คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำจุดยืน “ไม่เสนอตัวเป็นผู้นำเพื่อไทย” แต่เสนอ “แนวทาง” ดึงรถยนต์ออกจาก “หล่ม”

“รู้สึกอายทุกครั้งนะที่มีเรื่อง เหมือนเราแก่งแย่งอะไรกันในพรรค ละอายใจทุกครั้ง ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นคนเสนอตัวและไม่ได้เป็นคนที่ให้ข่าว ไม่ได้อายในแง่ที่ว่าจะถูกเสนอชื่อหรือไม่ถูกเสนอชื่อ แต่อายในแง่ที่ว่า วันนี้ประชาชนยังยากลำบาก เศรษฐกิจยังเป็นแบบนี้ ชาวบ้านยังลำบากเหลือเกิน หรือคณาจารย์นิสิตนักศึกษา เขาต่างออกไปเรียกร้องประชาธิปไตย ออกไปเรียกร้องการเลือกตั้ง ซึ่งเราเองก็มีข้อจำกัดมากมายว่าเหมือนกับเป็นคนที่เปื้อนโคลนอย่างมาก เนื้อตัวเปื้อนโคลนในทางการเมือง จะไปร่วมกับเขาก็ไม่กล้าเพราะจะทำให้เขาดูเปื้อนโคลนติดตัวไปด้วย แต่อย่างน้อยๆ เราควรจะยืนอยู่ในจุดที่ปกป้องเขา ในการที่เขาถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน เราควรจะไปคำนึงถึงเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากกว่าการมาพูดถึงการแย่งตำแหน่งกันในพรรคการเมือง นี่คือสิ่งที่อาย”

นี่คือคำตอบจาก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ต่อคำถามถึงปัญหาและกระแสความขัดแย้งในพรรคกรณีชิงหัวหน้าพรรค ที่มีกระแสข่าวออกมาอยู่ตลอด

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า “จะให้คนทุกคนเห็นเหมือนกันคงยาก คนสองคนนั่งอยู่ด้วยกัน ถ้าให้เลือกเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งยังเลือกต่างสีกันเลย จึงเป็นธรรมดาเป็นกฎของธรรมชาติของความแตกต่างในพรรค แต่คิดว่าอย่างน้อยที่สุด จุดเริ่มต้น พรรคคงต้องเลือกแนวทางการเดินก่อนเลือกตัวบุคคล ส่วนตัวก็มีแบบพิมพ์เขียวที่เตรียมเสนอแนวทางที่พูดมาตลอดว่าพรรคเพื่อไทย เป็นหนึ่งในก้อนหินหลายๆ ก้อนในรถยนต์ที่ชื่อว่าประเทศไทยที่กำลังติดหล่มอยู่ เป้าหมายคือจะทำอย่างไรให้รถยนต์ที่ชื่อประเทศไทยขึ้นจากหล่มที่ติดอยู่มานานให้ได้ ฉะนั้น พรรคเพื่อไทยจะต้องเริ่มแก้ไขที่ตัวเองก่อน”

“ทำไมถึงพูดแบบนี้ เพราะว่า 10 กว่าปีที่ผ่านมามีแต่การโทษกันไปโทษกันมา แล้วก็เลยไม่มีใครลงมือแก้ไขเพราะทุกคนไม่อยากเริ่มที่ตัวเอง แต่สำหรับส่วนตัวอาจจะศึกษาพระธรรมในทางพระพุทธศาสนา แนวทางของเราคือไม่ต้องสนใจคนอื่น เราต้องเริ่มแก้ที่ตัวเอง ปฏิรูปตัวเอง อะไรที่เคยได้ทำ แล้วประชาชนไม่สบายใจ ไม่ชอบเรา ก็อย่าทำอีกต่อไป”

“ส่วนอะไรที่เราเคยทำนโยบายอะไรที่ดีที่ทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้และประชาชนชอบเราก็ทำมันให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น ต้องเริ่มจากตัวเราก่อน นั่นคือประการแรก” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

“ประการต่อมา เพื่อที่จะลดน้ำหนักของรถยนต์ เราต้องให้ความเชื่อมั่นกับคนไทยทั้งประเทศว่าถ้าเลือกเพื่อไทยแล้วบ้านเมืองจะไม่วุ่นวาย ที่สำคัญเราจะไม่ใช้วิธีความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา และพอเราเริ่มปรับตัวเองแล้วหินก้อนอื่นๆ ในรถยนต์คันนี้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด ไม่ว่าจะเป็นทหาร หากยังเป็นแบบเดิม ประชาชนจะเป็นคนตัดสินแล้วก็กดดันเขาเอง จึงต้องทำให้ตัวเราเองให้เบาก่อน เราต้องสร้างความมั่นใจตรงนี้และอย่าทิ้งจุดยืนของตัวเอง จุดยืนที่เรายืนอยู่เคียงข้างประชาชน จุดยืนที่เราปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน จุดยืนที่เรารักษาระบอบประชาธิปไตยและเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เราต้องรักษาจุดยืนที่ให้ได้มั่น” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

