แมลงวันในไร่ส้ม/ข่าวร้อนจาก ‘ขอนแก่น’ ขรก.ใหญ่เก้าอี้ร้อน เรียกถกแก้โง่ให้ ปชช.

แมลงวันในไร่ส้ม

ข่าวร้อนจาก ‘ขอนแก่น’

ขรก.ใหญ่เก้าอี้ร้อน

เรียกถกแก้โง่ให้ ปชช.

เป็นข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ เมื่อมีการแชร์เอกสารราชการ โดยสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดขอนแก่นเป็นผู้ออกหนังสือ เลขที่ ขก.0023.1/7063 เรื่อง ขอเชิญประชุมเพื่อเตรียมการต้อนรับนายกรัฐมนตรี ลงนามโดย สุชัย บุตรสาระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
หนังสือออกเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2561 ระบุว่า ด้วยนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการจะเดินทางการประชุมสัญจร และลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อเป็นการเตรียมการต้อนรับนายกรัฐมนตรี
ในการนี้ จังหวัดขอนแก่นได้รับมอบหมายภารกิจให้สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดขอนแก่น ศึกษาธิการจังหวัด เขตพื้นที่การศึกษา และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ร่วมกันดำเนินการในภารกิจ “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่”
ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินภารกิจบรรลุวัตถุประสงค์ และได้ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาของเด็กที่อยู่ในความรับผิดชอบ รวมถึงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัด จึงขอเชิญท่านร่วมประชุมในวันอังคารที่ 13 มีนาคม 2561 เวลา 10.00 น. ห้องประชุมศรีบริรักษ์ ชั้น 5 สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดขอนแก่น ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น
และต่อมาได้มีหนังสืออีกฉบับหนึ่งจากหน่วยงาน และผู้ลงนามคนเดียวกัน เลขที่ 0023.1/7063 ออกวันที่ 12 มีนาคม 2561 โดยระบุว่า ตามที่จังหวัดขอนแก่นได้แจ้งเชิญประชุมเตรียมการต้อนรับนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 มีนาคม 2561 ณ ห้องประชุมศรีบริรักษ์ ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น โดยจังหวัดขอนแก่น ศึกษาธิการจังหวัด เขตพื้นที่การศึกษา และสำนักงานสาธารณสุข ร่วมกันดำเนินการในภารกิจด้านการศึกษา นั้น
เนื่องจากหนังสือดังกล่าว มีถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมทำให้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในสาระสำคัญ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ จึงขอเชิญท่าน หรือผู้แทนเข้าร่วมประชุมเพื่อร่วมหารือแนวทางในการดำเนินการในภารกิจ “ทำอย่างไรให้ประชาชนมีความรู้ความเท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลง” ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าวข้างต้น

ผลจากจดหมายดังกล่าว ทำให้นายสมศักดิ์ จังตระกูล ผวจ.ขอนแก่น นายสุชัย บุตรสาระ รอง ผวจ. ผู้ลงนามในหนังสือ และนางสาวพรทิพย์ ขำชื่น หัวหน้าฝ่ายบริการทั่วไป สำนักส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้ร่างหนังสือ ต้องออกมาขอโทษประชาชนและยอมรับความผิดพลาด
แต่ก็มีคำถามว่า นอกจากขอโทษแล้ว แล้วจะมีการแสดงความรับผิดชอบอย่างไร
ที่สำคัญก็คือ การเปลี่ยนหัวข้อเป็น “ทำอย่างไรให้ประชาชนมีความรู้ความเท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลง” ก็มีนัยยะกล่าวหาว่าประชาชนไม่รู้เท่าทัน ไม่ต่างจากข้อความแรกสักเท่าไหร่
นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ยังออกมาเปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ จังตระกูล เมื่อครั้งเป็นผู้ว่าฯ จังหวัดอุบลราชธานี ก็จัดสัมมนาเรื่องคนอุบลฯ ไอคิวต่ำ ลำดับ 76 ของประเทศ
ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตกรางวัลให้ไปเป็นผู้ว่าฯ ขอนแก่น พอมาอยู่จังหวัดขอนแก่น ก็ออกหนังสือว่าคนขอนแก่นโง่ พล.อ.ประยุทธ์ อาจตกรางวัลให้ไปเป็นอธิบดีก็ได้
หากไปเป็นอธิบดี นายสมศักดิ์อาจบอกว่าคนไทยโง่อีก คงได้ไปเป็นปลัดกระทรวง นี่สะท้อนให้เห็นว่า ระบบราชการยุคนี้ไม่สนองตอบต่อประชาชน แต่สนองตอบต่อคนมีอำนาจเพราะทำไปแล้วได้ดี อวดว่าต้องต้อนรับ ครม.สัญจร แต่เหยียดหยามชาวบ้าน
ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของคนขอนแก่น พบว่าส่วนใหญ่ได้ทราบเรื่องเอกสารดังกล่าวแล้วเนื่องจากมีการเผยแพร่ผ่านโซเชียล และมีการนำเสนอผ่านสื่อ คนขอนแก่นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ประชาชนไม่ได้โง่ แต่เหมือนถูกปิดกั้นทางการแสดงความคิดเห็น และที่สำคัญคือความโง่หรือความฉลาดนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่านายกรัฐมนตรีเป็นคนลงพื้นที่แต่อย่างใด

