มาดามหลูหลี / Destiny : บุพเพสันนิวาสสไตล์ญี่ปุ่น

มาดามหลูหลี[email protected]

หลังจากประสบความสำเร็จจากภาพยนตร์เรื่อง Always ทุกภาค ผู้กำกับฯ ทาคาชิ ยามาซากิ ซึ่งมักสร้างฉากจินตนาการย้อนยุคย้อนเวลามาแล้ว ลองสร้างฉากแบบข้ามภพข้ามมิติดูบ้าง ในเรื่อง Destiny หรือ The Tale of Kamakura หรือ Kamakura Monogatari ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งสร้างจากการ์ตูนมังงะของเรียวเฮย์ ไซงัง ตีพิมพ์ครั้งแรก 9 กุมภาพันธ์ 1984

Destiny เป็นหนังดีอีกเรื่องหนึ่งในงานเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น 2018 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

 

เรื่องราวของหนังเกิดขึ้นที่เมืองคามาคุระ อดีตเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น ห่างจากโตเกียวไปทางตะวันออกประมาณ 1 ชั่วโมง

เป็นเมืองที่มีองค์พระใหญ่ไดมุทซึอันมีชื่อเสียง นอกจากนี้ ยังมีวัดเก่า ศาลเจ้าเก่าและสถานที่ประวัติศาสตร์อยู่หลายแห่ง ยังมีชายหาดสะอาดแสนสวย

คามาคุระเป็นเมืองเก่า จึงมีกลิ่นอายปีศาจ อย่างที่อาจารย์มาซาคาซึ อิชชิกิ (มาซาโตะ ซากาอิ) นักเขียนนิยายแนวลึกลับ (ญี่ปุ่นและเกาหลีเขาจะนับถือนักเขียนจึงเรียกว่า “อาจารย์”) บอกกับอากิโกะ อิชชิกิ (มิตซึกิ ทาคาฮาตะ) ภรรยาซึ่งอายุน้อยกว่ามาก

อาจารย์อิชชิกิเพิ่งแต่งงานและกลับจากฮันนีมูนกับอากิโกะ มาอยู่ที่บ้านในเมืองคามาคุระ อากิโกะตกใจกับภาพที่เห็นตัวกัปปะ สัตว์ในเทพนิยายของญี่ปุ่นเดินเพ่นพ่านหน้าบ้าน อาจารย์อิชชิกิบอกภรรยาว่าเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเมืองนี้ เดี๋ยวเธอก็จะชินไปเอง

นอกจากจะเป็นนักเขียนแล้ว อาจารย์อิชชิกิยังเป็นที่ปรึกษาให้สถานีตำรวจ ช่วยในเรื่องคดีฆาตกรรมและสืบหาฆาตกรโดยดูลักษณะของผู้ถูกฆาตกรรม

อากิโกะ หญิงสาววัย 23 ปี ตกหลุมรักอาจารย์อิชชิกิทันทีที่พบกันครั้งแรก และอาจารย์ก็ชอบเธอเช่นกัน อากิโกะใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านให้อาจารย์อิชชิกิในเมืองคามาคุระเมืองโบราณ ซึ่งเธอได้พบสิ่งแปลกประหลาดต่างๆ

แต่ด้วยจิตใจที่ดีและเป็นมิตร ทำให้เธอไม่กลัวและรู้สึกสนุกไปกับสิ่งที่พบเจอ…

 

มีตลาดกลางคืนของเหล่าปีศาจ ซึ่งอาจารย์อิชชิกิกับอากิโกะเดินผ่าน อาจารย์ไม่อยากแวะ แต่อากิโกะรู้สึกตื่นเต้นและอยากเดินดูของที่ตลาดนี้ ด้วยแสงสียามค่ำคืนอันชวนหลงใหล (ผู้หญิงกับการช้อปปิ้งมักแยกกันไม่ได้)

ข้าวของที่อากิโกะซื้อด้วยความตื่นเต้น เหมือนมีวิญญาณที่มุ่งร้ายแฝงมาด้วย แต่เธอไม่รู้ตัว

