รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว/”ศ. ดุสิต”/วิธีพยากรณ์เร็ว (ต่อ)

รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว
 “ศ. ดุสิต”

อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น!

เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด ‘คลังโหร’

วิธีพยากรณ์เร็ว (ต่อ)

ตอนที่แล้วได้ยกตัวอย่างถึงดวงหนึ่งซึ่งเป็นดวงของผู้ที่กำลังถูกตั้งกรรมการสอบสวนหาความผิดอยู่ ซึ่งมีรูปดวงตามที่เห็นนี้

ย้ำอีกทีหนึ่งว่าเจ้าชาตาเกิดวันอังคาร อายุย่างถึงปีนี้ 48 ปี ทักษาจรตกที่ภูมิจันทร์กาลกิณีเดิม มีดาวจันทร์เป็นดาวบริวารจร ซึ่งจันทร์ในดวงนั้นได้ราชาโชคที่ภพสหัชชะ ก็อย่างที่ว่า พอเห็นดวงอย่างนี้ และคุณจำดาวจรในวันนั้นได้ดีว่าดาวโคจรอยู่ที่ราศีใดกันบ้าง
คุณดูที่ดาวจันทร์ซึ่งเป็นดาวบริวารจรของปีนี้ทันที ไม่ต้องฟังเสียงอะไรทั้งสิ้น แม้ตำราไหนๆ จะบอกว่า ไม่ให้ใช้ดาวจันทร์ดูดวงจรก็ตาม แต่เรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ เพราะดาวจันทร์เป็นดาวสำคัญของเรื่อง คือเป็นดาวบริวารจร
และแม้ว่าดาวจันทร์จะเป็นดาวที่เดินเร็วจนโหรห้ามพยากรณ์ก็ตาม แต่ในกรณีนี้ไม่ห้ามครับ เพราะเป็นการดูแบบพิเศษ คือดูกันอย่างเร็ว
เมื่อมาดูวันนี้ ก็ใช้ดาวของวันนี้ จะใช้ดาววันอื่นไม่ได้ และดาววันนี้บ่งว่าดาวจันทร์โคจรอยู่ที่ราศีนี้ ซึ่งก็เท่ากับว่าฟ้าได้ประกาศิตมาแล้วว่า ชาตาของเจ้าชาตาก็จะเป็นตามที่ฟ้าลิขิตนี่แหละ เราก็ดูว่าจันทร์สถิตที่ราศีกุมภ์ทับกับดาวเสาร์เดิมนี้ จะส่งผลอย่างไรกับดวงชาตา
ข้อหนึ่ง ราศีกุมภ์เป็นภพมรณะของลัคนาเดิม
ข้อสอง ดาวจันทร์ทับดาวเสาร์ได้คู่พลัดพราก
ข้อสาม ราหูเจ้าเรือนราศีกุมภ์โคจรอยู่ที่ราศีธนูภพอริของลัคนา
ข้อสี่ ดาวเสาร์จรทับดาวจันทร์เดิมที่ราศีกันย์ (เสาร์ทับจันทร์จะพลันร้าย : ตำราเดิม)
อาจมีคนเถียงว่า ถ้าทักษาตกจันทร์ ดาวเสาร์ก็จะเป็นศรี แล้วศรีไม่ให้คุณแก่ชาตามั่งเชียวรึ?
คำตอบก็คือ ใช่, เสาร์เป็นศรีในปีนี้ แต่เสาร์นั้นตั้งอยู่ในภพที่เสียคือมรณะของลัคนา ศรีตกมรณะจึงไม่มีความสมบูรณ์ เป็นศรีแหว่งๆ เสาร์จรที่ราศีกันย์ก็เป็นเสาร์สองกา คุณภาพเสื่อมไม่เต็มที่ และเสาร์กับเสาร์เดิมก็ทำมุมเบียนกันอย่างแรงอยู่ด้วย ดังนั้น แม้เสาร์จะเป็นศรีให้คุณบ้างก็ให้ได้น้อยนิดเดียว อย่างมากก็คือ เจ้าชาตาจะถูกลงโทษด้วยการตัดเงินเดือนหรือต้องหาเงินมาชดใช้บริษัทตามจำนวนที่ขาดไป แต่อาจไม่ถึงกับไล่ออกก็ได้
ที่ผมว่ามานี้ มันเกินจากการ “ดูเร็ว” ไปแล้วนะครับ การดูแบบเร็วนั้นดูกันเพียงให้คำตอบว่าใช่หรือไม่ใช่เท่านั้น
อย่างในกรณีเขาถามว่าจะถูกไล่ออกไหม เราก็ตอบได้เพียงว่า ถูกลงโทษจนภาวะตกต่ำลงแน่ แต่อาจจะไม่ถึงกับถูกไล่ออก หรืออย่างมากก็แค่ถูกขอร้องให้ลาออก (ซึ่งเบากว่าถูกไล่ออก) นี่ก็อาจเป็นเพราะได้ดาวเสาร์เป็นศรีอย่างที่คุณเถียงมาก็ได้เหมือนกัน
นี่ก็เป็นเพียงการบรรยายเพื่อให้คุณเห็นถึงวิธีใช้การดูดวงอย่างเร็วว่ามีแบบมีแนวทางใช้อย่างไรบ้าง ซึ่งคุณก็คงจะเข้าใจได้ดีแล้ว จะได้ว่าถึงแบบวิธีอื่นอีกต่อไปตามควร

