ฟาสต์แทร็ก

เหตุอื้อฉาว โกงเงินคนจน เงินนักเรียน เงินหมา (กรณีวัคซีนสุนัขบ้า)

ที่บานปลายออกไปเรื่อยๆ

ทำเอารัฐบาลต้องเพิ่มแอ๊กชั่น

ไม่เพิ่มไม่ได้

เพราะชักเข้าเนื้อ ด้วยที่ผ่านมา รัฐบาลมักจะชี้นิ้วกล่าวหา “นักการเมือง” เป็นตัวการโกงกิน

เป็นต้นทางแห่งความชั่วร้าย

แต่เมื่อรัฐบาลทหารบริหารงานมาจะครบ 4 ปี

ปัญหาการทุจริต นอกจากไม่ลดแล้ว

ยังถูกประจานว่า ระบบ “ราชการ” ที่รัฐบาลคุ้นเคยนั่นแหละเป็นแหล่งต้นตอโกงใหญ่

ว่าแต่เขาเอาไว้มากๆ พอเกิดกับฝ่ายตัว เลยพะอืดพะอม พูดได้ไม่เต็มเสียง

ธง “ปราบโกง” ชักไม่โบกไสว ไม่สง่างามและเสียแต้มลงทุกวัน

ด้วยเหตุนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เลยต้องออกโรง

ประกาศนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในการป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อปฏิรูประบบการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นที่เชื่อมั่นและไว้วางใจของประชาชน

แบบฟาสต์แทร็ก

โดยส่งไปให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบเมื่อ 27 มีนาคมที่ผ่านมา

เช่น ในกรณีที่ข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถูกร้องทุจริตและประพฤติมิชอบ

ให้ต้นสังกัดสอบเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน

ถ้ามีมูลให้พิจารณาดำเนินการทางวินัยหรือทางอาญาโดยเร็ว

ซึ่งจะต้องให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

ในกรณีที่เป็นเรื่องร้ายแรงหรือมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและไว้วางใจของประชาชน ให้มีการย้ายหรือโอนเป็นกรณีพิเศษไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี

ที่ว่ามีตำแหน่งรองรับเป็นร้อย

ในกรณีสามารถชี้มูลความผิดได้ แต่ไม่ถึงขั้นให้ปลดออกจากราชการหรือไล่ออกจากราชการ

ห้ามปรับย้ายกลับไปดำรงตำแหน่งหน้าที่ในลักษณะเดิมภายในเวลา 3 ปี

การปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล หรือคณะรักษาความสงบแห่งชาตินี้ หากใครทำล่าช้าหรือไม่มีประสิทธิภาพ

ให้ย้ายหรือโอนไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอื่นทันที

ให้มีมาตรการคุ้มครองพยาน

ใครบิดเบือนข้อมูลให้ลงโทษบุคคลดังกล่าวอย่างเด็ดขาดด้วย

มีการย้ำในตอนท้าย

ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ยึดถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้โดยเคร่งครัด

ดูขึงขัง

แต่อีกด้านหนึ่ง

ก็เป็นการยอมรับกลายๆ ว่า มาตรการเหล็กของ คสช. และรัฐบาลที่ผ่านมา

เอาไม่อยู่

แต่จะนั่งรักษาหน้าและรักษาฟอร์มเฉยๆ ไม่ได้

เพราะปัญหาโกงลามไปเรื่อยๆ มาตรการปราบแบบฟาสต์แทร็กเลยต้องถูกงัดออกมา

หวังเรียกศรัทธาคืน!?!