วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร/รำกระบี่ไม้ กลางหิมะ (134)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย
เสถียร จันทิมาธร

รำกระบี่ไม้ กลางหิมะ (134)

ในความคิดของเอี้ยก่วย “ฤดูหนาวไม่มีน้ำป่า การฝึกกระบี่กลางหิมะกลับเป็นวิธีการอันประเสริฐ” ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ยิ่งเร้าใจอย่างยิ่งยวด
นั่นก็คือ
พลังม้วนกวาดจากปีกคู่ของอินทรี ยิ่งม้วนยิ่งรุนแรง เกล็ดหิมะแม้ตกหนัก แต่ที่พัดพลิ้วมิได้กระทบต้องกายแม้แต่เกล็ดเดียว
เอี้ยก่วยบังเกิดความคึกคัก กระตือรือร้น
ถือกระบี่ไม้ร่ายรำกลางหิมะพร้อมกับโบกสะบัดแขนเสื้อข้างขวา พอเกล็ดหิมะพัดพลิ้วลงมาก็ใช้พลังกระบี่ หรือกระแสลมจากแขนเสื้อ กระพือเกล็ดหิมะให้ลอยพ้นห่างออกไป
ผ่านไปครึ่งวันรู้สึกพลังกระบี่ไม้และแขนเสื้อล้วนมีความรุดหน้า
หิมะครานี้ตกติดต่อกัน 3 วัน ทุกวันมันล้วนฝึกซ้อม พอถึงเที่ยงของวันที่ 3 หิมะยิ่งตกหนักและหนากว่าเดิม ขณะกำลังผนึกสติเข้าสู่สมาธิ สะบัดกระบี่ปัดกระแทกไปยังหิมะ อินทรีพลันขยับปีกจู่โจมเข้ามา
เอี้ยก่วยไม่ทันระวังแทบถูกปีกอินทรีกวาดใส่ รีบกระโดดหลบเลี่ยง
รู้สึกหน้าผากเย็นวาบ ปรากฏหิมะ 2 เกล็ดเกาะติดค่อยได้คิด “วันที่อยู่บนหน้าผา พี่อินทรีกวาดปีกจู่โจมเข้าใส่ช่วยให้มีเพลงกระบี่รุดหน้า วันนี้ยังฝึกซ้อมกระบี่กับเราอีก”

นี่ย่อมเป็นการส่งสัญญาณเหมือนกับที่เคยส่งสัญญาณมาแล้ว ดังนั้น เอี้ยก่วยยื่นกระบี่แทงสวนเสียงกรอบดังขึ้น กระบี่ไม้พอกระทบกับปีกอินทรีก็สะบั้นหัก ณ บัดดล
อินทรีไม่รุกไล่ หุบปีกยืนตระหง่าน ส่งเสียงเบาๆ ท่าทางคล้ายตำหนิ
เอี้ยก่วยครุ่นคิด “หากใช้กระบี่ไม้ต่อต้านกับพลังมหาศาลของท่าน ได้แต่กระโดดหลีกหาช่องทางตีโต้กลับคืน” ดังนั้น จัดทำกระบี่ไม้อีกเล่ม เข้าโรมรันกับอินทรีกลางพื้นหิมะ ครานี้ยืนหยัดได้ 10 กว่ากระบวนท่า
กระบี่ไม้จึงค่อยหัก
ไม่ว่าอินทรี ไม่ว่าเอี้ยก่วย ต่างมุ่งหน้าฝึกปรือ โดยที่อินทรีเข้าควบคุม กำหนดจังหวะก้าวอย่างเข้มแข็ง
ภายในใจเอี้ยก่วยทั้งสำนึกตื้นตัน ทั้งนึกละอาย พลางครุ่นคิด “หากเราฝึกกระบี่ไม้ไม่สำเร็จ ไยมิใช่เป็นการรานน้ำใจของพี่อินทรี ประสบการณ์พิสดารที่ยากจะพบพานเช่นนี้ไหนเลยปล่อยผ่านไปจนสูญเปล่า”
น.นพรัตน์ บรรยายตามสำนวนกิมย้งออกมาว่า
แม้แต่ยามหลับฝันยังครุ่นคิดว่าจะหลบกระบวนท่าและใช้กระบวนท่าอย่างไร เพิ่มพูนกำลังภายในอย่างไร
ผลอันตามมาต่อเอี้ยก่วยน่าพิจารณาอย่างเป็นพิเศษ

ด้าน 1 เมื่อมุมานะฝึกปรือ ความคิดคำนึงที่มีต่อเซียวเล้งนึ่งก็ไม่ร้อนรุ่มมากด้วยความกังวลเช่นเมื่อหลายเดือนก่อน
พิษดอกรักภายในกายได้รับการขจัดจนหมดสิ้น
ขณะเดียวกัน ด้าน 1 มีกำลังภายในเพิ่มพูน ส่งผลให้รูปกายสมบูรณ์ แข็งแรง ไม่ซูบซีดอิดโรยเช่นดังกาลก่อน
ผ่านไป 1 ที่แยกจากเซียวเล้งนึ่ง เอี้ยก่วยจึงกล่าว
“พี่อินทรี ข้าพเจ้าจะไปยังหุบเขาสิ้นไมตรีสักครา วันนี้ขอแยกจากท่านชั่วคราว”
พกพากระบี่ไม้ออกจากหุบเขาโดยมีอินทรีติดตามมา พอเดินถึงทางแยก เอี้ยก่วยประสานมือคารวะเหยียบย่างสู่ทางหลวงซึ่งทอดขึ้นเหนือ
มิคาด อินทรีกัดชายเสื้อฉุดลากลงไปสู่ใต้
“พี่อินทรี ข้าพเจ้ามีกิจธุระต้องขึ้นเหนือ เหตุใดตอนนี้ดื้อดึงยืนกรานถึงเพียงนี้” แต่อินทรียังมุ่งมั่นฉุดลากไปทิศทางเดิมมิแปรเปลี่ยน
นี่คือปณิธานหาญมุ่ง

พิจารณาจากท่าทีของอินทรีแน่วแน่ มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ขอเพียงเอี้ยก่วยหันกายขึ้นเหนือ อินทรีก็จะกัดชายเสื้อไม่ยอมปล่อย
เป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“พี่อินทรีเป็นสัตว์แสนรู้ ที่ฉุดลากเราลงสู่ใต้ต้องมีเจตนาลึกล้ำ เราจะติดตามมันไปก็แล้วกัน” นั่นคือความตกลงใจอีกคำรบหนึ่งของเอี้ยก่วย
ติดตามอินทรีไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้