จัตวา กลิ่นสุนทร : ย้อนเวลาเรียบเรียงความทรงจำ ยามย่ำแดนไกลในวัยหนุ่ม (1)

เพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันมายาวนานแต่เป็นรุ่นน้องบอกว่าจะพาภรรยาสาวเดินทางไปท่องเที่ยวสหรัฐ เขาไม่ได้ชักชวนแต่เกิดความรู้สึกขึ้นมาเองว่าการเดินทางไปยังประเทศนั้นมันช่างยาวไกล

ขณะเดียวกัน ถึงเวลานี้ไม่ค่อยจะมีแรงจูงใจอันแรงกล้าอย่างเช่นแต่ก่อนที่พยายามทำอะไรต่อมิอะไรมากมายเพื่อให้ได้เดินทางไปเยือนสหรัฐสักครั้ง

ซึ่งพอเอาเข้าจริงๆ แล้วหลังจากที่มีครั้งแรก จึงเกิดครั้งที่สองติดตามมาอีก หากแต่ว่าเป็นระยะเวลาที่ห่างกันเป็น 10 กว่าปี

เวลาล่วงเลยมากว่า 30 ปียังอยู่ในวัยกำลังก่อร่างสร้างตัว สร้างอนาคต ลักษณะของการงานที่ทำประจำอยู่ดูว่าจะมั่นคง แต่กลับมีความรู้สึกว่าไม่ค่อยมั่นคง เพราะฉะนั้น ในช่วงที่ยังพอมีโอกาส มีเวลาปลีกตัวได้จึงหาทางเดินตามความฝัน เป็นฝันระหว่างยังเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยว่าอยากไปสหรัฐอเมริกาเพื่อหาประสบการณ์บ้าง

สำหรับขณะนั้นต้องขอบอกตามตรงว่ายังไม่เข้าใจอะไรลึกซึ้งกับประเทศที่ใหญ่โตมโหฬารฝั่งซีกตะวันตกนี้สักเท่าไร เพียงรู้แค่งูๆ ปลาๆ รวมทั้งการบอกกล่าวเล่าขานของเพื่อนพ้องจำนวนมากที่ได้เดินทางไปศึกษาเล่าเรียน ซึ่งมีทั้งเพื่อนซึ่งเคยศึกษาในมหาวิทยาลัยเดียวกัน และเพื่อนๆ รุ่นพี่รุ่นน้องจากบ้านเกิดในจังหวัดภาคตะวันออก

ความเข้าใจหลายอย่างจึงผิดพลาดไปจากที่คาดหมายหรือวาดฝันเอาไว้ เช่นว่าการนั่งเครื่องบินคงไม่หนักหนาอะไร เรียกว่าสบายๆ หลับๆ ตื่นๆ ไม่นานคงถึง ซึ่ง ณ เวลานั้นไม่ได้สนใจเรื่องสังขารเพราะยังอยู่ในวัยหนุ่มอายุ 30 ปลายๆ จ่อขึ้น 40 ปี เรียกกันว่าชีวิตยังไม่เริ่มต้น

เวลาอยู่ในเครื่องบิน 10 กว่าชั่วโมงถึง 20 ชั่วโมงคงไม่เท่าไร แต่ถ้าหากเป็นทุกวันนี้ที่วัยล่วงเลยมาตามเวลาจึงไม่อยากจะพาสังขารไปทรมาน เพื่อนพ้องน้องรักจะมาชักชวนสักเท่าไรก็ไม่เอาทั้งนั้น

 

ตั้งเป้าหมายในใจไว้ว่านอกจากการเดินทางโดยเครื่องบินภายในประเทศแล้ว ก็จะขอไปที่ชอบพอด้วยเวลาบินไม่เกิน 3 ชั่วโมง ต้องเป็นที่ชอบจริงๆ แบบว่ามีแรงบันดาลใจ มีแรงจูงใจ

ประเทศเพื่อนบ้านด้านตะวันออก ตะวันตก รวมทั้งเหนือ ใต้ด้วยนั้นยังมีความต้องการได้ไปเยือนซ้ำอย่างแน่นอนที่สุด ถึงแม้ในวัยเยาว์มีโอกาสได้ไปมาไม่น้อยครั้งเหมือนกัน ทั้งกัมพูชา พม่า ลาว และมาเลเซีย กลุ่มประเทศอาเซียน และ ฯลฯ

