ลึกแต่ไม่ลับ : ปีชง “บิ๊กเนม” กับทางสาย “ใกล้-ไกล”

จรัญ พงษ์จีน

“มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุขและทุกข์”

เป็นความไม่เที่ยง 8 ประการ ซึ่งไม่จีรังยั่งยืน มีความแปรปรวนในหมู่มนุษย์

เป็นอีกหนึ่งคนดัง “พีระพงศ์ อิศรภักดี” อดีต ผอ.ขสมก. ที่ถูก “ศาลอาญา” พิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 3 ปี โดยไม่มีเหตุรอการลงโทษ จึงถูกนำไปควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทันที ระหว่างรอประกันตัวจากคำสั่ง “ศาลอุทธรณ์”

พุทธศักราช 2558-2559 เป็นปีชง บรรดา “บิ๊กเนม” พาเหรดกันติดคุกติดตะรางกันคนแล้วคนเล่า “ปีวอกไม่ลิงโลด” เอาเสียเลย กระบวนการ “ยุติธรรม”….”ดุ-แรง” ตัดสิน ลงคำพิพากษา พลิกชีวิตโชคชะตา “นักการเมือง-ข้าราชการ-นักธุรกิจ” กันค่อนข้างจะมากหน้าหลายตา

“นับหนึ่ง” ตั้งแต่ “ชูชีพ หาญสวัสดิ์” นักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองปทุมธานี ส.ส.ตลอดกาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถูก “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” พิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 6 ปี พร้อมกับ “วิทยา เทียนทอง” น้องชายร่วมสายโลหิตของ “เสนาะ เทียนทอง” ผู้ปั้นดินให้กลายเป็นดาวทางการเมือง เคยสร้างตำนานด้วยการประสานสิบทิศ เสกนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยมาแล้วสี่ซ้าห้าคน

“ชูชีพ-วิทยา” ถูกพิพากษาโดย “ไม่รอลงอาญา” ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และร่วมกันฮั้วประมูลการจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์เพื่อแจกเกษตรกรที่เดือดร้อน ระหว่างปี พ.ศ.2544-2545 จำนวน 1.3 แสนตัน วงเงินประมาณ 367 ล้านบาท

วันเวลา น. ไล่เลี่ยกัน คือ ณ วันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ.2559 “ศาลฎีกา” พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 2 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคนละ 10 ปี โดย “ไม่รอลงอาญา” กับ “พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ” อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ “นายปริญญา นาคฉัตรีย์” กรรมการ กกต. มูลความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.เลือกตั้ง พ.ศ.2541

ผลสืบเนื่องมาจากการเลือกตั้ง กรณีไม่เร่งสอบสวนข้อเท็จจริงกับข้อร้องเรียน กล่าวหาพรรคไทยรักไทยว่าจ้างพรรคเพื่อแผ่นดินไทย และพรรคพัฒนาชาติไทย ลงสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2549

“พล.ต.อ.วาสนา” ติดคุกขณะที่อายุ 75 ปี และ “นายปริญญา” ในวัยชรา 76 ปี

ที่ฮือฮาไม่แพ้กัน กับการที่ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” พิพากษา เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2558 ให้จำคุก “ร.ท.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ์-นายวิโรจน์ นวลแข” อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย และพวกอีก 2 คน คนละ 18 ปี และจำคุกอดีตเจ้าหน้าที่แบงก์กรุงไทยพร้อมผู้บริหารเครือบริษัทกฤษดามหานคร รวม 12 คน คนละ 12 ปี ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ อนุมัติปล่อยสินเชื่อโดยมิชอบ วงเงิน 8,000 ล้านบาท

ไม่นับคดีปลาซิวปลาสร้อย อาทิ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์” อดีตเจ้าพ่ออ่าง หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ซึ่งถูกศาลฎีกา จำคุก 2 ปี คดีรื้อบาร์เบียร์ ซอยสุขุมวิท 10 ซึ่งเจ้าตัวต่อสู้คดีมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่มารับสารภาพในชั้นศาลฎีกา

