ใส่บ่าแบกหาม/ พรพิมล ลิ่มเจริญ/Call Me by Your Name

ใส่บ่าแบกหาม

พรพิมล ลิ่มเจริญ

Call Me by Your Name

เธอจ๊ะ
Call Me by Your Name เป็นหนังรักโรแมนติก สร้างจากนิยายชื่อเดียวกัน เขียนโดย Andr? Aciman, ได้รางวัลออสการ์สาขา Best Adapted Screenplay หรือภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม
ฉันชอบรางวัลสาขานี้เป็นการเฉพาะ มันต้องอาศัยทั้งความฉลาด ฝีมือ ศิลปะในการเขียนจินตนาการ และประสบการณ์ชีวิต
อย่างเรื่องนี้นี่ไง James Ivory เป็นคนเขียน คุณเจมส์อายุ 79 ปีแล้ว มีคุณสมบัติในการเป็นผู้เข้าใจชีวิตสิ่งที่จะเขียนมากๆ, เป็นผู้กำกับหนัง เคยเข้าชิงรางวัลสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมมาตั้งแต่ A Room with a View (1985) Howards End (1992) และ The Remains of the Day (1993)
มาเขียนบทภาพยนตร์ให้กับเรื่องนี้ได้เลิศเลอหาใครมาเสมอเหมือน เธอลองหาอ่านดูสิ
พูดถึงรางวัลออสการ์ ตลอดปีเราจะไม่ค่อยได้ดูหนังดีๆ อย่างหนังชิงรางวัลออสการ์ โรงหนังไทยชอบจัดโปรแกรมหนังที่เข้าชิงรางวัลออสการ์ โดยการเอามาอัดรวมแน่นในโปรแกรมการฉายเดียวกัน คือหนังชิงรางวัลน่ะนะ เอามาฉายเหมือนอนุมานว่าผู้ชมว่างๆ อยู่ พร้อมจะดูได้ทุกวัน วันละเรื่องสองเรื่องติดๆ กันไป หรือพร้อมจะมาดูวันเสาร์วันเดียว แบบต้องดูเช้าจรดเย็นก็ทำได้ง่ายดาย
ไม่คำนึงถึงเลยหรือว่า การดูหนังแนวๆ ชิงรางวัล มันจะสูบเอาพลังงานของเราไปหนักหนาสาหัสสากรรจ์ทีเดียวเจียวหนา
มากะเกณฑ์กับการที่ต้องดูให้หมดภายใน 1-2 สัปดาห์ ฉันไม่ไหวนะ ฉัน appreciate ไม่ทัน ฉันจึงต้องเลือก
ฉันเลือกเรื่องนี้ พร้อมทำนายทายทักว่า เขาต้องได้รางวัล เข้าชิงไปหกรางวัล

เรื่องก็เริ่มในฤดูร้อน ประเทศอิตาลี มี Elio เป็นเด็กหนุ่มอายุ 17 ปี อาศัยในบ้านหลังใหญ่ สวยงาม กับพ่อและแม่
I read books, transcribe music,
swim at the river.
ผมก็อ่านหนังสือ แกะเพลง
ว่ายน้ำในแม่น้ำ
ก็ฤดูร้อนไง ไม่ต้องไปเรียน วันๆ ก็ทำแค่นี้วันหนึ่งก็ผ่านไปไวมากแล้ว
คำกริยา transcribe ส่วนมากก็จะหมายความว่า แกะเทป หรือไม่ก็ ถอดเทป ตอนนี้ไม่มีเทปแล้วสินะ แต่ฉันก็ยังเรียก แกะเทป หรือก็คือ ถอดเทปที่บันทึกไว้ รูปแบบไหนก็ได้ ฟังแล้วก็เขียนออกมาเป็นตัวหนังสือเป็นพอ ส่วนถ้าเป็นเพลง ก็แกะเพลงให้ออกมาเป็นโน้ตให้เครื่องดนตรีอื่นๆ เอาไปเล่นได้
เรื่องอ่านหนังสือ เอลิโอ้ก็ไม่ย่อหย่อน อ่านหนังสือทุกประเภท เป็นเด็กชายที่ผู้ใหญ่อยู่ด้วยแล้วไม่มีเบื่อ รอบรู้และมีความคิดเป็นของตนเอง มาร์เซียเพื่อนหญิงของเอลิโอ้ดูจะตระหนักดีในข้อนี้
People who read are hiders.
They hide who they are.
People who hide don’t always
like who they are.
คนชอบอ่านเป็นพวกหลบซ่อน
ซ่อนว่าตัวเองเป็นใคร
แน่นอนว่าคนที่หลบซ่อน
ไม่ชอบตัวเองนักหรอก
เพื่อนพูดไม่ผิดหรอก ก็วัยรุ่นนี่นะ ยังไม่รู้จักตัวตนของตน หลบๆ ซ่อนๆ ไปก่อนได้
เอลิโอ้ฉลาด เก่ง แต่ก็ความที่เป็นวัยรุ่น ก็จะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเก่งและเท่มากแล้ว ก็วัยรุ่นไง ให้เก่งแค่ไหน ก็ยังคงไม่มั่นใจในตัวเอง และสามารถสร้างความไม่มั่นใจให้ตัวเองได้อยู่เรื่อยไปไม่หยุด จนผ่านพ้นช่วงวัยนี้ไป
อย่างเธอและฉันช่วงวัยรุ่นก็ละล้าละลัง เลิ่กลั่ก ลักลั่นไม่มากก็น้อย ฉันจำตัวเองได้
พ่อของเอลิโอ้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เชี่ยวชาญด้านโบราณคดี ตามปกติวิสัย พ่อก็มักจะเชื้อเชิญผู้คนมาร่วมงานวิจัย และให้มาพักอยู่ด้วยที่บ้าน ปีนี้ก็มี Oliver นักศึกษาปริญญาโทชาวอเมริกัน อายุ 24 ปี
พ่อและแม่ดี ใกล้ชิดลูก ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันทุกวัน กินข้าวด้วยกันทุกมื้อ เช้ากลางวันเย็น ถ้าไม่มีใครติดธุระอะไร
You do know that
you can always talk to us?
ลูกรู้ใช่ไหมว่า
ลูกคุยกับพ่อแม่ได้ตลอดเวลา?
พ่อแม่ย้ำกับอเลิโอ้เสมอๆ