สำหรับพม่ากับกัมพูชา ย่อมทราบกันดีอยู่แล้วว่ามากไปด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ เป็นประเทศที่รุ่งเรืองด้วยอารยธรรม ศาสนา มาก่อน โดยเฉพาะกัมพูชาเรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ในเอเชียอาคเนย์ งานศิลปะจึงก่อเกิดขึ้นด้วยความบันดาลจากเรื่องของศาสนา ความรัก และการแสดงความสามารถในการรบพุ่งทำศึกสงคราม ความยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์

เป้าหมายในการเยือนประเทศเพื่อนบ้านที่กล่าวมานั้นจึงเป็นไปเพื่อเยี่ยมชมความยิ่งใหญ่จากอดีตทางด้านศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ไม่ได้ไปเยือนเพื่อจะได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองทางด้านเทคโนโลยีสมัยใหญ่ การก่อสร้างอาคารบ้านเรือนยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังสงครามในภูมิภาคนี้ซึ่งประเทศมหาอำนาจได้ก้าวล่วงเข้ามาใช้เป็นสนามรบ

โบราณสถานอันมีชื่อเสียงติดอันดับโลก เป็นมรดกโลก ล้วนอุดมไปด้วยลักษณะศิลปะซึ่งบ่งบอกชาติพันธุ์ และความเจริญรุ่งเรืองจากอดีตยังคงยืนหยัดตามหัวเมืองต่างๆ ไม่ได้อยู่แต่ในเมืองหลวง ซึ่งต้องเดินทางเดินเท้าบ้างพอสมควร ถึงเวลานี้จึงค่อนข้างยากที่จะพาสังขารไปถ่วงผู้ร่วมทัวร์ ร่วมทางอื่นๆ ให้เขาล่าช้า แต่ถึงอย่างไรยังมีความหวัง และตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเดินทางไปเยี่ยมชมอีก

อย่างน้อยได้ไปทบทวนความหลังเชื่อมโยงฟื้นหาความสุขกับบรรยากาศเก่าๆ แต่ครั้งกระโน้น บางทีอาจได้ไปสัมผัสลูบคลำนางอัปสรที่เรียงรายอยู่มากหลายอีกสักหนสองหนก็ได้บรรยากาศดี ได้เฉียดเข้าไปใกล้ปราสาทหินซึ่งบอกไม่ถูก ค้นหาคำตอบไม่พบเลยว่ามนุษย์เมื่อ 100 ปี 1,000 ปีสามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ขึ้นมาอย่างลงตัวได้อย่างไร?

ต้องขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้สงครามเรื่องของลัทธิการปกครองอันแตกต่างไม่ได้ทำลายโบราณสถาน ทำลายศิลปวัฒนธรรมแบบถอนรากถอนโคนแม้จะทำลายเผ่าพันธุ์ฆ่าฟันกันเองจนล้มตายเป็นล้านๆ ชีวิต บ้างหนีตายหายไปอาศัยยังดินแดนแคว้นอื่นๆ โดยเฉพาะในประเทศตะวันตกก็ไม่น้อย แต่โบราณสถาน ศิลปวัตถุก็นับว่าสูญหาย พังพินาศลงไม่มากเท่าที่คาดหมายกัน

 

เมื่อพอมีเวลาที่จะปลีกตัวจากงานประจำเพื่อเดินทางตามความฝันสู่สหรัฐย่อมต้องคิดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ค่าโดยสารเครื่องบิน ที่พัก อาหารเมื่อคิดจนลงตัวแล้วจะต้องคูณ 2 เนื่องจากหุ้นส่วนชีวิตจะร่วมเดินทางด้วย จะว่าไปนอกจากเป็นความฝันแล้วยังเคยเคยให้ความช่วยเหลือน้องของเพื่อนร่วมชีวิต คือน้องภรรยาให้ได้เดินทางสู่ประเทศนั้นมาก่อนหน้าหลายปี

ขณะนั้นคนที่เรียกว่าน้องยังละอ่อนไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องราวเหนือใต้ออกตกอะไร บังเอิญมีญาติไปปักหลักลงเอยกับหญิงอเมริกันมีทายาทจนกระทั่งคงไม่กลับประเทศบ้านเกิดแล้วให้การโอบอุ้มเรื่องที่พักอาศัย ในเมื่ออยู่เมืองไทยก็ไร้อนาคต ศึกษาเล่าเรียนอะไรก็ไม่เป็นโล้เป็นพาย มีโอกาสจึงถูกจับส่งไปตายเอาดาบหน้า

