เผยแพร่ |
---|
พลันที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.ออกมาตั้งข้อสังเกตในเนื้อหาที่ “เพี้ยน”ไปของ 2 พรป.
1 พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.
1 พรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.
อาการ “วูบวาบ” และ “หวั่นไหว” ก็ก่อรูปในทางการเมืองขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ที่คิดว่าเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 อาจต้อง”เลื่อน”
เพราะไม่เพียงแต่ส่อแนวโน้มสูงเป็นอย่างยิ่งว่าปลายทางของ 2 พรป.น่าจะเป็น”ศาลรัฐธรรมนูญ”เท่านั้น หากแต่เส้นทางแห่งการวินิจฉัยก็น่าจะน่ากลัว
เนื่องจากคำเตือนอันมาจาก นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ว่า “อาจล้มกันทั้งยืน”หากปล่อยให้ผ่านเลย
ภายในความวูบวาบ หวั่นไหวของคอการเมืองนั้นมีรากฐานอันแข็งแกร่งมั่นคงรองรับ
ทั้งจากข้อสังเกตของ นายมีชัย ฤชุพันธ์
และทั้งจากความเห็นของ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ซึ่งสำคัญและมากด้วยความแหลมคม
นั่นก็คือ เอ่ยถึง “ขั้นกรรมาธิการ”
ทั้งมิได้เป็นขั้นกรรมาธิการอย่างธรรมดาหากแต่ยังเป็นกรรมาธิการ”ร่วม”
1 กรธ. 1 สนช. และ 1 กกต.
เท่ากับยืนยันกระบวนการทำงานอย่างปรกติของระบบสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
แล้วเหตุใดตัวแทน”กรธ.”ไม่ท้วงติง
การปล่อยให้ผ่านเลยจากวาระ 2 กระทั่งเข้าสู่วาระ 3 จึงกลายเป็นเรื่องประเภท “AB-NORMAL”ในทางการเมืองจึงกลายเป็น
อ-ปรกติ ขึ้นมาโดยพลัน
ไม่ว่าจะมองผ่าน “กรธ.” ไม่ว่าจะมองผ่าน “สนช.” ไม่ว่าจะมองผ่าน “กกต.”ก็มาจาก “แหล่ง”เดียวกันหรือใกล้เคียงกัน มิใช่หรือ
ล้วนแล้วแต่ยึดโยงอยู่กับ”คสช.”
แล้วเหตุใดจึงไม่สามารถบริหารจัดการได้ตั้งแต่”ต้นน้ำ” หรือ “กลางน้ำ” กลับปล่อยออกมาจนกลายเป็นเรื่อง”เตะถ่วง”
เข้าสู่กระบวนการ ยื้อ ถ่วง หน่วง “เลือกตั้ง”จนได้