“ไม่คิดเลย ทุกคนไม่คิดเลย” โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ผู้กลายเป็น “คุณพี่หมื่น” ของแฟนละครทั้งประเทศ บอกพลางยิ้มกว้าง ส่วนด้านนัยน์ตานั้นเล่าก็เป็นประกายพราว ชนิดดูปุ๊บก็รู้ปั๊บว่า เขารู้สึกยินดีขนาดไหน

และถ้าเขาให้คิด วิเคราะห์ถึงเหตุแห่งความปัง โป๊ปก็ว่า เสน่ห์ของละคร “บุพเพสันนิวาส” นั้นน่าจะอยู่ที่ “ความเป็นไทย”

“คือเขาเขียนละเอียดไง แล้วพอคนดูดูแล้วเชื่อ เขาก็ชอบ เขาก็เรียนรู้คำว่าออเจ้าคืออะไร เพลาชายคืออะไร ได้เห็นว่าเมื่อก่อนเขาใช้ถ้วยชามแบบนี้ กิริยาผู้หญิงเป็นแบบนี้ ไม่ทำแบบนี้”

“ต้องชมคนเขียนบท (ศัลยา สุขะนิวัตติ์) ที่เขียนแล้วถึงใจคน แล้วทุกอย่าง โปรดักชั่น ผู้กำกับฯ ฝ่ายอาร์ต พอลงตัว ยังไงคนก็ชอบ”

กับตัวเอง โป๊ปสารภาพว่าความจริงเขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเล่นอะไรไปบ้าง

“เพราะมันนานไง”

“เท่าที่จำได้ คือเล่นหวานๆ นิ่งๆ แต่พอไปดู ก็อ้าว เราเล่นฉากนี้ด้วยหรือ เราปากร้ายขนาดนี้เลยหรือ ด่าไฟแลบเลย” เล่าแล้วก็หัวเราะอีก

บอกอีกว่าตอนแรกที่ได้รับเสียงสะท้อนจากแฟนๆ ที่บอกว่าเขาดูเปลี่ยนไปในละครเรื่องนี้ ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ กระทั่งได้เห็นในจอนั่นแหละ ถึงรู้

“เปลี่ยนตรงแววตา ที่มันไม่ใช่พระเอกมาก เพราะตอนแรกเกลียดนางเอกจริงๆ ตอนนั้นเล่นชั้นเดียว เพราะภูมิหลังที่เรามีกับผู้หญิงคนนี้คือ เขาร้าย ตบตีบ่าว ว่าพ่อแม่เรา แต่ช่วงที่เริ่มเห็นความดี นางเอกเริ่มน่ารัก ตรงนี้ยาก เพราะต้องเล่นแบบเกลียดอยู่ แต่ในใจรู้สึกชอบ ก็ต้องเล่นเป็น 2 แบบ ต้องเก็บ เลยกลายเป็นขี้เก๊ก”

ซึ่งถูกใจแฟนๆ นักละ

กับงานชิ้นนี้ โป๊ปยังว่านอกจากจะเป็นงานที่สร้างชื่อให้เขามากที่สุดแล้ว ยังเป็นงานที่ต้องโชว์หุ่นมากที่สุดอีกด้วย

“เรื่องนี้ถอดเสื้อเยอะที่สุดเท่าที่เคยเล่นมาเลย” พระเอกคนดังเล่า พร้อมออกอาการเขิน

“จริงๆ เขาต้องถอดเสื้อตลอดนะ เวลาอยู่ที่บ้าน มันคือวิถีชีวิตของเขา แต่ว่าบางช่วงเราหุ่นไม่ดี ฟิตไม่ถึง ผู้กำกับฯ (ภวัต พนังคศิริ) ก็ให้ใส่แบบลอยชาย แต่บางทีเขาบอกต้องถอดจริงๆ แล้วนะ เพราะมีฉากอาบน้ำ เราก็ไปฟิต คุมอาหาร 2 อาทิตย์ ของทอดกินไม่ได้เลย ข้าวก็กินน้อย กินมันๆ ไม่ได้ มันหมูไม่ได้ ขนมหวานไม่ได้”

“โหดมาก” คิดถึงช่วงนั้นแล้วโป๊ปก็โอด

“แล้วยังต้องเล่นฟิตเนสอีก คือทำทุกอย่างเพื่อละคร ผมพูดกับพี่หน่อง (อรุโณชา ภาณุพันธุ์ ผู้จัด) ผมทำเพื่อบุพเพฯ เลยนะ ก่อนหน้านี้ผมอาย แต่พอเป็นเรื่องราวแบบนี้ เรารู้ว่าคนโบราณเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ถอดก็ไม่ต้องเล่น แค่นั้นเลย”

