ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 - 29 กันยายน 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | อาชญากรรม |
เผยแพร่ |
นับเป็นเหตุสลดที่ไม่ควรเกิดขึ้นสำหรับกรณีเรือโดยสาร 2 ชั้นล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 28 คน บาดเจ็บอีก 51 คน
จากทัวร์บุญของพี่น้องชาวมุสลิม กลับกลายเป็นความสูญเสียอย่างประเมินค่าไม่ได้
เพียงเพราะความประมาทของคนไม่กี่คน ทั้งคนขับเรือที่ขับเร็วจนไม่สามารถควบคุมเรือได้ เมื่อถูกกระแสน้ำของเรือที่สวนมา
ตลอดจนเจ้าหน้าที่ประจำเรือ ที่ไม่จำกัดผู้โดยสาร โดยอัดเข้าไปร่วม 120 คน จากที่กำหนดไว้ 50 คนเท่านั้น
หรือแม้กระทั่งการไม่เตรียมเสื้อชูชีพให้เพียงพอตามมาตรฐานความปลอดภัย
จนให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำแล้วซ้ำอีก
นาทีเรืออับปางสังเวย 28 ศพ
เหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 18 ก.ย. เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุเรือโดยสารล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา เหตุเกิดที่ท่าน้ำหน้าวัดสนามไชย หมู่ 9 ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างจากท่าน้ำวัดสนามไชยเพียง 5 เมตร พบเรือโดยสารขนาดใหญ่สีขาว 2 ชั้น ชื่อเรือสมบัติมงคลชัย อยู่ในสภาพเอียงขวา จมอยู่ในแม่น้ำมิดชั้นที่ 1 ผู้โดยสารชาย-หญิง ที่นั่งมากับเรือต่างพากันหนีตายอย่างอลหม่าน บางส่วนกระโดดลงน้ำลอยคอ สิ่งของสัมภาระลอยเกลื่อนท่ามกลางกระแสน้ำไหลเชี่ยว
เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งช่วยเหลือนำตัวขึ้นฝั่งได้กว่า 40 คน หลายคนมีอาการสำลักน้ำหมดสติ ต้องปั๊มหัวใจก่อนนำตัวส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตที่เดินทางมากับเรือ ถูกนำศพขึ้นมาวางเรียงรายอยู่บริเวณท่าน้ำ สร้างความสลดหดหู่เป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ จากการสอบสวนพบว่าเรือลำดังกล่าวเป็นเรือนำเที่ยว 2 ชั้น เป็น 1 ใน 15 ลำ ซึ่งถูกว่าจ้างให้มารับผู้โดยสารซึ่งเป็นชาวมุสลิม ในพื้นที่ 3 ตำบล คือ ต.สำเภาล่ม และ ต.ประตูชัย ไปทำกิจกรรมพบปะสังสรรค์ตามประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมานาน โดยจะล่องเรือจากมัสยิดตำบลหนึ่งไปอีกตำบล
โดยก่อนเกิดเหตุขบวนเรือทั้งหมดล่องเรือกันมาตั้งแต่ช่วงเช้า จนถึงช่วงที่จะเดินทางกลับผ่านหน้าวัดสนามไชย มีเรือบรรทุกแล่นสวนทางมาในร่องน้ำเดียวกัน ทำให้คนขับเรือหักหลบ แล้วเสียหลักพุ่งชนแพท่าน้ำอย่างแรง ทำให้เรือจมลงอย่างรวดเร็ว
แต่ก็ยังพบว่าคนขับเรือลำดังกล่าวมาด้วยความเร็ว และมักจะแซงขบวนเรือที่แล่นมาด้วยกันอยู่ตลอดเวลา
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เร่งระดมชุดประดาน้ำงมหาศพผู้เสียชีวิต และผู้เสียหายกันตลอด 24 ชั่วโมง มีการตั้งศูนย์ส่วนหน้าที่บริเวณใกล้ท่าน้ำวัดสนามไชย ท่ามกลางญาติมิตรของผู้สูญหาย ที่มาเฝ้ารอดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ หวังจะให้เกิดปาฏิหาริย์
จนกระทั่งการทำงานผ่านไป 2 วัน เจ้าหน้าที่ก็สั่งยุติการค้นหาในวันที่ 20 ก.ย.
