ธุรกิจพอดีคำ : “สมองฝ่อ”

กรวิชญ์ พนักงานรุ่นใหม่ไฟแรง

สมัครทำงานบริษัทยักษ์ใหญ่ ด้วยใจมุ่งหวังสร้างสรรค์ “นวัตกรรม”

เขาตื่นเต้นมาก ที่วันนี้ จะได้มีโอกาสเข้าประชุมกับ “ผู้บริหารระดับสูง”

กรวิชญ์และหัวหน้าเดินเข้าไปถึงห้องประชุม

มีผู้บริหารบางส่วนมาถึงแล้ว

แต่ก็ตามเคย ผู้บริหารระดับสูง ที่การตรงเวลาเป็นสิ่งที่ “ท้าทาย”

ยังมาไม่ถึงที่ประชุมแห่งนี้

เขาเลือกเก้าอี้ที่นั่งตรงกลางโต๊ะ เพราะอยากจะ “เสนอ” ความคิดใหม่ๆ อย่างใกล้ชิดกับ “ผู้บริหารระดับสูง”

“นี่ เธอนั่งตรงนั้นได้ยังไง มานั่งตรงนี้” หัวหน้าหญิงของกรวิชญ์ ติงด้วยอาการไม่สบอารมณ์

กรวิชญ์ลุกขึ้น แล้วออกมานั่งที่ที่นั่งด้านหลังอย่างเสียไม่ได้

พร้อมตามด้วยเสียงหัวเราะของบรรดา “พนักงานเจ้าหน้าที่” ทั้งหลายตามมา

“นี่ กรวิชญ์ เธอนั่งทำอะไรอยู่ เตรียมน้ำดื่มสิ” หัวหน้าแนะนำเชิงบ่นเล็กๆ

กรวิชญ์มองไปที่ริมห้อง เห็นขวดโหลแก้วใส่น้ำเปล่าไว้

พร้อมแก้วน้ำวางไว้อย่างเป็นระเบียบ

“รินน้ำดื่มให้พี่ๆ สิ รออะไรอยู่”

ทุกๆ เดือน ผมจะได้มีโอกาส “เล่าหนังสือ” ให้พี่ๆ ผู้บริหารกลุ่มหนึ่งฟังกัน ประมาณ 6-7 ท่าน จากหลากหลายอุตสาหกรรม

ไม่ว่าจะเป็นด้าน IT, พลังงาน, โรงพยาบาล, ทีวี

ผมเล่าหนังสือเล่มใหม่ๆ ให้พี่ๆ ฟัง

แล้วพี่ๆ เขาก็จะสนทนากันต่อ ว่าสามารถนำไปปรับใช้กับองค์กรอย่างไรได้บ้าง

กินไป คุยไป สบายๆ เจอกันเดือนละหนึ่งครั้ง

ทำแบบนี้มาสองปีกว่าแล้วครับ

ล่าสุด เราได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาดูงานกันที่ประเทศ “ไต้หวัน”

ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากพี่ๆ หลายท่านครับ

เราเดินเข้ามาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง

เป็นแนวบุฟเฟ่ต์ครับ

หลังจากจัดแจงเรื่องที่นั่งเรียบร้อย

เราก็ต่างไปตักอาหารกัน

พอเดินกลับมาถึงที่โต๊ะ

ผมเห็นพี่คนหนึ่ง ระดับซีอีโอบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ กำลังเทน้ำให้กับ “คนอื่นๆ”

ผมนี่แทบจะวิ่งเข้าไปแย่งพี่เขาเลย

แหม เราเด็กสุด และถูกสั่งสอนมาจากองค์กรใหญ่ๆ ว่าให้ดูแล “ผู้ใหญ่”

นี่ปล่อยให้พี่เขาต้องมา “บริการ” แบบนี้

รู้สึกยังไงไม่รู้เหมือนกันครับ

พี่เขาบอกว่า “โอ้ยคุณ ไม่เป็นไร”

นี่ถ้าไม่รีบห้ามเขา แกอาจจะผสม “น้ำจิ้ม” ชาบู ให้ผมก็เป็นได้นะครับ

เมื่อเดินขึ้นรถทัวร์ เดินทางไปที่โรงแรม

ผมเองก็ “เกร็งๆ” จึงแอบหนีไปนั่งด้านหลังรถ ห่างจากกลุ่มพี่ๆ สักหน่อย

แต่จนแล้วจนรอด ก็มีพี่ท่านหนึ่งหันหลังมาหาผม

“ต้อง มานั่งด้วยกันสิ จะได้คุยกันครบๆ”