คดี “ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ที่ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน ในฐานความผิด เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งขณะนี้ได้รับอิสรภาพออกจากเรือนจำมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สดๆ ร้อนๆ เล่นเอา “ผู้ถูกฟ้อง” ที่ตกที่นั่งฝั่ง “จำเลย” พากันนอนสะดุ้งชนิดเรือนไหว คือ “คดีหมอเลี้ยบ-นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” อดีตรัฐมนตรีไอซีที อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย หนึ่งในมือทำงานและมันสมองของรัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ถูก “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ” ตัดสินจำคุก 1 ปี โทษไม่รอลงอาญา ฐานแทรกแซงการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคม เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม

ตามด้วย เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา “ศาลฎีกา” พิพากษายืนให้จำคุก “นายสนธิ ลิ้มทองกุล” แกนนำเบอร์หนึ่งของกลุ่มพันธมิตรฯ ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หนึ่งในจำเลย ฐานกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ ฐานร่วมกันลงข้อความเท็จในเอกสาร ในการค้ำประกันการกู้ยืมเงินจำนวน 1,000 กว่าล้านบาท จากธนาคารกรุงไทย และตกแต่งบัญชีเพื่อปกปิดภาระค้ำประกันเงินกู้ของบริษัท

พิพากษาให้ลงโทษจำคุก เป็นเวลา 20 ปี

ทั้งหลายทั้งปวง คือ “นักการเมือง-คนดัง” ที่สู้คดี และถูกพิพากษาลงโทษ แต่มีอีกกลุ่มที่สวมบท “นายล่องหน” นามสกุล “คนหาย” หลบหนีออกนอกประเทศ ไม่ยอมไปรับฟังคำพิพากษา เริ่มจาก “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี กับคดีทุจริตซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ศาลพิพากษาให้จำคุก 2 ปีโทษไม่รอลงอาญา ซึ่งเจ้าตัวได้หลบหนีตั้งแต่ปี 2551

ตามด้วย “นายวัฒนา อัศวเหม” นักการเมืองรุ่นเก๋า เจ้าพ่อปากน้ำ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก 10 ปี ฐานทุจริตการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน

เช่นเดียวกับ “ประชา มาลีนนท์” ซึ่งศาลได้พิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 12 ปี ไม่รอลงอาญา ฐานทุจริตคดีการจัดซื้อรถดับเพลิง กทม. มูลค่า 6,687 ล้านบาทโดยมิชอบ

“กำนันเป๊าะ-สมชาย คุณปลื้ม” อดีตนายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข “เจ้าพ่อตะวันออก” ถูกศาลจำคุก 5 ปี 4 เดือน ในคดีเขาไม้แก้ว และได้หลบหนีออกนอกประเทศไประยะหนึ่ง ก่อนวกกลับเข้ามาเมืองไทยกระทั่งถูกจับกุม และถูกคุมขัง

ทั้ง 2 รูปลักษณ์ เป็นคดีที่ “กระบวนการยุติธรรม” ได้พิพากษาลงโทษไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “จำเลย” บางส่วนเลือกที่จะติดคุก ไม่หลบ-ไม่หนี ขณะที่ในบางคดี เลือกทางเดินตีกรรเชียงหนีออกนอกประเทศ …เป็นเรื่องของ “นานาจิตตัง”

มี 2 คดีใหญ่ ที่หวยใกล้จะออกเต็มประดาแดแล้วเหมือนกัน คือ คดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อปี 2551 ผู้ถูกฟ้องร้องประกอบด้วย “นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ “อดีตนายกรัฐมนตรี” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” อดีตรองนายกรัฐมนตรี “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” อดีต ผบ.ตร.

กับคดี “รับจำนำข้าว” ตัวละครผู้เกี่ยวข้องประกอบด้วย “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี “นายบุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ “นายภูมิ สาระผล” อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

ทั้ง 2 คดีที่รอลุ้นเสียว ถือว่า งวด เข้มข้น เข้ามาทุกที

ทายไม่ออก บอกไม่ถูก ว่า “ผู้ถูกกล่าวหา”
จะเลือกทางเดินสายไหน “อยู่ใกล้” หรือ “ไปไกล”