วิธีที่ห้า ใช้ดาวบริวารจรเป็นจุดพยากรณ์ (อีกแบบหนึ่ง)

วิธีนี้ที่จริงก็คล้ายกับวิธีที่สี่ซึ่งผ่านมาแล้วนั่นแหละ เพียงแต่ “บริวารจร” ตัวที่จะนำมาใช้เป็นจุดพยากรณ์นั้นไม่ใช่ใช้จากทักษาคู่ธาตุอย่างที่เราถนัดกัน
ในวิธีนี้ท่านให้ใช้ “บริวาร” จาก “ทักษาคู่สมพล”
ถึงตรงนี้อาจจะมีหลายคนทีเดียวที่อ้าปากหวอเนื่องจากไม่รู้จักว่าทักษาคู่สมพลเป็นยังไง
ความจริงทักษาคู่สมพลนี้มีอยู่คู่กับโหราศาสตร์มานานแล้ว แต่ไม่ค่อยได้นำมาใช้กัน
เพราะการใช้ทักษานี้จะใช้เฉพาะในกรณีที่ “พิเศษ” กว่าปกติ เนื่องจากทักษานี้มีความละเอียดกว่าทักษาคู่ธาตุที่เราใช้กันเป็นปกติ เรื่องที่จะใช้ทักษานี้จึงต้องเป็นเรื่องที่มีความละเอียดมากกว่าปกติด้วย และอีกประการหนึ่งที่สำคัญก็คือ ผู้ใช้จะต้องใช้เป็น
เพียงแค่ขึ้นต้น คือการตั้ง Form ของทักษานี้ก็ไม่เหมือนกับทักษาคู่ธาตุแล้ว เพราะใช้องค์ประกอบของการเป็นคู่สมพลของดาวมาเป็นจุดตั้ง ทักษาคู่ธาตุนั้นดาวที่เป็นคู่ธาตุกันจะอยู่เล็งกันในภูมิ ทักษาคู่สมพลก็เช่นกัน คือดาวที่เป็นคู่สมพลกันก็จะอยู่เล็งกันในภูมิด้วย ลักษณะของทักษาคู่สมพลจะมีรูปดังนี้

การใช้ทักษาคู่สมพลนี้ จะเป็นการใช้ในกรณีพยากรณ์จร เป็นส่วนใหญ่ เพราะไม่ได้เอาวันเกิดมานับเป็นบริวารอายุเดชศรีเหมือนอย่างทักษาคู่ธาตุ แต่การนับทักษาคู่สมพลนี้ จะใช้ดาวตนุลัคน์เป็นตัวกำหนดตั้งต้น จำไว้ให้ดี ใช้ดาวตนุลัคน์เป็นตัวต้นหรือตัวเริ่ม ลัคนาสถิตราศีใด ก็เอาเกษตรเจ้าเรือนนั้นแหละมาเป็นตัวนับตัวต้น
และการนับ ก็ไม่เหมือนกับการนับแบบทักษาคู่ธาตุด้วย เพราะการนับอายุแบบคู่สมพลนี้จะใช้ “กำลังดาว” เป็นตัวบอกจำนวน
และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การนับอายุจรของทักษาคู่สมพลนี้จะต้องใช้ อายุเต็ม ไม่ใช่อายุย่างอย่างทักษาคู่ธาตุ เช่น คนที่มีลัคนาอยู่ราศีเมษ ก็จะต้องนับที่ภูมิอังคารเป็นตัวเริ่มต้น ดาวอังคารมีกำลัง ๘ ปี นับ ๑ ที่อังคาร ๒ ที่พุธ ๓ ที่ศุกร์ ๔ ที่ราหู ๕ ที่พฤหัสฯ ๖ ที่เสาร์ ๗ ที่อาทิตย์ ๘ ที่จันทร์ เป็นหมดกำลังของดาวอังคาร เมื่อจะนับ ๙ จึงเริ่มนับที่ภูมิพุธ ๑๐ ที่ภูมิศุกร์ ๑๑ ที่ราหู ๑๒ ที่พฤหัสฯ ๑๓ ที่เสาร์ ๑๔ ที่อาทิตย์ เรื่อยไปจนหมดกำลังของดาวพุธที่มี ๑๗
(คือนับจนถึงอายุ ๒๕ ปีก็ครบกำลังดาวพุธ แล้วนับ ๒๖ ที่ภูมิดาวศุกร์ต่อไปอีกจนกว่าจะถึงอายุเต็มของเจ้าชาตา)

