การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์/THE BEST WE COULD DO (3) เรื่องของแม่

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

การ์ตูนที่รัก
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

THE BEST WE COULD DO (3)

เรื่องของแม่

ชื่อเต็มคือ THE BEST WE COULD DO : AN ILLUSTRATED MEMOIR เขียนโดยนักเขียนสตรีชาวเวียดนาม Thi Bui สำนักพิมพ์ Abrams Comics Art นิวยอร์ก ปี 2017 ราคาขายในบ้านเรา 879 บาท
ผู้เขียนเป็นชาวเวียดนาม อพยพที่ไปเติบโตในสหรัฐอเมริกา เธอเหินห่างจากพ่อแม่ มีช่องว่างที่ต่อไม่ติด เธอคิดว่าหากตนเองรู้เรื่องราวของพ่อแม่ในอดีตมากกว่านี้ เธออาจจะถมช่องว่างนั้นได้
ตอนที่ 1 เธอเล่าเรื่องประสบการณ์การคลอด บัดนี้เธอเป็นแม่คนแล้ว เธอมีครอบครัวของตนเอง แต่เมื่อมองย้อนกลับไป เธอห่างเหินกับพ่อและแม่มากเพียงใด
ตอนที่ 2 เธอเล่าเรื่องพ่อ
ตอนนี้-แม่

เธอเล่าว่าแม่สวย เพื่อนแม่บอกว่าแม่สวยกว่าเธอ เธอและพี่สาวก็ภูมิใจที่แม่สวย เวลาแม่ไปรับที่โรงเรียนแม่สวยกว่าพ่อแม่ของใครๆ
วันหนึ่งมีกล่องพัสดุส่งมาจากเวียดนาม เป็นรูปแม่สมัยก่อนที่พวกเราไม่เคยเห็น แม่มิใช่สวยธรรมดา แม่สวยมาก แม่แต่งตัวดี รู้จักโพสท่า สวยทั้งรูปถ่ายหน้าบ้านที่เวียดนาม หรือรูประหว่างการเดินทางท่องเที่ยวโบราณสถาน แม่ดูดีโดยธรรมชาติ
“ฉันเทียบไม่ติดเลย” เธอว่า “แม่ไม่ค่อยยอมเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฉันฟัง แต่ดูเหมือนว่าแม่จะสะดวกใจมากกว่าที่จะเล่าให้ทราวิสสามีของฉันฟัง”
ปี 1943 แม่เล่าว่าตอนนั้นอาศัยอยู่ที่กัมพูชา พ่อของแม่เป็นวิศวกรทำงานให้รัฐบาลฝรั่งเศสและเวียดนามใต้ในเวลาต่อมา พวกเราพักบ้านพักข้าราชการอย่างใหญ่โต มีคนใช้ คนครัว คนสวน โชเฟอร์ จนกระทั่งเกิดวิกฤตการณ์ในกัมพูชา พวกเขมรฆ่าคนเวียดนาม พวกเราจึงย้ายมาอยู่ที่นาตรัง
นาตรังอยู่ใต้ลงไปมากและห่างไกลจากสงคราม แม่เป็นลูกสาวคนที่ 5 และเป็นคนสุดท้อง แม่ได้ใส่ชุดว่ายน้ำว่ายน้ำ มีจักรยานเด็กเล่นอย่างสวย และเข้าโรงเรียนฝรั่งเศสในขณะที่พี่ๆ ไม่สามารถเรียนได้ดีในโรงเรียนฝรั่งเศสจึงต้องออกไปเรียนโรงเรียนสามัญที่ใช้ภาษาเวียดนาม
แม่อ่านนวนิยายประโลมโลกย์ฝรั่งเศส หลงใหลดื่มด่ำกับเรื่องเด็กผู้หญิงยากจนที่ฉลาดเฉลียวกับลูกสาวผู้ดีที่นอกจากไม่สวยแล้วยังใจร้าย
จนกระทั่งวันหนึ่งแม่เห็นพี่ชายอ่านหนังสือเวียดนาม พี่ชายเย้าแม่ว่าโง่เกินกว่าจะเรียนภาษาเวียดนาม แม่จึงเริ่มเรียนภาษาเวียดนามด้วยตนเอง
แม่ของแม่เป็นสตรีชั้นสูง คุณยายสง่างามตลอดเวลาและสูบบุหรี่ราคาแพง คุณยายชอบจัดงานเลี้ยงหรูหราให้แก่แขกของคุณตาและเข้าครัวกำกับการปรุงอาหารเลิศรสด้วยตนเอง เวลาพวกคนใช้ทำผิดคุณยายจะตีและตีพวกเด็กๆ ด้วย ตอนนั้นแม่รู้ภาษาเวียดนามแล้วและเริ่มสอนภาษาเวียดนามให้แก่พวกคนใช้ รวมทั้งคอยกลบเกลื่อนความผิดให้พวกคนใช้
ฤดูร้อนคราวหนึ่ง และอีกหลายครั้งต่อมา แม่ขออนุญาตคุณตาไปพักที่บ้านของลูกคนใช้คนหนึ่งในชนบท คือวันเวลาที่แม่มีความสุขมากที่สุด
เมื่อแม่อ่านภาษาเวียดนามได้ จึงรู้ว่ามีฝ่ายต่อต้านฝรั่งเศสอยู่ น้องชายของคุณตาเป็นฝ่ายต่อต้านคนหนึ่ง เขาถูกจับกุมส่งไปเข้าคุก ตอนที่เข้าไปเขามิใช่คอมมิวนิสต์แต่ก็จะเป็นในภายหลัง
ถึงตอนนี้แม่เริ่มเป็นสาวแล้ว คงแก่เรียน ใส่แว่นตา และไม่ยินยอมให้เพื่อนๆ พูดฝรั่งเศสกับเธอเมื่ออยู่นอกบริเวณโรงเรียน ชาตินิยมเวียดนามกำลังก่อตัว
พอขึ้นมัธยมปลายแม่ก็เปลี่ยนโรงเรียนอีก คือวันเวลาที่สงครามอินโดจีนครั้งที่ 1 เริ่มต้น พวกคอมมิวนิสต์ฆ่าทหารฝรั่งเศส