เป็นหน้าที่เพราะเป็นน้องของเพื่อนร่วมชีวิต หรือหุ้นส่วนชีวิตที่จะต้องช่วยเหลือจัดการให้เพราะมันทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เริ่มตั้งแต่ทำพาสปอร์ต ซึ่งสมัยนั้นไม่สบายง่ายดายเหมือนทุกวันนี้ต้องขอให้พวกพ้องช่วยกันนิดหน่อย จำได้ว่านายตำรวจนักเขียนพันตำรวจเอกมนัส สัตยารักษ์ (พี่นัส) ช่วยจัดการให้ผ่านพ้น

ต่อมาเป็นเรื่องของสายการบิน ตั๋วเครื่องบิน เนื่องจากเวลานั้นไม่มีการบินไทย สายการบินแห่งชาติ บินสู่สหรัฐอเมริกา หรือบินแล้วแต่ไปยังเมืองอื่น จำเป็นต้องหาสายการบินอื่นเพราะจะต้องบินไปต่อเครื่องภายในประเทศยังสนามบินนครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ญาติจะได้มารับ

ด้วยความจำแม่นยำจนกระทั่งทุกวันนี้ว่าได้ซื้อตั๋วโดยสารของสายการบินแอร์ฟร้านซ์ (Air France) บินจากกรุงเทพฯ แวะพักปารีส ก่อนบินสู่นครชิคาโก

 

เป้าหมายในการเดินทางสู่สหรัฐเมื่อปี พ.ศ.2527 ซึ่งตรงกับงาน “โอลิมปิก ลอสแองเจลิส” (Olmpic Los Angeles 1984) จึงต้องหอบหิ้วคุณแม่ของหุ้นส่วนชีวิตคือแม่ยายไปด้วย เพื่อจะได้พบกับลูกชายซึ่งหายสาบสูญไปไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร มีแต่ข่าวว่าเกิดความขัดแย้งกับญาติซึ่งให้ที่พักพิงระยะแรกออกจากบ้านไปพบรักกับลาวอพยพกระทั่งมีลูกมีเต้า เพียงส่งข่าวบอกมาว่าอยู่เมือง Demoines มลรัฐ Iowa ตอนกลางๆ ของประเทศ ถามคนไทยด้วยกันรวมทั้งคนขายตั๋วเครื่องบินต่างบอกไม่รู้จัก

โดยสายการบินของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งขณะนั้นซื้อได้ราคาค่อนข้างย่อมเยาว์ แต่ต้องบินจากกรุงเทพฯ ไปสิงคโปร์-ไทเป-โฮโนลูลู ก่อนเข้าสู่สนามบินนครลอสแองเจลิส (Los Angeles) มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ ซึ่งบินยาวนานพอควร

ได้นัดหมายไปพักพิงกับ กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ (สาขาทัศนศิลป์) (ปี พ.ศ.2540) เพื่อนรักซึ่งได้ติดต่อประสานงานส่งข่าวความเคลื่อนไหวเรื่องศิลปะกันอยู่อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ซึ่งขณะนั้นเขาเป็นศิลปินไทยที่เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังหลังเรียนจบจากสถาบันศิลปะ “โอทิส” (Otis Art Institute)

เขาซื้อบ้านพักเป็นของตัวเองอยู่บริเวณเชิงเบเวอรี่ ฮิลล์ เวสต์ ฮอลลีวู้ด (Bevery Hill West Hollywood) ซึ่งหากมิได้บ้านพักของเพื่อนครั้งนี้คงต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมาย ขณะเดียวกันก็คงไปไหนไม่ถูก และคงไม่ได้พบเพื่อนพ้องที่ตั้งใจไว้ เนื่องจากประเทศนี้มันใหญ่โตเหลือประมาณ

 

วันหนึ่งกมลได้พาไปพบคุณพ่อ คุณแม่ของเขาซึ่งขณะนั้นได้เดินทางไปอยู่ที่สหรัฐ

นับเป็นความโชคดี ปรากฏว่าเป็นคนพื้นเพบ้านสวนฝั่งธนบุรีย่านเดียวกันทั้งสิ้น รวมทั้งแม่บ้านของเขาก็อยู่ในละแวกเดียวกัน จึงเกิดความสนิทสนมกันง่ายขึ้น

ผู้เดินทางจากเมืองไทยพำนักอยู่ที่แอลเอ (L.A.) ท่องเที่ยวหลายแห่งแหล่งที่โดยเพื่อนรักเป็นผู้ขับรถพาไป ได้ศึกษาดูงานศิลปะบ้าง

มีโอกาสพบปะคนไทยจำนวนไม่น้อย ด้วยความจำอันสุดยอด จึงมีเรื่องเก็บมาบอกเล่าต่อไปได้อีก