การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์/THE BEST WE COULD DO (2)

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

การ์ตูนที่รัก
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

THE BEST WE COULD DO (2)

ชื่อเต็มคือ THE BEST WE COULD DO : AN ILLUSTRATED MEMOIR เขียนโดยนักเขียนสตรีชาวเวียดนาม Thi Bui สำนักพิมพ์ Abrams Comics Art นิวยอร์ก ปี 2017 ราคาขายในบ้านเรา 879 บาท
ผู้เขียนเป็นชาวเวียดนามอพยพที่เติบโตในสหรัฐอเมริกา เธอเหินห่างจากพ่อแม่ มีช่องว่างที่ต่อไม่ติด เธอคิดว่าหากตนเองรู้เรื่องราวของพ่อแม่ในอดีตมากกว่านี้ เธออาจจะถมช่องว่างนั้นได้
แม่คลอดลูก 6 ครั้ง คนแรกตายคลอด เหตุเพราะตั้งชื่อให้ลูกสาวไพเราะเกิน ผีเลยมาเอาตัวไป
พวกเราคลอดด้วยหมอตำแยกันทุกคน พี่สาวสองคนของฉันคลอดระหว่างที่เวียดนามกำลังคุกรุ่น หลังจากนั้นแม่เสียทารกไปอีกครั้งหนึ่งก่อนที่ฉันจะเกิดมา แม่ว่าฉันมีใบหน้าเหมือนเจ้าแม่กวนอิม เพราะพ่อและแม่ขอเจ้าแม่กวนอิมทุกวันให้ฉันปลอดภัย
น้องชายของฉันคลอดที่มาเลเซีย คือเวลาที่พวกเราออกจากเวียดนามแล้ว
พ่อและแม่แยกทางกันเมื่อฉันอายุ 19 ปี ทั้งสองยังคงเป็นเพื่อนกันและบางครั้งก็ดูเหมือนจะเป็นผัวเมียกันอยู่ จนกระทั่งไม่ใช่
“พ่อ จริงหรือเปล่าที่พ่อไปดูหนังเวลาแม่คลอดพวกเรา” ฉันถามพ่อในคราวหนึ่ง
“เปล่า แม่ของแกชอบพูดให้ฉันดูแย่ทุกที” พ่อเถียงทันควัน
แต่ความจริงคือพ่อไปดูหนัง พ่อไปดูหนังตั้งแต่ครั้งที่แม่คลอดครั้งแรก แล้วทำเรื่อยมา พ่อสารภาพว่า “ถ้าพ่อไปดูหนังจริงๆ ก็เพราะพ่อกลัว”