ครั้นเมื่อถามว่าดูเหมือนเขาจะถูกโฉลกกับละครพีเรียด เพราะตอนเล่นซีรี่ส์ “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” นั่นก็ประสบความสำเร็จใช่ย่อย

“กลัวอยู่ กลัวว่าจะถูกโฉลก”

“เพราะเราชอบใส่ชุดปัจจุบัน เสื้อยืด กางเกงยีนส์ ชอบแบบนี้ แต่เล่นพีเรียดทีไร กระแสมาทุกทีเลย” บอกแล้วโป๊ปก็หัวเราะเบาๆ

อย่างไรก็ดี ที่พูดนี่ไม่ได้แปลว่าจะไม่รับนะ เพราะขอให้เรื่องดี บทน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นยุคไหน ก็อยากเล่นหมดแหละ

โดยหลังบท “คุณพี่” ที่เราๆ ติดตามอยู่ทุกวันพุธและพฤหัสบดี หลังข่าวภาคค่ำ ทางช่อง 3 เขาก็รับแสดงเรื่องใหม่ “ข้ามสีทันดร” อันเป็นงานจากบทประพันธ์ของ กฤษณา อโศกสิน ไว้

“บทค่อนข้างหนักนะครับ เป็นเรื่องดราม่า ครอบครัวมีปัญหา การเลี้ยงดูที่ไม่มีเวลาให้ ทำให้ชีวิตของตัวละครผิดพลาด เดินทางผิด”

ด้วยการไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

“เปลี่ยนไปอีกบทบาทหนึ่งเลย”

“มีฉากการใช้ยา เล่นยา โมโหร้าย เกรี้ยวกราด อยากยา เลิกยา มีหมด”

แต่ด้วยความที่บทห่างไกลจากวิถีชีวิตที่เป็นอยู่ ก่อนเข้าฉาก เขาจึงได้ไปศึกษาพฤติกรรมของคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่สถานพินิจ ไปเพื่อดู เพื่อทำความรู้จัก

“ดูว่าพวกเขาอยู่อย่างไร คนที่เข้ามาใหม่เป็นอย่างไร คนที่บำบัดแล้วมาเป็นอาสาสมัคร เขาคิดแบบไหน”

รวมถึงดูให้ละเอียดไปถึงลักษณะการพูด แววตา และพฤติกรรมต่างๆ นานา

“เรื่องนี้ศึกษาเยอะ ดูทั้งหนัง วิดีโอ สารคดี ไม่เหมือนเรื่องอื่น ที่อาจจะแค่เวิร์กช็อป ไปเรียนการแสดง ดูพื้นฐานตัวละคร แต่เรื่องนี้ไปดูคนจริงๆ ไปคุยกับเขา”

และทั้งหมดนั้นก็ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนไป

“ชีวิตเขาน่าสงสารมากเลย”

“เวลาเราเห็น ใจเราจะมองเขาว่าดูน่ากลัว แล้วบางคนจะมีความคิดว่าออกไปแล้ว จะติดอีกไหม พอไปคุยจริงๆ บางคนเขาก็เลิกได้ บอกเข็ดแล้ว ไม่เอาแล้ว เขาอยากช่วยสังคม มีคนแบบนี้จริงๆ เลยรู้สึกว่าคนที่เขาผิดพลาดไปแล้ว เราควรจะให้อภัย แต่คุณก็ต้องไม่ทำอีก”

“ซึ่งละครจะสอดแทรกและให้แง่คิดตรงนี้หลายอย่าง”

เผยด้วยว่าตอนที่ได้รับการติดต่อมา เขาไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน ก็ตอบรับ ด้วยความรู้สึกอยากเล่นมาก ด้วยนอกจากความดีเด่นของเรื่องดังว่า ก็ยังมีอีกเหตุผล

นั้นคือ “เพราะรู้ ว่าเราจะไม่ต้องเล่นอะไรจำเจ ไม่งั้นก็เล่นเดิมๆ”

“อยากรู้ว่าตัวเองจะเล่นได้ไหม อยากให้คนอื่นรู้ด้วย ว่าเราไม่ใช่คุณชาย ไม่ใช่คนที่ต้องเล่นเป็นพระเอ๊ก พระเอก คนชอบคิดว่าเล่นเป็นคุณชาย ง่ายๆ นิ่งๆ เลยอยากพิสูจน์ มาเล่นบทคอเมดี้บ้าง ดราม่าบ้าง เปลี่ยนลุกส์บ้าง”

“อยากลบว่าไม่ได้เป็นคุณชายนะ เป็นนักแสดง เล่นได้ทุกบทบาท”

“รอบทที่ต่างจากเดิมอยู่นะครับ”

โจร มือปืน ตำรวจ ได้หมดละ ขอให้ติดต่อมาเถอะ

“อยากเล่น อยากลอง” ย้ำมาเป็นประโยคสุดท้าย