บอกตามตรงนะครับ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ ก็ทำให้รู้สึกประทับใจ ที่เขาคิดถึงเรา

เพราะจริงๆ แล้ว ก็อยากจะนั่งคุยกับพี่เขาแหละ

แต่ “เด็ก” แบบเรา ก็กลัวจะทำตัวไม่ถูก

กลายเป็นได้พูดคุยกันในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องธุรกิจ เรื่องส่วนตัว แนวคิดต่างๆ ที่หาเรียนไม่ได้จากที่ไหนแน่ๆ

ภูเขาน้ำแข็ง กำแพงเมืองจีน ที่สร้างระยะห่าง “ระหว่างวัย”

ได้ถูกทลายลงอย่างง่ายดาย

ด้วย “ความเข้าใจ” ของพี่ๆ ผู้บริหารใจกว้างกลุ่มนี้

พอรถบัสเดินทางมาถึงโรงแรม

กระเป๋าเดินทางที่ว่าใบใหญ่ๆ วางอยู่ใต้ท้องรถ

เชื่อมั้ยครับ พี่ๆ ทุกคนเดินไปหยิบกระเป๋าลากกันมาเอง

พอจะช่วยถือ แกก็กลับมองผมแปลกๆ ว่า

“แกจะมาช่วยฉันถือทำไม ฉันถือเองได้”

ประสบการณ์ของผมที่เคยทำงานกับผู้บริหารระดับสูง ระดับกลางมากมาย

เจอมาเยอะครับ “การช่วยถือกระเป๋า”

ส่วนใหญ่ หัวหน้าที่เป็นผู้บริหารระดับกลาง จะสอนให้เราดูแล “ผู้บริหารระดับสูง” อย่างดี

จนกลายเป็น “ความคุ้นชิน”

เห็นท่าน “ผู้บริหารระดับสูง” จะถือกระเป๋าทีไร ต้องแอบจะวิ่งเข้าไปช่วยทุกที

การเดินทางครั้งนี้ ทำให้รู้ว่า

มันเป็นเพียงแค่ “วัฒนธรรม” เจ้ายศเจ้าอย่างขององค์กรบางประเภทเท่านั้นเอง

เวลาผ่านไป 4 วันอย่างรวดเร็ว ได้ความรู้เต็มอิ่ม

ระหว่างที่เรากำลังเดินทางไปรับ “สัมภาระ” ตอนนั้นเป็นเวลา “ห้าทุ่ม”

มีพี่ท่านหนึ่ง เป็นซีอีโอบริษัทอีกแห่งในตลาดหลักทรัพย์ ถามผมว่า “เดี๋ยวคุณกลับยังไง”

“อ๋อ แท็กซี่ครับพี่” ผมตอบสั้นๆ

ในใจก็คิดว่า พี่ๆ เขาคงจะชวนเรากลับด้วยแน่ๆ เพราะเขาน่าจะมีคนขับรถมารับ น่าจะแวะไปส่งได้

แต่พี่เขากลับ “เงียบๆ” ไม่ตอบอะไร

ผมก็คิดว่า “เขาคงจะไปกันคนละทางกับเรา ไม่เป็นไร”

เมื่อเราได้รับ “กระเป๋า” เรียบร้อย

พวกเราก็ร่ำลา แยกย้ายกันกลับ

พี่คนนี้ก็เดินมาหาผม แล้วบอกว่า “ไปกันเถอะ”

ผมก็เลยบอก “เดี๋ยวผมกลับแท็กซี่ครับ พี่ไปก่อนได้เลย”

พี่เขาตอบกลับมา “ผมกลับแท็กซี่เหมือนกัน ลงไปข้างล่างพร้อมกันมั้ย”

โอ้โห ระดับซีอีโอบริษัท “หมื่นล้าน”

ผมถาม “พี่ไม่มีคนมารับหรอครับ”

“ดึกแล้ว ผมกลับเองได้ เกรงใจคนขับรถ” พี่ท่านนั้นตอบ

กรวิชญ์ยังก้มหน้าก้มตา “รินน้ำ” ให้ท่านผู้บริหารระดับสูงอยู่

พร้อมนึกในใจ

“ดีนะเนี่ยที่พี่หัวหน้าเราบอกก่อน ว่าต้องปฏิบัติตัวให้ถูกต้องอย่างไรกับท่านผู้บริหาร”

“เรายังคงต้องมีอะไรเรียนรู้อีกมากแน่ๆ”

สมองฝ่อไม่รู้ตัวไปกับอะไรที่ “เปลือก”

ระวังให้ดี คนรุ่นใหม่ทั้งหลาย