จดหมาย/ฉบับประจำวันที่ 2-8 มีนาคม 2561

จดหมาย

ถาม “ตรง”

ว่าจะไม่เขียนมาแต่ทนไม่ได้
1. ขอเตือนความจำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
คนที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเกรงใจอย่างมากด้วย คือประชาชน
มัวแต่เกรงใจพี่น้องผองเพื่อน ไม่ใช่แค่ตัวเองและ คสช. จะดิ่งเหว
ประเทศจะเป็นไทยแลนด์ -4.0 (ติดลบ 4.0) ไปด้วย
2. เรื่องแหวนแม่ นาฬิกายืมเพื่อน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องรักษาสัจจะ ลาออกเสียก่อนตัวเองจะพัง
และเพื่อ ป.ป.ช. จะได้ดำเนินเรื่องโดยไม่ต้องเกรงอะไรหรือใคร
3. เรื่อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รับราชการตำรวจเป็นงานรองจิ๊บจ๊อย อาชีพหลักเป็นนักธุรกิจนั้น
ควรถอดยศ เรียกคืนเครื่องราชฯ เรียกคืนเงินเดือน/เงินสวัสดิการตอนยังรับราชการทุกสตางค์พร้อมดอกเบี้ย
ส่วนเงินบำนาญ/บำเหน็จหยุดจ่าย และเรียกคืนที่จ่ายไปแล้วพร้อมดอกเบี้ย
เพราะ พล.ต.อ.สมยศไม่มีความจำเป็นต้องใช้ในการยังชีพ
4. คดีเปรมชัย กรรณสูต อย่าให้เป็นมวยล้มต้มคนดูเหมือนคดีทายาทกระทิงแดง และคดีจำนำข้าว (สตช. ส่งเอกสารแปลไปให้ตำรวจสากลยัง สตช. ควรให้กระทรวงการต่างประเทศแปล เพราะมีความพร้อมและประหยัดเงินภาษี)
ตบท้าย ขอคอลัมน์ถนัดศรีชวนชิมพาไปร้านอาหารที่เดินทางโดยรถลอยฟ้า/รถใต้ดินสะดวก
อีกข้อ ขอแนะนำให้สถานที่ท่องเที่ยวที่มีจักรยานให้เช่ามีจักรยานสามล้อด้วย คนขี่จักรยานสองล้อไม่เป็นกับ สว. จะได้ปั่นเที่ยวด้วย
อิชั้น แอลเอ

อิชั้น แอลเอ ไม่อ้อมค้อม
เสนอตรงเป๊ะ
แต่ไม่รู้ คนที่ตอบรับ
จะสนองตรงเป๊ะ ด้วยหรือไม่
ว่าที่จริง ก็ถามไปอย่างนั้นแหละ
เพราะรู้อยู่แล้วเรื่องมันคดโค้ง!

สำรวจ “ตรง”

