ในประเทศ : ปริศนาคำอวยพร “วันเกิด” “มาร์ค” มอบให้อดีตเลขาฯ “เฉลิมชัย” ปีหน้าจะจัดงานให้ใน “ทำเนียบ”

นับจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดให้กลุ่มบุคคลมาขอจดแจ้งเพื่อขอตั้งพรรคการเมืองตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา มีกลุ่มบุคคลเดินหน้า ตบเท้าเข้าที่ทำการ กกต. เพื่อขอจัดตั้ง โดยพรรคการเมืองหน้าใหม่เข้ามาหลายพรรค

ที่เป็นบุคคลน่าจับตามอง อย่างเช่น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการบริหาร ไทยซัมมิท กรุ๊ป ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่เปิดหน้าชนเข้าสู่แวดวงการเมืองอย่างเต็มตัว

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเข้ามาของนายธนาธรสามารถสร้างกระแสฮือฮาในโลกโซเชียลในทวิตเตอร์ได้อย่างมาก

ถึงขั้นมีการตั้งแฮชแท็กถึงนายธนาธร ว่า #ช่วยธนาธรตั้งชื่อ ซึ่งมีผู้ใช้ทวิตเตอร์เข้ามาช่วยกันตั้งทั้งแบบทีเล่นทีจริงอย่างมากมาย

ประการสำคัญที่น่าจับตามองคือ นายธนาธรประกาศชัดเจนว่า วัตถุประสงค์หรือเจตนารมณ์ของพรรคตนเองนั้น จะไม่มีการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกอย่างแน่นอน

แตกต่างจากนายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้จัดตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป ที่พูดเสมอมาว่า การจัดตั้งพรรคการเมืองของเขาครั้งนี้ เพื่อ “หนุนบิ๊กตู่เป็นนายกฯ คนนอก” อย่างชัดเจน

ขณะเดียวกัน อีกกระแสหนึ่งที่มาแรงจาก “พรรคพลังประชารัฐ” ที่มีข่าวออกมาว่า จะสนับสนุน “บิ๊กตู่” ให้เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค และจะเสนอชื่อให้เป็น 1 ใน 3 เป็นนายกรัฐมนตรีตามบัญชีรายชื่อ จะดีกว่าการที่เป็นนายกรัฐมนตรีนอกบัญชี

แต่จะจริงเท็จมากน้อยประการใดนั้น ต้องจับตามอง “พลังประชารัฐ” ที่ระบุชัดเจนว่าสนับสนุนและพร้อมสานต่อโครงการประชารัฐ โครงการไทยนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์

สำหรับพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า “ไม่เอาบิ๊กตู่” อย่างแน่นอนไม่ว่าจะเข้ามาแบบวิธีใดก็ตาม

ที่น่าสังเกตคือ “พรรคลุงกำนัน” ที่จู่ๆ กระแสก็มาแรง ทำท่าจะไปได้สวย

แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนว่า “ท่าดีแต่ทีเหลว” เพราะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. ออกมาปฏิเสธเรื่องการตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อสนับสนุน “บิ๊กตู่” นั่งนายกฯ คนนอก

ทำเอาน้องชายอย่าง “ธานี เทือกสุบรรณ” หน้าสั่นสะเทือน เพราะอดีตแกนนำ กปปส. ก็ไม่มีใครเอาด้วยสักคน

แม้แต่ “ถาวร เสนเนียม” ถึงขั้นออกมายืนยันก่อนใครเพื่อนว่า “ผมยังอยู่กับประชาธิปัตย์แม้ว่าจะมีพรรคการเมืองใหม่ที่เกิดขึ้นจากแนวร่วม กปปส. ก็ตาม” หลังจากนั้นแกนนำคนอื่นก็ออกมามีท่าทีชัดเจนว่า “ไม่เอาด้วยกับนายธานี” ด้วยความที่ตัวกำนันสุเทพไม่ลงมาชูธงนำทัพเอง เนื่องจากติดลมปากที่เคยลั่นวาจาว่า “จะไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง จะไม่ขอเป็นตำแหน่งใดๆ ในทางการเมืองอีก”

จึงทำให้พรรค กปปส. เกิดความไม่มั่นคงเท่าใดนัก เพราะหากให้น้องชายอย่างนายธานีมานำทัพ ก็คงไม่มีใครกล้าเอาชีวิตกับตำแหน่ง ส.ส.เขตไปเสี่ยงกับพรรคการเมืองใหม่แบบนี้สักเท่าไร

แต่ก็ต้องรอดูต่อไปว่า สุดท้ายแล้ว พรรค กปปส. จะเกิดหรือจะดับ

ในส่วนของพรรคการเมืองเก่าแก่ของประเทศไทยอย่าง “พรรคประชาธิปัตย์” นั้น ท่าทีทิศทางของ “หัวหน้ามาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ก็ยังไม่มีความชัดเจนชนิดที่กล้าฟันธง เพราะตั้งแต่มีข่าวการตั้งพรรคของนายสุเทพ ท่าทีของ “เดอะมาร์ค” ก็ได้แต่มองว่าเป็นสิทธิ์ของเขา เราไม่เกี่ยว แต่สังคมกับประชาชนไม่ได้คิดแบบบนั้น เพราะหลายๆ คนมองว่า พรรค กปปส. อาจจะเป็นพรรคสาขา 2 ของประชาธิปัตย์หรือไม่