“สุดท้ายคือเราต้องใช้เวลานี้ในการที่จะคิดค้นนโยบาย คิดค้นทางออกที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ความเดือดร้อนหนักหนาต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเศรษฐกิจวันนี้ประชาชนคนไทยเจอ 2 เด้งในเรื่องเศรษฐกิจคือ 1.มาจากการปฏิวัติแล้วทำการแก้ไขปัญหาอย่างไม่ถูกที่ถูกทางของผู้มีอำนาจในขณะนี้มันทำให้เศรษฐกิจยิ่งแย่มาก เราอาจจะมีคนรวยอยู่ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ของประเทศครอบครองทั้งทรัพย์สินเงินสดที่ดินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ตัวเลขที่ออกมาดี มันดีเฉพาะบนยอดพีระมิด แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ดี หนี้สินครัวเรือนพุ่ง เอ็นพีแอลพุ่ง การลงทุนน้อยลง ตัวเลขความเหลื่อมล้ำสูงมากขึ้น ตัวเลขเหล่านี้ต่างหากเป็นการชี้สภาพเศรษฐกิจและข้อเท็จจริงว่าเศรษฐกิจโดยรวมของคนหมู่มากไม่ดี อันนี้คือประเด็นหลัก”

“2.ประเด็นต่อมา คือในเรื่องของเทคโนโลยีที่เข้ามาอย่างรวดเร็วเปลี่ยนวิถีชีวิตเปลี่ยนธุรกิจ ทำให้จะต้องเปลี่ยนการบริหารจัดการประเทศด้วย ไม่ว่าจะเป็นข่าวเรื่องของธนาคารปลดพนักงาน-ทยอยปิดสาขา ร้านค้าปลีกห้างร้านที่ต้องปิดสาขาเปลี่ยนรูปแบบ เอาแค่คนที่อยู่ในส่วนงานเหล่านี้ อนาคตอันใกล้จะมีคนตกงานอีกเป็นแสนๆ คน”

“ฉะนั้น เราจะต้องมาคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรที่จะหาวิธีรองรับคนตกงานเหล่านี้ เปลี่ยนให้เขากลายเป็นคนเปลี่ยนงานไม่ใช่คนตกงาน โดยอาศัยเทคโนโลยีซึ่งตอนนี้ในทีมก็มีคิดๆ ไว้แล้วว่าจะทำกันอย่างไร เรื่องเหล่านี้คือเรื่องที่เรียกว่าการปฏิรูปพรรคเพื่อไทยที่ตัวเองและกลุ่มจะนำเสนอพิมพ์เขียว”

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวอีกว่า “ส่วนคนอื่นอาจจะมีพิมพ์เขียวแบบอื่น เมื่อวันที่เขาเปิดให้ประชุมพรรคได้ ก็ต้องเลือกแนวทางก่อน สมมุติว่าเลือกแนวทางที่เราเสนอไป ตัวเองและกลุ่มช่างทั้งหลายก็ต้องเข้าไปซ่อมแซมบ้านให้เป็นรูปแบบนี้ และต้องไม่ให้ใครมาอ้างพรรคเพื่อไทยให้เป็นเหยื่อ ให้เป็นปัญหาของประเทศต่อไปได้ เพราะว่าที่ผ่านมาคนที่อ้างหรือปลุกผีพรรคเพื่อไทย ให้เราเป็นผีหลอกคน หมอผียังมีอยู่แล้วจะพยายามปลุกผีให้เราเป็นผีหลอกคน”

ชมคลิป

“เราจะต้องให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า เลือกเพื่อไทยแล้วจะไม่วุ่นวายไม่เกิดปัญหา และเราจะสามารถมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาสำคัญโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ เราจะเป็นองค์กรที่รักษาสถาบันชาติศาสนาพระมหากษัตริย์และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแล้วเราจะเคารพสิทธิและเสรีภาพของประชาชน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่จะเป็นแนวทางเป็นแบบบ้าน ขอยืนยันอีกครั้งว่าตัวเองทำหน้าที่เป็นเพียงแค่สถาปนิกและเป็นกลุ่มช่างที่เสนอแบบในการซ่อมแซมพรรค”

“ไม่ได้เสนอตัวเป็นแคนดิเดตใดๆ ทั้งสิ้น ฉะนั้น ชื่อที่ออกไปล้วนเป็นสิ่งที่คนอื่นพูดถึง”