ในขณะที่อากิโกะทำอาหาร เหมือนมีใครบางคนแอบมองเธออยู่ รวมทั้งอาจารย์อิชชิกิ ซึ่งคิน (ทามาโฮะ นาคามูระ) แม่บ้านที่เป็นพี่เลี้ยงของอาจารย์อิชชิกิจับได้ คือเทพเจ้ายาจก เทพเจ้าที่มักจะนำแต่โชคร้ายและความยากจนมาให้ ทำให้ขาดรายได้ที่ควรจะได้

แต่ด้วยจิตใจที่ดีของอากิโกะ กลับยอมให้เทพเจ้ายาจกอาศัยอยู่ที่บ้านได้ ทั้งเธอรู้สึกสนุกที่มีเพื่อนพูดคุยในยามที่เธอต้องอยู่บ้านคนเดียว

และสิ่งดีๆ ที่เธอทำได้ส่งผลอันยิ่งใหญ่ซึ่งเธอและอาจารย์คาดไม่ถึง เมื่อเธอถูกบังคับจากอสูรตัวกิเลสที่มีพละกำลังมาก แม้แต่ยมทูตยังทำอะไรไม่ได้ ซึ่งดูไม่มีเหตุผล

ฉากการต่อสู้ไล่ล่า เมื่ออิชชิกิไปพาอากิโกะหนีตัวอสูร เป็นฉากเมืองสวรรค์ที่สร้างจากจินตนาการอันงดงาม กับขบวนรถไฟรุ่นเก่าคลาสสิคที่อิชชิกิหลงใหล และชุดแต่งกายอันวิจิตรของอากิโกะ

 

นอกจากนี้ ภาพยนตร์ยังนำเสนอเรื่องราวชีวิตหลังความตาย ที่บางคนยังไม่พร้อมจะตาย มีการต่อรองกับยมทูตเพื่อขอใช้สิทธิเป็นวิญญาณคอยดูแลครอบครัวที่ยังห่วงใยอยู่

แต่ถ้าหากยมทูตไม่ยินยอม อาจต้องขอยืมเวลาชีวิตของคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด เพื่อให้ได้อยู่กับครอบครัวไปอีกสักระยะหนึ่ง เช่น ฮอนดะ (ชินอิจิ สุสุมิ ดาราคู่ขวัญของผู้กำกับฯ จาก Always) เพื่อนของอาจารย์อิชชิกิ ซึ่งทำงานสำนักพิมพ์คอยตามทวงต้นฉบับของอาจารย์

การขอยืมชีวิต จะทำให้คนคนนั้นอายุขัยสั้นลง แต่คนที่รักก็ยังยินดีให้ยืม

เรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ ทั้งชีวิตเบื้องหลังความตายหรือเรื่องอื่นๆ มักจะเล่าเรื่องคล้ายๆ กันทั้งไทย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เหมือนรับมาจากพระไตรปิฎก

และหนังยังสื่อว่า การทำความดี ย่อมได้รับผลตอบแทนที่ดี

 

Destiny ภาพยนตร์แฟนตาซี มีทั้งวิญญาณ, สัตว์ประหลาด, เวทมนตร์, ปีศาล, เทพเจ้า, กัปปะ, สัตว์ในจินตนาการ ที่ดูเหลือเชื่อ หรือไม่เชื่ออย่าลบหลู่

ภาพยนตร์สนุกมากๆ ดูแล้วลุ้นว่าจะเป็นอย่างไร เอาใจช่วยอาจารย์อิชชิกิและอากิโกะที่น่ารัก

ภาพยนตร์ได้รับรางวัล Japan Academy Prize ทั้งสาขากำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม และจัดแสงยอดเยี่ยม เพลงประกอบไพเราะมากๆ ใช้วงดนตรีออเคสตร้าที่ฟังกระฮึ่ม ทรงพลังมาก ในทุกฉากทุกตอน ทำให้หนังดูยิ่งใหญ่มาก

Destiny ดูแล้วเหมือนความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม ชายหญิงที่บุพเพสันนิวาสกำหนดมาแล้ว คู่แล้วไม่คลาดแคล้วกัน เช่นเดียวกับพี่หมื่นและแม่หญิงการะเกดนะออเจ้า…