นักเขียนเล่าเรื่องพ่ออีกครั้งหนึ่ง ตอนที่สงครามอินโดจีนครั้งที่ 1 เริ่มต้น เป็นวันเวลาที่พ่อย้อมสีเสื้อที่ตนเองใส่เป็นสีดำ! แน่นอนว่าพ่อยังมิได้เป็นทหาร เขาเป็นแค่เด็กมัธยมปลายที่รักชาติ
ฝรั่งเศสสูญเสียทหารไป 94,000 คนในขณะที่เวียดมินห์ตายมากกว่า 3-4 เท่า แล้วเราก็ได้มาซึ่งเอกราช โรงเรียนฝรั่งเศสถูกยุบ พ่อย้ายไปเรียนที่ไซ่ง่อน ก่อนที่พ่อของพ่อจะส่งเจ้าหน้าที่คอมมิวนิสต์มาตามตัวพ่อไปพบที่ฮานอย วันนี้ปู่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเวียดมินห์ไปแล้ว
ที่ฮานอยยังมีคนต่างชาติและความศิวิไลซ์ แต่นอกเมืองฮานอยชาวบ้านอยู่ใต้การควบคุมของเวียดมินห์อย่างเข้มงวด
มีหนังกลางแปลงฉายหนังปลุกระดม และถ้าใครไม่ปรบมือจะถูกเจ้าหน้าที่พาตัวหายออกไป
พ่อพักอยู่ที่นอกเมืองฮานอยชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนที่ปู่จะมารับเขาไปอยู่บ้านที่ฮานอย ปู่แต่งงานครั้งที่สาม ปู่เลี้ยงดูพ่ออย่างดี แต่กับแม่ใหม่และลูกๆ ของเธอ พวกนั้นกินข้าวที่เหลือในครัว
คืนนั้นปู่คุยกับพ่อเรื่องเวียดนาม ตอนนี้เวียดนามได้ถูกแบ่งออกเป็นสองประเทศคือเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ที่เส้นรุ้ง 17 องศาเหนือ แล้วการอพยพครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น
พ่อลาปู่และรู้ว่าจะไม่กลับมาพบหน้าอีก นอกเหนือจากเรื่องที่ปู่เคยกระทำกับย่า คอมมิวนิสต์มิใช่โลกสวยหรูที่เขาวาดภาพเอาไว้ ไม่มีเสรีภาพ คอมมิวนิสต์อ้างเรื่องการปฏิรูปที่ดินโดยการฆ่าเจ้าที่ดินทั่วทั้งเวียดนามเหนือ มีคนตาย 220,000 คน
พ่อเดินทางกลับไปไฮฟองไปพบปู่และย่าของพ่อ คุณย่าของพ่อไม่ยอมอพยพ คุณปู่ของพ่อและพ่อขึ้นเรืออพยพไปเวียดนามใต้ เรืออพยพมีลักษณะเหมือนเรือที่ใช้ยกพลขึ้นบก คืออ่างลอยน้ำที่เปิดทางเดินเข้าออกได้ด้านหน้า
หลังจากนั้น 7 วัน พ่อและคุณปู่ของพ่อก็มาถึงอ่าวฮาลอง เวียดนามใต้ คุณย่าตามมาในเวลาไม่นานนักเมื่อโงดินเดียมห์ทำสงครามกลางเมืองกับมาเฟีย
ทั้งหมดอาศัยอยู่ในเพิงเล็กๆ ระหว่างตึกเท่าที่เงินจะพอซื้อหาได้ สถานที่แคบๆ นำมาซึ่งวัณโรค ตัวพ่อเองและย่าของพ่อป่วยด้วยวัณโรคจนผอมซูบ ยารักษาเวลานั้นทำให้ผู้ป่วยอาเจียนไม่มีดี แล้วสงครามเวียดนามก็ระเบิดขึ้น พ่อหลบเลี่ยงการเป็นทหารด้วยการสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้
นั่นคือที่ที่พ่อได้พบกับแม่
ชีวิตของพ่อไม่เคยไปพ้นสภาวะบ้านแตก ชีวิตของแม่สูงส่งเกินเธอจะเข้าใจ