โดยนายอภิสิทธิ์ระบุว่า ส่วนตัวยังไม่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องพรรค กปปส. เพราะยังไม่มีใครในพรรคประชาธิปัตย์ที่แสดงความจำนงจะออกจากพรรคแต่อย่างใด

พร้อมย้ำว่าจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ต่างกับพรรค กปปส. ที่หนุน “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์เองก็ไม่เคยปฏิเสธที่จะมาเป็นนายกฯ คนนอก และไม่เคยปฏิเสธพรรคการเมืองใดๆ หากจะมีการเสนอชื่อเพื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน

นายอภิสิทธิ์พูดชัดว่า “ไม่สนับสนุนนายกฯ คนนอก” แต่ก็อยู่ในเงื่อนไขที่ว่าสถานการณ์การเมืองในขณะนั้น ต้องปล่อยให้สภาได้มีการตกลงกันก่อน ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ก็จะเอาแต่นายกฯ คนนอก โดยไม่เคารพเสียงประชาชนที่เขาเลือกมา

อย่างไรก็ดี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เคยพูดชัดๆ ว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีในรูปแบบบัญชีรายชื่อนั้น จะรับได้หรือไม่

เพราะหากเข้ามาตามรูปแบบดังกล่าว ก็สามารถทำได้ตามที่พรรคพลังประชารัฐจะผลักดัน

แต่หากพูดถึงหลักนิติรัฐ นิติธรรม และความเหมาะสมทางการเมืองแล้ว ลองไตร่ตรองดูว่าเป็นอย่างไร แน่นอนว่าสังคมและประชาชนส่วนใหญ่คงยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอน

แม้ล่าสุดนายอภิสิทธิ์ได้ออกมาประกาศจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ว่า จะเน้นหลักเสรีนิยมประชาธิปไตยและสังคมสวัสดิการ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาระบบราชการและระบบประชานิยม เพราะฉะนั้นแล้วหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องยึดที่จุดยืนและหลักการนี้ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า คะแนนที่ประชาชนลงให้จะเป็นตัวชี้ว่า พรรคจะทำอย่างไรต่อไป

พร้อมยืนยันว่า ถ้าพรรคการเมืองใดมีแนวทางคือระบบทักษิณ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ร่วมมือด้วยอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกันรายงานข่าวคนใกล้ชิดกับ “เสี่ยต่อ” นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้กระซิบมาบอกว่า ในการจัดงานวันเกิดให้นายเฉลิมชัย อายุครบ 53 ปี เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ล้วนมีแต่คนสนิทระดับวีไอพีไปร่วม หนึ่งในนั้นคือ “หัวหน้ามาร์ค” ที่กล่าวอวยพรเจ้าของวันเกิดอย่างมีเลศนัยว่า “เจ้าของวันเกิด เป็นคนที่น่าไว้ใจและพึ่งได้ จึงเป็นที่นับถือ และอาจจะจัดงานวันเกิดให้ในทำเนียบปีหน้า”

เมื่อสอบถามไปยังคนใกล้ชิดต่างๆ ถึงคำกล่าวอวยพรวันเกิดในลักษณะนี้แล้ว ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่มีนัยยะอะไร เป็นการอวยพรเชิงอวยกันเท่านั้น”

แต่หากจะให้ต้องมาถอดรหัสคำอวยพรวันเกิดนี้แล้ว คงต้องดูกันในระยะยาวว่า พรรคประชาธิปัตย์จะมีโอกาสคัมแบ๊กได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล หรือเป็นฝ่ายค้านในการเลือกตั้งครั้งหน้ากันแน่

แต่ที่แน่ๆ ในระยะอันสั้นที่ กกต. จะเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองเก่า เช็กชื่อสมาชิกพรรค ทั้ง ส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อ มาแสดงตัวตนยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคอยู่หรือไม่ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่จะถึงนี้เป็นต้นไป คงต้องจับตาดูความเคลื่อนไหว ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ว่าใครจะอยู่ หรือใครจะไปจากพรรคบ้าง

เพราะจากการเช็กชื่อและฐานเสียงแต่ละภาคแล้ว เสียงตอบรับจะตอบกลับมาว่ายังหนักแน่นและมั่นใจเหลือเกิน ทั้งภาคใต้ ภาคกลาง ภาคเหนือ รวมทั้งภาคอีสานก็ยังยืนยันว่าจะอยู่กับค่ายแม่พระธรณีบีบมวยผม

และเมื่อผ่านขั้นตอนและกระบวนการเช็กชื่อสมาชิกพรรคเสร็จสมบูรณ์แล้ว คงจะได้เห็นหน้าค่าตาสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะประจันหน้ากันในสนามเลือกตั้งครั้งต่อไป และจะนำพาพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปทำหน้าที่รัฐบาลหรือฝ่ายค้าน