คุณหญิงสุดารัตน์เล่าว่า “ชีวิตในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา หลังจากการรัฐประหารเมื่อปี 2549 มีชีวิตที่ดีมาก ได้ใช้เวลากับครอบครัว ได้เข้าหาธรรมะ ทำให้ความอยากส่วนตัวกับงานการเมืองในสภาวะ ที่ คสช. วางกฎเกณฑ์ เขียนล็อกไว้ในรัฐธรรมนูญและในกฎหมายอื่นๆ แบบนี้ ทำให้คนที่อยากเป็นนักการเมือง มีสิทธิที่จะติดคุกได้ก่อนที่จะประกาศผลเลือกตั้งด้วยซ้ำไป เพราะว่าเขาต้องการทำร้ายนักการเมือง”

“ฉะนั้น โดยส่วนตัวไม่ได้ปรารถนาใคร่อยากมีอยากได้อะไรแล้ว และไม่ได้มีความขัดแย้งหรือแตกแยก โดยส่วนตัวบอกแล้วว่าไม่ได้ปรารถนาอยากจะกลับเข้ามามีตำแหน่งทางการเมืองในตอนนี้ เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่อันตราย เป็นเรื่องที่แย่มาก เข้าไปแล้วก็ไม่สามารถทำอะไรให้ประเทศได้มากนัก เหมือนเป็นหุ่นยนต์ที่มี คสช. เป็นยักษ์ใหญ่คอยไขลานอยู่ข้างหลัง ไม่ได้มีอำนาจจริงๆ ใครที่อยากทำงานการเมืองจากนี้ก็ต้องถือว่าเขาเสียสละมากแล้ว”

“ถ้าหากคนในบ้านไม่เลือกแบบที่เราเสนอก็ไม่เป็นไร เพราะเราอยู่กันแบบประชาธิปไตย คนส่วนใหญ่ในพรรคเลือกแบบไหนเราก็ต้องเคารพแบบนั้น เราก็ไม่ต้องมาเป็นนายช่างก่อสร้าง แล้วก็ไม่ต้องเหนื่อย ยืนยันอีกครั้งว่าไม่เคยหวั่นไหวอะไรกับตรงนี้ ไม่หนักใจเลย เพราะไม่เคยเสนอตัว แค่เสนอพิมพ์เขียว ให้คนในบ้านเลือกว่าอยากจะสร้างบ้านหลังนี้ให้ออกมาเป็นรูปแบบอะไร ถ้าไม่เลือกก็ไม่เหนื่อยสบายสบายมาก เพียงแต่มีความละอายใจบ้างที่ชอบมีแหล่งข่าว ซึ่งคนที่เป็นผู้ใหญ่พอในทางการเมือง ย่อมรู้ว่าการเป็นแหล่งข่าวมันไม่ได้มีผลดีกับองค์กรเลยก็ละอายใจในเรื่องนี้ว่าอะไรกันนี่ชาวบ้านยังเดือดร้อนคุณยังไม่ข้ามเรื่องตัวเองมันควรจะพูดเรื่องประชาชนจะช่วยชาวบ้านอย่างไร มองแค่นี้แหละ ก็คิดว่าตัวเองไม่ได้อยู่ท่ามกลางปัญหาเพราะว่าไม่ได้เสนอตัว”

“ส่วนที่มีการบอกว่าคุณทักษิณ ชินวัตร จะต้องเป็นคนตัดสินใจในการเลือกเส้นทาง ในวันนี้ในทางกฎหมายไม่ได้ให้คุณทักษิณสามารถมายุ่งอะไรได้ ดังนั้น มันเป็นเรื่องของสมาชิกเป็นเรื่องของท่านทั้งหลายที่อยู่ในบ้านที่จะเลือกทาง การอ้างก็อ้างกันไปคุณทักษิณเองอาจจะไม่ได้รู้เรื่องการอ้างด้วยซ้ำไป แม้แต่การอ้างว่าคุณทักษิณจะเอาหรือไม่เอาเรา คุณทักษิณก็รู้ดีว่ามันเป็นเรื่องของสมาชิกที่วันนี้ยังทำอะไรไม่ได้เพราะเขายังไม่เปิดให้ประชุม ถ้าเขาเปิดให้ประชุมเมื่อไหร่ก็จะเอาพิมพ์เขียวให้สมาชิกดู”

“ที่ผ่านมาไม่เคยพูดว่าจะเดินทางไปถึงการเลือกตั้งนะ ต้องแยกกันนะ วันนี้พูดแต่เพียงว่าจะทำอย่างไรให้รถยนต์ชื่อประเทศไทยขึ้นจากหล่มได้”