การมาถึงของโอลิเวอร์ก็สร้างความแปลกใหม่ในจิตใจของเอลิโอ้ เมื่อรู้จักมักจี่ ได้ใกล้ชิดกัน ก็จะรู้สึกได้ แต่ไม่ง่ายเลยที่จะพบความนัย
เอลิโอ้ดูจะไม่สบอารมณ์ในหลายเรื่อง มาเอาห้องนอนของตนไป ให้ไปอยู่ห้องเล็กๆ อีกฝั่ง มีห้องน้ำคั่นกลาง ต้องใช้ร่วมกัน และในตัวโอลิเวอร์ มันมากมายที่บอกไม่ถูกว่าชอบหรือชัง
เรื่องหนึ่งคือ โอลิเวอร์ไม่พูด goodbye ในการลาจากไป เอาแต่พูด later
Just watch, this is
how he’ll say goodbye to us
when the time comes.
With his… “later!”
คอยดูสิ
เวลาจะบอกลากับเรา
ถึงตอนนั้นทีไร
ก็มีจะมีแต่ “เจอกัน”
เอลิโอ้เห็นว่าแบบนี้ดูไม่มีมารยาท ถึงกับเอ่ยปากกับพ่อต่อสิ่งที่สังเกตเห็น
I don’t think he’s arrogant…
I think he’s shy.
You’ll grow to like him!
พ่อไม่คิดว่าเขายโส
เขาเป็นคนขี้อาย
อยู่ๆ ไป เดี๋ยวก็ชอบเขาเอง!
แล้วก็เป็นจริงดังนั้น!

หนังถ่ายมาสวยจังเลย ประเทศอิตาลีเป็นประเทศที่สวย ทำให้ออกมาเป็นฉากประเทศอิตาลีปี 1983 ยิ่งสวยใหญ่ สมให้คนสองคนได้รักกัน ความรักในใจก็สวย บ้านเมืองแบบอิตาเลียนสวยทุกมุมมอง พี่สยมภู มุกดีพร้อม เป็นตากล้อง เป็นคนไทย ถ่ายภาพฝีมือดี ยินดีกับงานชิ้นนี้ของพี่เขา มันได้อารมณ์นะ เมื่อความรักของเราสวย สิ่งใดๆ ภายในใจเราก็งาม ภาพที่สายตามองเห็นก็สวยงามไม่แพ้กันเยี่ยงนี้
ชอบตอนที่พี่โอลิเวอร์ทำหมางเมินใส่เอลิโอ้ เอลิโอ้ก็ทุรนทุรายพี่เขาหายไปไหน เลยต้องเขียนจดหมาย เขียนแล้วขยำทิ้ง เขียนแล้วขยำทิ้ง ก้อนกระดาษเกลื่อนพื้นห้อง ทำนองว่า อย่าเงียบอย่างนี้สิ ฉันต้องตายถ้าขาดเธอ แต่เอลิโอ้ก็ขยำทิ้งอีก
Way over the top!
เยอะไปแล้วเหอะ!
(way) over the top เป็นสำนวน พูดเวลาอะไรๆ มันเกินไป เช่น เยอะเกินไปไม่เหมาะสม ต้องการมากเกินไป ต้องการความสนใจมากล้นเกิน
สุดท้ายเอลิโอ้สรุปที่
I can’t stand the silence.
Need to speak to you.
ทนความเงียบไม่ได้แล้ว
ต้องคุยกันหน่อยแล้วล่ะ
จากตรงนั้น ความใกล้ชิดสนิทสนมก็พัฒนาไปสู่ความลึกล้ำขึ้นไปเรื่อยๆ

หนังเขาเลือกจบเมื่อฤดูร้อนของสองเรานั้นสิ้นสุด ความรักของเราต้องสิ้นสุดด้วยไหม? ความทรงจำมันจะสามารถแจ่มชัดอยู่ในใจไปได้อีกกี่มะน้อย, หนังสือมีต่อไปยาวกว่านั้น ขอเชิญทุกคนไปอ่านเถิด ฉันรับประกันว่ามันจะดีต่อความรักและความรู้สึกของเรา
ชอบพี่ผู้กำกับฯ Luca Guadagnino ท่านว่าจะทำตอนต่อไป พี่ลูก้ามีเรื่องจะเล่าอีกมากมาย โดยเฉพาะยุคสมัยนั้น ไม่พูดถึงเรื่องโรคเอดส์ไม่ได้สิ รอดูเลย ขอให้แกทำเถิด
ชื่นใจกับ Call Me by Your Name ชื่นใจขนาดว่าไม่อยากดูหนังเรื่องไหนใดๆ ในตอนนี้เลย เพราะอยากให้ความชื่นใจนี้อยู่ในใจไปให้นานที่สุด ไม่อยากให้เรื่องไหนมาแทนที่เลย พับผ่าสิ!
ฉันเอง