พร้อมสรุปยอดผู้เสียชีวิตที่งมขึ้นมาได้ 28 ราย โดยศพสุดท้ายที่นำขึ้นมาได้คือ นางทองใบ ขันธรักษ์ อายุ 89 ปี ซึ่งพบลอยอยู่ใกล้กับโบสถ์โยเซฟ ห่างจุดเกิดเหตุ 5 กิโลเมตร
ส่วนผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้มีทั้งหมด 51 ราย มี 8 รายที่ยังต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
ขณะที่กรมเจ้าท่าประสานเรือเครนมากู้เรือลำดังกล่าวขึ้นมาเรียบร้อย รอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียด เพื่อเก็บรวบรวมไว้ในสำนวน
แฉเหตุซิ่ง-หนักเกิน-ไร้ชูชีพ
สําหรับสาเหตุที่เรือล่มครั้งนี้ นายวิรัช ชัยศิริกุล อายุ 60 ปี คนขับเรือ ให้การว่า เมื่อขับเรือมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงทางโค้ง มีกระแสน้ำไหลแรง มีเรือบรรทุกสินค้าแล่นสวนทางพุ่งเข้ามา จึงพยายามหลบกระแสน้ำไหล ทำให้บังคับเรือไม่ได้พุ่งเข้าชนแพท่าน้ำจนเรือจมลง
ทั้งนี้ ภาพจากคลิปวิดีโอที่ชาวบ้านถ่ายไว้ เห็นภาพเรือแล่นมาด้วยความเร็ว ก่อนพุ่งเข้าชนแพท่าน้ำวัดสนามไชย และจมลงจนมิดชั้นที่ 1 ภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที
นอกจากนี้ยังพบภาพภายในเรือขณะประสบอุบัติเหตุ พบว่ามีผู้โดยสารเต็มลำเรือ ซึ่งน่าจะมากกว่าจำนวนที่กำหนดไว้คือไม่เกิน 50 คนอย่างแน่นอน อีกทั้งไม่เห็นว่าผู้โดยสารสวมใส่ชูชีพ ซึ่งเป็นขั้นตอนเบื้องต้นของการรักษาความปลอดภัย
และเมื่อตรวจสอบท่าเรือที่ชนอับปาง ก็พบว่ามีแท่นปูนยื่นออกมาถึง 5 เมตร ซึ่งต้องตรวจสอบคนออกแบบและคนอนุมัติว่ามีการทำผิดขั้นตอนหรือไม่
จะเป็นขั้นตอนการก่อสร้าง หรือความไม่ชำนาญเส้นทางของคนขับ
ทั้งนี้ เรือลำดังกล่าวมี นายสุนทร พันธุ์เสือทอง เป็นเจ้าของ หมายเลขทะเบียนเรือ 106600841 จดทะเบียนครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2510 จะหมดอายุในวันที่ 7 มิ.ย. 2560 รับจำนวนผู้โดยสารได้ 50 คน
นายวิวัธน์ ชิดเชิดวงศ์ ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา เผยว่า จากการตรวจสอบพบว่านายวิรัช คนขับเรือ หมดอายุใบประกาศนียบัตรผู้ทำการในเรือตั้งแต่ปี 2558 อีกทั้งเสื้อชูชีพในเรือก็ไม่เพียงพอกับผู้โดยสาร ซึ่งพบว่าก่อนที่จะเกิดเหตุมีผู้โดยสารในเรือไม่ต่ำกว่า 120 คน
เรื่องน้ำหนักเกินก็เป็นอีก 1 สาเหตุให้เรือล่ม!??
