ พล.อ.เปรม มาตลอด

หลายครั้งที่คำพูดป๋าเปรมทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องคิดหนัก จนต้องปรับตัว ปรับภาพลักษณ์ ท่าที ให้นิ่งสงบ สุขุมรอบคอบ ใจเย็นมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่อง “กองหนุน” ที่ลดน้อยลง
โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะตัดสินใจเดินลงสู่สนามการเมือง เพื่อกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก ที่ ส.ส. เสนอชื่อจากรายชื่อของพรรคการเมือง แถมเป็นสมาชิกพรรค หรือรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรค และการตั้งพรรคการเมืองด้วยแล้ว
คำแนะนำ ติติง สะกิด ของผู้เปี่ยมประสบการณ์ทางการเมือง ในฐานะนายกฯ คนกลาง นายกฯ คนนอก อย่าง พล.อ.เปรม จึงมีค่ายิ่งต่อ พล.อ.ประยุทธ์
แม้ว่าสถานการณ์ในวันนั้นของป๋าเปรม กับวันนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะแตกต่างกันก็ตาม
และไม่ว่านายทหารลูกป๋าหลายคนจะเริ่มผิดหวัง และเลิกคาดหวังกับ พล.อ.ประยุทธ์ ไปจากการบริหารประเทศในเรื่องต่างๆ ไปบ้างก็ตามแต่
แต่ พล.อ.เปรม ยังคงเป็นกองหนุนที่เหนียวแน่นของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไป
ตราบใดที่ทหารเสือฯ บูรพาพยัคฆ์ และบ้านสี่เสาฯ ยังคงเป็นขั้วเดียวกัน
ตราบใดที่ป๋าเปรมยังคงยึด “ต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” ตราบนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะยึดมั่น “สู้เพื่อแผ่นดิน” นั่นเอง