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ มักบอกว่าเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น
แต่ในความเป็นจริง
กลับไม่ได้เป็นดังที่ ดร.สมคิดคุยไว้
เพื่อเป็นการพิสูจน์ เมื่อเช้าวันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561
ผมในฐานะ ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) และคณะ
ได้ออกสำรวจความคิดเห็นของผู้ค้าแผงรายย่อย และรถสามล้อรับจ้าง
ในบริเวณวัดอรุณราชวราราม ท่าเตียนแถววัดโพธิ์ ท่าช้างแถวพระบรมมหาราชวัง และถนนข้าวสาร
ซึ่งเป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจไปท่องเที่ยวมากที่สุด
ในแต่ละบริเวณมีร้านค้า แผงลอยและผู้ประกอบการอยู่ราว 150-200 ราย
สำรวจแห่งละประมาณ 32 ราย หรือราว 20% ของผู้ค้าทั้งหมด
ผลการสำรวจเป็นดังนี้ :
1. ที่บริเวณวัดอรุณราชวราราม ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เนื่องจากพระปรางค์วัดอรุณฯ เพิ่งบูรณะเสร็จ และเรือด่วนผ่าน (จากแต่เดิมผ่านเฉพาะท่าเตียน และปัจจุบันไม่มีท่าเรือด่วนที่ท่าเตียนแล้ว) โดยมีนักท่องเที่ยวเพิ่มจากเดิมประมาณ 4.4% โดยประมาณ รายได้จากการขายก็ดีกว่าเดิมเล็กน้อย ทั้งนี้ โดยถือว่าการขายในปี 2560 เท่ากับ 100% ปีนี้เพิ่มขึ้น 0.6% อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าเห็นว่าเศรษฐกิจตกต่ำลงกว่าปี 2560 จาก 100% เหลือ 98.1% และคาดว่าปี 2562 เศรษฐกิจยังจะตกต่ำลงไปอีกเหลือเพียง 97% จาก 100% ในปี 2560
2. ที่บริเวณท่าเตียน วัดโพธิ์ ซึ่งปัจจุบันไม่มีเรือด่วนผ่านแล้ว แต่ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ โดยนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 1.6% ต่ำกว่าที่วัดอรุณราชวราราม ส่วนรายได้จากการขายสินค้ากลับลดลงจาก 100% ในต้นปี 2560 เหลือ 96.6% ในต้นปี 2561 ผู้ค้าประเมินภาวะเศรษฐกิจจาก 100% ณ ต้นปี 2560 เหลือ 96.4% ในปี 2561 และคาดว่าจะตกลงเหลือ 91.4% ในปี 2562
3. บริเวณท่าช้างใกล้กับพระบรมมหาราชวัง ก็เป็นอีกจุดที่มีนักท่องเที่ยวหนาตาเป็นพิเศษ ปรากฏว่าผู้ค้าเห็นว่านักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่าต้นปี 2560 ถึง 7.2% แต่รายได้ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น คือเป็นเพียง 98.1% ของรายได้ในช่วงต้นปี 2560 ในด้านภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ผู้ค้าและสามล้อประจำย่านนั้นก็มองว่ายังตกต่ำกว่าปี 2560 คือในปีนี้เหลือเพียง 96.6% และในปี 2560 น่าจะเหลือ 93.4%
4. ในบริเวณถนนข้าวสาร ซึ่งเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นเช่นกัน แต่ในสายตาของผู้ค้าและสามล้อในพื้นที่กลับมองว่านักท่องเที่ยวลดลง ผู้เข้าพักก็ลดลงกว่าแต่ก่อน เหลือเพียง 96.8% ของปี 2560 รายได้จากการขายสินค้าก็ลดลงเหลือเพียง 93.2% ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดใน 4 บริเวณนี้ ส่วนเศรษฐกิจ ผู้ค้าในย่านถนนข้าวสารประเมินไว้ต่ำสุดคือ 95.8% และคาดว่าในปี 2562 เศรษฐกิจน่าจะลงต่ออีกเล็กน้อย เหลือ 91.3%
5. โดยสรุปทั้ง 4 บริเวณพบว่านักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจริง คือประมาณ 2.5% จากต้นปี 2560 แต่รายได้ลดลงเหลือ 97.2% ซึ่งแม้ไม่ได้ลดลงมาก แต่ไม่ได้เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจของชาติก็ดูตกต่ำลงจาก 100% เหลือ 96.7% เท่านั้น และที่สำคัญในปี 2562 คาดว่ายังจะลงต่อไปเหลือ 93.3%
โดยนัยนี้ที่ทางราชการประกาศว่านักท่องเที่ยวมาไทยมากขึ้น แต่กำลังซื้อจำกัด และคุณภาพของนักท่องเที่ยวก็ไม่เหมือนเดิม
ยิ่งกว่านั้น เศรษฐกิจที่ทางราชการบอกว่าดีขึ้น แม้แต่แม่ค้าในย่านท่องเที่ยวยังเห็นว่าไม่ดี
แต่ภาวะเศรษฐกิจแม่ค้าในพื้นที่ท่องเที่ยวยังดีกว่าแม่ค้าทั่วไปที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
ภาวะเศรษฐกิจของประชาชนทั่วไปจึงตกต่ำลงกว่าแต่ก่อน
เศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาอาจดูดีขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อเทียบกับช่วง 4 ปีก่อน หรือโดยเฉพาะช่วง 10 กว่าปีก่อน สถานการณ์ดีกว่านี้
ดร.โสภณ พรโชคชัย ([email protected])
ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA
ป.ล. ยินดีเป็นอย่างยิ่งหากวิเคราะห์ผิด เพราะชาติจะได้เจริญตามที่ ดร.สมคิดคุยไว้
แต่กลัวเป็นอย่างยิ่งว่าจะวิเคราะห์ถูก เพราะทุกวันนี้ที่เจริญ ก็เจริญแต่พรรคพวก!!!

อุตส่าห์ลงพื้นที่
สำรวจกันตรง-ตรง, จริง-จริง อย่างนี้
เถียงยากหน่อย
แต่ก็อยากให้ฟากรัฐบาลเถียง ว่าวิเคราะห์ผิด
เครื่องยนต์เศรษฐกิจ “ติดแล้ว”
กระเป๋าจะได้ตุงเสียที
แฟบมาหลายปีแล้ว