ตอนที่ฉันมาถึงสหรัฐอเมริกาไม่นานนัก เด็กสาวอายุ 16 ปีคนหนึ่งที่ซานดิเอโกยิงปืนไรเฟิลเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลที่ตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านเธอ ตายสอง บาดเจ็บเก้า
พวกเราเป็นชาวเวียดนามอพยพรุ่นแรกๆ ที่ควันสงครามเวียดนามยังไม่จางหาย คนอเมริกันมีบาดแผลเพราะเรื่องนี้ เราจึงเป็นที่รังเกียจ พ่อหางานทำไม่ได้ แม่เป็นฝ่ายหางานทำได้ก่อน
พี่สาวสองคนของเราไปโรงเรียนกันเองได้แล้ว แม่ลุกออกไปทำงานตั้งแต่เช้ามืดทิ้งฉันกับแทมน้องชายอยู่กับพ่อ แทมร้องไห้ทุกวันเมื่อตื่นมาไม่พบแม่ ฉันมาคิดย้อนหลังแล้วเป็นความคิดที่ผิดมากที่แม่ปล่อยพวกเราอยู่กับพ่อ
พ่อสูบบุหรี่ทั้งวัน เล่นกับเราบ้างแต่ก็ไม่รู้ว่าจะโมโหเมื่อไร บางทีพ่อก็พานังปีศาจผมยาวมาที่บ้าน สองคนนอนเปลือย พวกเราก็ดูหนังไป พ่อชอบดูหนังแล้วให้ “การศึกษา” แก่เรา
“เวลาผีเรียก อย่าขานตอบ ผีหลอกให้เราเปิดปากมันจะได้เข้าไปสิงในท้อง”
แทมกลัวมาก เวลามีใครมาที่หน้าประตู แสงที่สาดเข้ามาในบ้านทำให้เราเห็นแขกมาเยือนเป็นเงาดำทะมึน แทมมักจะวิ่งไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าและเรียนรู้ที่จะซ่อนได้หลายชั่วโมงโดยกลั้นฉี่กลั้นอึเอาไว้ ที่ซ่อนของแทมก็มิใช่ว่าจะน่าพิสมัยนัก มีโปสเตอร์ผีสางนางไม้ที่พ่อติดเอาไว้
ส่วนฉันกลายเป็นเด็กที่สนใจเรื่องลึกลับแนวไสยศาสตร์ไปเลย
“ฉันจะกินจิ๋มแก” เสียงจากโทรศัพท์พูดกับฉันในคราวหนึ่ง ฉันตกใจมาก พ่อควรจะปลอบฉันแต่คงจะไม่รู้วิธี “ทำไมมันรู้ว่าแกเป็นผู้หญิง!” เป็นเสียเช่นนั้น
เราสองคน แทมและฉัน จะได้เล่นนอกบ้านเมื่อพี่สาวสองคน หลันและบิท กลับจากโรงเรียน คือเวลาที่พวกเราสนุกกันมากที่สุด แล้วสักครู่แม่ก็จะกลับจากที่ทำงาน
พวกเราล้อมวงดูหนังจากโทรทัศน์กันทุกเย็น ฉันได้ดูดิเอ๊กซอร์ซิสต์ตอนอายุ 5 ขวบ พ่อเล่าให้พวกเราฟังเรื่องในเวียดนาม หากเราเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับคนที่นอนหลับอยู่ วิญญาณของคนที่หลับจะกลับมาเข้าร่างไม่ได้ แล้วผีตนอื่นจะเข้ามาสิงแทน พวกเรากลัวผีกันทุกคน
ฉันพยายามที่จะไม่กลัว ฉันเดินไปหาน้ำกินที่ครัวคนเดียวกลางดึก ผีและคนอยู่คนละระนาบ ถ้ามีประตูเปิดให้มันมาได้ เราก็ปิดประตูได้ ฉันชอบฝันว่าตัวเองเดินไปห้องครัวกลางดึกได้
แต่ที่จริงฉันไม่ได้เดินหรอก เป็นวิญญาณของฉันที่ลอยละล่องไปห้องครัวต่างหาก