ล่าสุด พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา แจ้งข้อกล่าวหาผู้ควบคุมเรือคือนายวิรัช 5 ข้อหา 1.กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2.กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ 3.ควบคุมเรือขณะที่ใบอนุญาตหมดอายุ 4.ควบคุมเรือโดยบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่ากำหนด และ 5.ใช้ยานพาหนะให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาได้รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และพนักงานสอบสวนฝากขังผัดแรกไปแล้วโดยศาลไม่ให้ประกันตัว
ส่วนเรื่องการแก้ปัญหาไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม แถลงว่า สั่งให้แก้ไขปัญหาตรวจสอบข้อเท็จจริงการกำกับดูแลการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จใน 10 วัน และให้ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของท่าเรือ ทั้งของสาธารณะและเอกชน ให้เสร็จใน 1 เดือน และตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของเรือโดยสาร การติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัย และอุปกรณ์อื่นที่กฎหมายกำหนด ให้เสร็จภายใน 1 เดือน
ต่อจากนี้เรือโดยสาร ที่รับผู้โดยสาร 25 คนขึ้นไป ต้องติดตั้งเครื่องติดตามเรือให้เสร็จภายในปี 2560 เพื่อจะได้ติดตามควบคุมได้ตลอด นอกจากนี้จะพิจารณาแก้ไขกฎหมายลงโทษผู้ฝ่าฝืนให้หนักขึ้นด้วย
ล้อมคอกอีกครั้ง
ย้อนรอยอุบัติเหตุสลด
สําหรับอุบัติเหตุทางน้ำในประเทศไทยนั้นเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และแต่ละครั้งก็นำมาซึ่งความสูญเสียอย่างมาก
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในทะเล อาทิ เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2559 สปีดโบ๊ตอ่างทองดิสคัฟเวอร์รี่ 3 บรรทุกนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 32 คน เกิดพลิกคว่ำกลางทะเล หลังจากออกจากหมู่เกาะอ่างทอง มุ่งหน้าไปยังท่าเทียบเรือบ่อผุด อ.เกาะสมุย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย สูญหาย 2 คน
เหตุเพราะคนขับเรือเร็วเกินไป ประกอบกับคลื่นสูง
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2553 เรือเพชรรัตน์ ซึ่งเป็นสปีดโบ๊ตนำนักท่องเที่ยวกลับจากงานฟูลมูนที่เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี มุ่งหน้าไปยังเกาะสมุย แต่ออกมาได้เพียง 10 นาที ก็ชนกับเรือของบริษัทซิลเวอร์ แซนด์ ที่นำนักท่องเที่ยวจากเกาะสมุยไปเที่ยวงานฟูลมูน ทำให้เรือพลิกคว่ำ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติร่วม 80 คนต้องลอยคออยู่ในทะเล จนมีเรือลำอื่นเข้าช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิต 2 ราย
เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2548 เกิดเหตุเรือสปีดโบ๊ตบรรทุกนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30 คน กลับจากงานฉลองเทศกาลฟูลมูน เกิดพลิกคว่ำระหว่างมุ่งหน้าไปยังเกาะสมุย มีผู้เสียชีวิต 7 ราย เนื่องจากเป็นระยะทางสั้น ทำให้ผู้โดยสารไม่ระมัดระวัง และไม่ได้สวมเสื้อชูชีพ
นอกจากนี้พบว่าบรรทุกน้ำหนักเกิน เนื่องจากสปีดโบ๊ตลำดังกล่าว เป็นเรือขนาดเล็ก แต่กลับบรรทุกคนเกินขนาด จึงพลิกคว่ำทั้งที่ไม่มีคลื่นมาซัด
ส่วนอุบัติเหตุในแม่น้ำ คงไม่มีเหตุการณ์ไหนรุนแรงสะเทือนขวัญกว่าเหตุโป๊ะล่มที่ท่าน้ำพรานนก เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2538 เมื่อโป๊ะเรือที่รับน้ำหนักทั้งประชาชน เด็กนักเรียนที่กำลังรอเรือริมแม่น้ำเจ้าพระยา กว่า 100 คนที่เฮโลลงไป เกิดจมวูบลงในแม่น้ำอย่างรวดเร็ว ทุกคนหนีตายกันอลหม่าน
สุดท้ายมีเหยื่อสังเวยจากเหตุการณ์ครั้งนี้ถึง 30 ศพ
สำหรับที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนหน้านี้มีเหตุเรือบรรทุกน้ำตาลของบริษัทไทยมารีนซัพพลาย 3 ลำ บรรทุกน้ำตาลทรายแดง 2.4 ตัน จาก จ.อ่างทอง ไปส่งยังประเทศอินโดนีเซีย พุ่งชนตอม่อข้ามสะพานแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ ต.ภูเขาทอง เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2554 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และส่งผลให้เกิดน้ำเน่าเสียเป็นบริเวณกว้าง
จนมาถึงเหตุเรือล่มครั้งนี้ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 28 คน บาดเจ็บ 51 คน
หากไม่มีมาตรการด้านความปลอดภัยที่จริงจังบังคับใช้เป็นรูปธรรม
ก็แค่รอเวลาให้เกิดซ้ำอีกเท่านั้น