ฟ้า พูลวรลักษณ์ : หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (บทอวสาน)

ฟ้า พูลวรลักษณ์

ความแก่ชรา คือสงครามระหว่างปัญญากับความขมขื่น

น่าจะมีอะไรบางอย่าง สำคัญกว่าชีวิต อะไรบางอย่างที่ฉันคิดไม่ออก

มีคำถามมากมาย เช่น จิตสำนึกคืออะไร สรรพสิ่งดำรงอยู่ได้อย่างไร ทำไมฉันมีชีวิตอยู่ในวันนี้ แทนที่จะเป็นพันปีก่อน คำถามทำนองนี้ ฉันเคยคิด และหาคำตอบไม่ได้

โลกอดีต เงียบกว่าวันนี้ แต่มันก็ถูกคุกคามด้วยศาสนา มันไม่ได้เงียบอย่างแท้จริง

เงยหน้ามองท้องฟ้า ท้องฟ้านี่น่าคิดยิ่งนัก เพราะมันเปลี่ยนแปลงทุกขณะ นี้คือความจริงที่เคลื่อนไหว แต่มองดูดีๆ ก็หมดความอยากคิด

ลองคิดดูประโยคนี้ โลกหมุนรอบดาราจักร หนึ่งรอบ ใช้เวลาสองร้อยกว่าล้านปี เพียงแค่ประโยคนี้ ทุกความคิดก็หยุดนิ่ง ความคิดขยับตัวไม่ได้ ในห้วงเวลาอันยาวนานดั่งนั้น

สิ่งมีชีวิตสามารถสูญพันธุ์ได้ โดย

๑ สงคราม

๒ อุบัติเหตุ

๓ เหตุผลทางปรัชญาที่คลุมเครือ

๔ เพราะร่างกายขาดธาตุบางธาตุ

๕ เพราะความด้อยประสิทธิภาพบางอย่าง

มนุษย์เราคงจบลง ไม่ข้อใดก็ข้อหนึ่ง

เวลาดูหนังไซไฟ ฉันพบว่า มีข้อผิดพลาด เพราะมีเหล็กมากมาย แต่ไม่มีบ่อเหล็กเลย มีน้ำมันมากมาย แต่ไม่เห็นบ่อน้ำมันเลย

ธาตุทั้งมวล ไม่ได้เกิดขึ้นเอง มันต้องมีการขุดขึ้นมา ซึ่งเป็นงานที่ยุ่งยากมาก

โลกอนาคต จึงไม่ได้สวยงามอย่างที่เราคิด

มีนิยายไซไฟเรื่องหนึ่ง มนุษย์เดินทางออกสู่อวกาศ โดยไม่มีคอมพิวเตอร์ อ่านดูแล้ว แปลกยิ่งนัก หนักหน่วง เหนื่อยยาก และที่จริง ทำไม่ได้

หากมนุษย์มีสรีระอย่างที่เราเป็น การทำงานยากอย่างเช่นการออกอวกาศ ต้องอาศัยสมองกลเท่านั้น มันกลายเป็นข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งไปแล้ว เพราะสมองกลคำนวณได้ละเอียดกว่า แม่นยำกว่ามาก และรวดเร็วกว่าอย่างที่สุด

หากไม่เปรียบเทียบ จะไม่ทันคิด โลกเราทุกวันนี้ ขาดคอมพิวเตอร์ไม่ได้เสียแล้ว เราได้ถลำลึก นี่คือการก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด

ผลอันหนึ่งคือ ความเป็นปัจเจกชนได้สูญสิ้นไป

มันเรียบง่ายยิ่งนัก แต่ก็น่าตื่นตะลึง สำหรับคนที่เป็นปัจเจกชนสูงอย่างตัวฉัน

ตลอดชีวิต ฉันเป็นปัจเจกชน อยู่เงียบๆ คิดอะไร ทำอะไรเงียบๆ และเน้นความไม่เหมือนคนอื่น หาเส้นทางของตัวเอง ทางสายเล็ก ที่ไม่ค่อยมีคนเดิน

แต่ความเชื่อมโย”ประสานกันอย่างปรุโปร่ง อาการที่เรียกว่า การ connected กันทั่วถึงกันหมด มันได้ฆ่าสิ่งนี้ลง

เราทุกคนเปลือยเปล่า อยู่ภายใต้แสงสว่างจ้าดวงเดียวกัน เราหลบไม่ได้แล้ว บัดนี้เราทุกคน เหมือนกันหมด

มองดู Facebook แล้วเราจะเห็น

มองดู Youtube แล้วเราจะเห็น

ไม่ว่าจะคิดยังไง คิดอะไร ทำอะไร มันก็ไม่แปลกแล้ว

เพราะในทุกความแปลก มีสิ่งอื่นที่แปลกกว่า

๑๐

ทำไมคนจำนวนมาก ยังไม่รู้ตัว

หรือพวกเขารู้ตัวแล้ว แต่ยังไม่ยอมรับ

ฉันคิดว่า คงเพราะ หากยอมรับแล้ว ก็ไม่รู้จะทำอะไร เลยไม่ยอมรับดีกว่า อยู่กับโลกเก่าต่อไป อย่างตัวฉัน ยอมรับแล้ว แต่ก็หยุดชะงัก ทันใดนั้น พบว่าตัวเองช้าเกินไปเสียแล้ว หมดพฤติกรรม

๑๑

มีคนส่งเสียงแสดงความยินดียกใหญ่ ว่างานสัปดาห์หนังสือปีนี้ คนเยอะ

สวนกระแส

อนิจจา นี่เป็นการมองอย่างผิวเผิน

ข้อเท็จจริงคือ หนังสือตายแล้ว

วิธีคิดง่ายๆ คือ หากซื้อหนังสือ แล้วจะไปวางไว้ที่ไหน แค่นี้ก็คิดไม่ออกแล้ว

แค่นี้ก็จบ

คุณไม่ได้สังเกตหรือว่า พื้นที่ได้หดแคบลง

ขนาดและมวลของหนังสือ มันหนัก อุ้ยอ้าย

มันกินพื้นที่ เราหาที่ว่างไม่ได้อีกแล้ว

๑๒

สิ่งที่อันตรายที่สุดในจักรวาลนี้ คิดดูให้ดี ก็ยังคงเป็นจักรวาลนี้นั่นเอง

ในทำนองเดียวกัน สิ่งที่อันตรายที่สุดในโลกนี้ ก็คือโลกนี้

เพราะสิ่งอันตรายอื่นใดที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากมัน และดำรงอยู่ได้เพราะมันเท่านั้น

เราจึงต้องถอยมาที่โลกและจักรวาลเสมอ ถอยมาที่ base line เพราะเกินกว่านี้ไม่มี

๑๓

เราเป็นผลผลิตของวิวัฒนาการ ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่สามารถจะมองวิวัฒนาการได้อย่างเป็นภววิสัย เราไม่สามารถคิดทบทวนเกี่ยวกับมัน หรือตั้งคำถามได้อย่างมีสติปัญญา

วิวัฒนาการที่กำลังดำเนินอยู่ จะเป็นตัวมัน

๑๔

น่าทึ่งที่ว่า ในระบบสุริยจักรวาลของเรานี้ มีเพียงสองสถานที่เท่านั้นที่มีฝน หนึ่งคือโลก หนึ่งคือดวงจันทร์ไทแทน

มองแบบนี้ เราจึงรู้ว่าฝนมีคุณค่าเพียงใด

๑๕

หลายวันมานี้ ฝนตก และฉันเดินเล่นในสายฝน