นี่เป็นวิธีนับอายุจรแบบทักษาคู่สมพล จำไว้ให้ดี อย่าสับสนกับทักษาคู่ธาตุเป็นอันขาด เกิดวันใดไม่สำคัญ เกิดวันเสาร์ถ้าลัคนาสถิตราศีเมษ ก็ต้องไปเริ่มนับที่ภูมิอังคาร หรือเกิดวันอังคารถ้าลัคนาสถิตราศีตุลย์ก็ต้องไปเริ่มนับที่ภูมิศุกร์ จำหลักการนี้ไว้ให้แม่น อย่าสับสนกันเพราะความเคยชินกับทักษาคู่ธาตุ
อายุจรครบเต็มในภูมิใด ก็ถือเอาดาวประจำภูมินั้นเป็นดาวอิทธิพลประจำปีนั้น เรียกว่าดาวอิทธิพลประจำปี ถ้าอยากหาดาวอิทธิพลประจำเดือนอีก ก็ให้เอาเดือนเกิด (เดือนไทย) มาเริ่มนับที่ภูมิปีเรื่อยไปจนถึงเดือนที่ประสงค์ ตกภูมิไหนก็เอาดาวประจำภูมินั้นเป็นดาวอิทธิพลประจำเดือน
ถ้าต้องการรู้ถึงวันอีก ก็ให้เอา ดิถีเกิด (ขึ้นแรม) มาเริ่มนับที่ภูมิเดือนเป็นต้นไป จนถึงวันที่ประสงค์ ตกภูมิใดก็ใช้ดาวนั้นเป็นดาวอิทธิพลประจำวัน

ผมนำเอาทักษาคู่สมพลมาลงไว้เพื่อให้คุณๆ ที่จะใช้สูตรนี้ได้รู้จักวิธีใช้ ทักษานี้ผมบอกแล้วว่าเป็นทักษาที่มีผู้รู้น้อยมาก ผู้ใดได้รู้ไว้ก็จะนับว่าโชคดีทีเดียว แต่ที่ผมนำมาลงให้ดูนี้เป็นเพียงรูปทักษาและวิธีนับอายุเท่านั้น โดยตัวของทักษาเองนั้นจะมีความพิเศษในการพยากรณ์อยู่อีกแต่ไม่เกี่ยวกับการพยากรณ์เร็วที่เป็นจุดของเรื่องนี้ ผมจึงละเอาไว้ก่อน นำมาลงเพื่อให้คุณได้รู้เท่านั้นว่า จะหา “บริวาร” หรือดาวที่ทรงอิทธิพลกับชีวิตเจ้าชาตาในปีนั้นได้อย่างไร
จะได้ก็ด้วยการนับแบบที่ผมบอกนี้แหละ เมื่อได้มาแล้วก็นำมาดูในดวงของเจ้าชาตาที่เขายื่นมาให้ ดูว่าดาวอายุนั้นในดวงของเขาสถิตที่ราศีใดภพใด อ่อนแอหรือเข้มแข็ง ส่งคุณโทษแก่ชาตาอย่างไร
ตรงนี้ดูเอาไว้ก่อนเท่านั้นเพื่อให้รู้ว่า ในปีนั้นชาตาของเจ้าชาตานั้นแข็งแรงหรืออ่อนตัว เมื่อดูดาวเดิมแล้วก็ตรวจดูที่ดาวนั้นอีกว่าขณะที่เราดูอยู่นั้นได้จรอยู่ที่ราศีใด ภพใด เข้มแข็งหรืออ่อนแอ ดูครบทั้งสองประเภทแล้วก็จะได้รู้ว่าเจ้าชาตามีชาตาที่อ่อนแข็งประการใด
ต้องจบแค่นี้ก่อนเพราะหมดเนื้อที่ตามเคย ในตอนหน้าจะได้มาว่าถึง “วิธีพยากรณ์เร็ว” ซึ่งเป็นวิธีที่นักพยากรณ์ทั้งหลายควรเรียนรู้กันไว้ เพราะจะเป็นประโยชน์ในการพยากรณ์อย่างยิ่งทีเดียว