หน้า 8 : ไฟฉาย “นนทก”

ขอบคุณภาพต้นฉบับจาก www.kamoman.com

ถามว่ากรณี “ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา” เป็นเรื่อง “การเมือง” หรือไม่

ตอบว่า “ใช่”

แต่ถามว่าเป็นเรื่องจริงไหม

…ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า “ไม่จริง”

เพราะเป็นเรื่องจริงที่ชื่อ “ผ่องพรรณ จันทร์โอชา” ภรรยา พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจจนกลายเป็นชื่อฝายกั้นน้ำ

ฝายกั้นน้ำที่มีเงินส่วนหนึ่งมาจากงบประมาณของรัฐบาล

เป็น “เรื่องจริง” ที่นางผ่องพรรณและคณะใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศในการเดินทาง

และคนที่ทำเรื่องขอใช้เครื่องบิน คือ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม

แต่คนที่เดินทาง คือ นางผ่องพรรณและคณะ

ทั้งหมดคือ “ความจริง” ที่ปะทุขึ้นเพราะ “การเมือง”

แต่มันก็คือ “ความจริง”

ต้องยอมรับ พล.อ.ปรีชา ถือเป็น “หมู่บ้านกระสุนตก” ทางการเมือง

เพราะเป็น “น้องชาย” ของ พล.อ.ประยุทธ์

แต่เหตุที่ “กระสุนตก” บ่อย เพราะ พล.อ.ปรีชา ทำเรื่องที่น่ากังขาหลายเรื่อง

ตั้งแต่การแจ้งบัญชีทรัพย์สินกับ ป.ป.ช. เมื่อรับตำแหน่ง

ตั้งแต่การรับ นายปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา เข้ารับราชการทหารยศ “ร้อยตรี” เป็นกรณีพิเศษ

ที่สำคัญ คนที่เซ็นชื่อในคำสั่ง คือ พล.อ.ปรีชา

บิดาของนายปฏิพัทธ์

และเมื่อมีการขุดคุ้ยเรื่องนี้ผ่านสังคมโซเชียลมีเดียอย่างหนัก

พล.อ.ปรีชา ก็กล่าววาทะประวัติศาสตร์ที่แสดงถึง “ความโปร่งใส”

“ใครๆ เขาก็ทำกัน”

เช่นเดียวกับกรณีบริษัทของลูกชายอีกคนหนึ่งได้งานรับเหมาก่อสร้างจากกองทัพภาคที่ 3 ไปเกือบ 100 ล้านบาท

แม้จะมีการประมูลตามระบบ

แต่…

“ความจริง” ก็คือ “ความจริง”

ไม่แปลกที่คนจะสงสาร พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องเผชิญกับมรสุมการเมืองที่ตนเองไม่ได้ก่อขึ้น

ไม่แปลกที่คนจะนึกถึงงาน “เปิดไฟไล่โกง” ที่สนามหลวง เมื่อวันที่ 12 กันยายน

พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศให้การปราบปรามการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ

“ใครที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตจะต้องโดนลงโทษทั้งหมด”

แล้วตบท้ายด้วยกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์

“เปิดไฟไล่โกง”

เปิดไฟจากจอโทรศัพท์มือถือเพื่อหาคนโกง

น่าแปลกที่แสงไฟวันนี้แทนที่จะจับไปที่คนอื่น

แต่กลับส่องสว่างเข้าหาคนใกล้ตัว

…ผ่องขึ้นอย่างชัดเจน