เพื่อที่จะเข้าใจพ่อ ฉันพยายามคุยกับท่านหลายปี หลายปีกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง เรามาเริ่มกันที่ไฮฟอง ปี 1951
เวลานั้นเวียดนามยังเป็นส่วนหนึ่งของอินโดจีนฝรั่งเศส ไฮฟองเป็นเมืองท่าตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฮานอยและห่างจากพรมแดนจีน 200 กิโลเมตร
ปู่ของพ่อและน้องชายของปู่ช่วยกันขุดดินขึ้นมาสร้างบ้านและทำถนน หลังจากนั้นมีชาวบ้านมาทำบ้าง คือขุดดินขึ้นมาสร้างบ้าน ในที่สุดเราก็ได้หลุมขนาดใหญ่
พอฝนตกหลุมนั้นก็กลายเป็นสระน้ำขนาดย่อม ปู่เอาปลาและพืชน้ำมาปล่อย กลายเป็นแหล่งอาหารอันอุดสมบูรณ์ เมื่อพ่อเป็นเด็กพ่อหัดว่ายน้ำที่สระนี้ และจับกุ้งฝอยซึ่งมีจำนวนมหาศาลกิน
จนกระทั่งวันหนึ่งมีเพื่อนบ้านที่ทำงานย้อมสีผ้าย้ายมาอยู่ใหม่ เขาเทสีย้อมผ้าที่ใช้แล้วลงสระ หลังจากนั้นก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตเหลือในสระน้ำอีกเลย
พ่อเกิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นรุกรานอินโดจีนฝรั่งเศสหลังจากฮิตเลอร์ยาตราทัพเข้าปารีส พ่อของพ่อพาเขาหนีเข้าป่า บ้านเมืองแร้นแค้น อาหารหายาก กองทัพทั้งสองฝ่ายไม่กักเสบียงก็เผาทิ้ง เวลานั้นพ่ออายุ 2 ขวบต้องอดมื้อกินมื้อและป่วยไข้อยู่กลางป่า
ตอนพ่ออายุ 5 ขวบ พ่อของพ่อมีผู้หญิงอื่นและตบตีแม่ของพ่ออย่างรุนแรงแล้วไล่เธอออกจากบ้าน นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เด็กชายได้เห็นแม่ แม่เธอจะไปอยู่ไหนได้ในวันเวลาที่ทั้งเมืองมีซากศพที่อดตายอยู่ริมถนน
พ่อของพ่อไปเข้าด้วยเวียดมินห์ ไม่เพราะอุดมการณ์ก็เพราะพวกเขาเลี้ยงข้าว ก่อนไปเขามาหาพ่อแล้วเตะพ่อเข้าที่กลางท้องเป็นการสั่งลา นั่นคือเดือนสิงหาคมปี 1945 เมื่อระเบิดปรมาณูลูกแรกทิ้งใส่ฮิโรชิมา
พอญี่ปุ่นแพ้ อินโดจีนก็กลายเป็นสูญญากาศ โฮจิมินห์นำเวียดมินห์เข้ายึดฮานอยแล้วประกาศเอกราช กองทัพจีนในสถานะผู้ชนะยาตราทัพเข้ามาใหม่ แม่ของพ่อซึ่งควรตายไปแล้วถูกทหารจีนต้อนกลับไปประเทศ เธอไปอยู่ทางตอนใต้ของจีนและมีลูกอีกสามคน
เวียดมินห์กำลังเจรจากับเวียดนามใต้ตอนที่ฝรั่งเศสกลับมา หากเวลานั้นพวกเขาเจรจากันสำเร็จก่อนฝรั่งเศสจะกลับมา บางทีสงครามสามสิบปีอาจจะไม่เกิด แล้วชีวิตของฉันจะเป็นอีกแบบหนึ่ง
ฝรั่งเศสกวาดล้างเวียดมินห์ไปพร้อมๆ กับชาวบ้าน ชาวบ้านส่วนใหญ่เข้าด้วยเวียดมินห์เพราะพวกเขาทนทุกข์ทรมานกับการกระทำของเจ้าที่ดินมานานมากแล้ว ครั้งหนึ่งพ่อต้องหลบซ่อนในโพรงใต้ดินเป็นวันๆ เพื่อหลีกหนีทหารฝรั่งเศส ในที่สุดฝรั่งเศสก็ยึดหมู่บ้านของปู่ของพ่อที่ไฮฟองเอาไว้ได้
คืนนั้นพวกเวียดมินห์กลับเข้ามาซ้อมปู่ของพ่อปางตายฐานที่เข้าด้วยพวกฝรั่งเศส ปู่ของพ่อออกจากหมู่บ้านในเวลาต่อมา ไม่มีที่ให้พวกเขาอยู่อีกแล้ว ตอนนั้นพ่ออายุ 7 ขวบ

วันนี้ ที่ซานดิเอโก ฉันโตมากับพ่อที่อาศัยอยู่กับความหวาดกลัวตั้งแต่เกิดจนกระทั่งจำความได้แล้วเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในยุคสงคราม นั่นคือเรื่องของพ่อ
จะเห็นว่าพ่อต้องหนีญี่ปุ่นไปอยู่ในป่าตั้งแต่สองขวบ
ได้เห็นพ่อของตัวเองทุบตีแม่แล้วขับไล่ออกไป ถูกพ่อของตัวเองเตะสั่งลาก่อนไปเป็นเวียดมินห์
พ่อมีความสุขช่วงสั้นๆ กับปู่ของพ่อก่อนที่ชาวบ้านโง่ๆ สักคนจะเทสีย้อมผ้าลงฆ่าสิ่งมีชีวิตในสระตายเรียบ
จากนั้นพ่อต้องหลบซ่อนทหารฝรั่งเศสในหลุมลึกหลายวัน
ก่อนที่จะต้องระหกระเหินหนีเวียดมินห์กันอีกคำรบหนึ่ง
เด็กที่โตมาเช่นนี้จะเป็นพ่อคนได้อย่างไร?