การระบุว่าประชาชนโง่ หรือไม่รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่
ในการชุมนุมขับไล่รัฐบาลเพื่อไทย เมื่อปี 2556 และ 2557 ปรากฏแนวคิดว่า ประชาชนบางส่วนไร้คุณภาพ ทั้งจากข้าราชการ ดารา เอ็นจีโอ ต่างกล่าวดูถูกเพื่อนร่วมชาติอย่างไม่กระมิดกระเมี้ยน
ยกย่องเสียงของพวกตนเองว่า เป็นเสียงของเหตุผลและคุณธรรม เพราะมีการศึกษาสูงกว่า และฐานะสูงกว่า
เป็นการกล่าวอ้างเพื่อนำไปสู่การ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”
อาทิ คำปราศรัยของ นายเสรี วงศ์มณฑา นักวิชาการที่ร่วมชุมนุมกับ กปปส. กล่าวบนเวทีปราศรัย ทำนองว่า “3 แสนเสียงของ กทม. แต่เป็นเสียงที่มีคุณภาพ ย่อมดีกว่า 15 ล้านเสียงใน ตจว. แต่ไร้คุณภาพ”
อีกตอน นายเสรีระบุว่า นักการเมืองอ้างว่ามาจากคน 15 ล้าน เขากำลังเล่นปริมาณ แต่ไม่เล่นคุณภาพ
และระบุว่า “คุณโหวตมา 20-30 ล้าน แต่ไปเพราะคน 3 แสน คนมีคุณภาพเป็นแสนๆ คน แต่ล้มรัฐบาลที่เลือกมาโดย 10 ล้านคนได้…”
ในเดือนธันวาคม 2556 เวลาใกล้เคียงกันนั้นเอง นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ซึ่งเป็น 1 ในคณะทำงานกลุ่ม กปปส. ออกมาเปิดเผยถึงหลักประชาธิปไตย 1 คน 1 เสียง ใช้ไม่ได้ในประเทศไทย
“ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบหลักประชาธิปไตย 1 คน 1 เสียง ภายในประเทศไทยแล้ว จะพบว่า เรายังไม่สามารถนำใช้หลักประชาธิปไตย 1 คน 1 เสียงมาใช้ได้ เนื่องจากประชาธิปไตยภายในประเทศไทยในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับบริบทของประเทศ ดังนั้น หากเราต้องการนำหลักประชาธิปไตย 1 คน 1 เสียงมาใช้ก็ควรหาทางปรับบริบทของประเทศไทยให้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยเสียก่อน”
“ปัจจุบัน มีหลายๆ ประเทศที่ใช้หลักประชาธิปไตย 1 คน 1 เสียงในการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้นักการเมืองดีๆ เข้ามาบริหารประเทศ และเมื่อมีนักการเมืองไม่ดีเกิดขึ้นมาก็สามารถให้ประชาชนถอดถอนได้ อย่างสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และแอฟริกาใต้”

ต้องติดตามต่อไปว่า รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย จะดำเนินการอย่างไรกับ ผวจ.ขอนแก่น และผู้เกี่ยวข้อง
หรืออาจจะเงียบๆ กันไป
ในอดีต เคยมีการวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานราชการและเอ็นจีโอบางแห่ง ที่มีความคิดดูถูกประชาชน
นั่นคือความคิดที่ว่า คนจนเป็นคนการศึกษาต่ำ อาชีพไม่แน่นอน เจ็บป่วยบ่อย ที่กลายมาเป็นวาทกรรมและคำจำกัดความของคนยากคนจนว่า “โง่ จน เจ็บ”
และกลายเป็นโฆษณาต่อต้านการดื่มสุราว่า “จน เครียด กินเหล้า”
ทั้งที่ความจริงแล้ว ประชาชนไม่ได้จนเพราะโง่ แต่ยากจนเพราะระบบที่ผูกขาดโอกาส ทำให้ไม่มีโอกาสทางการศึกษา หมดโอกาสที่จะมีที่ยืนในสังคมอย่างไม่เสียเปรียบใคร
ส่วนความโง่ที่ระบุถึงนั้น ก็ควรมีการจำแนกแยกแยะให้ดี
เพราะการมองเห็นต่างไปจากระบบราชการและรัฐบาล จะรวบรัดว่า เป็นความโง่ที่ต้องขัดเกลาไม่ได้เป็นอันขาด