เรื่องสั้น : ปรองดอง (จบ)

ย้อนอ่าน ตอนแรก

เย็นรุ่งขึ้น ผมเดินมาบริเวณหลังตลาดที่จัดพื้นที่ไว้สำหรับผู้สูบบุหรี่ เห็นลุงจ่อยพ่อค้ากระเป๋าสานที่อยู่โซนเดียวกันนั่งอยู่ก่อน อัดควันบุหรี่หนักหน่วง สีหน้าเหม่อลอย ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เอ่ยทัก

“หวัดดีลุง หน้าตาไม่ดีเลย เป็นไรหรือเปล่า” ผมถามตามมารยาทไม่ได้หวังคำตอบจริงจัง ควักบุหรี่ในกระเป๋าคาบไว้ที่มุมปากแล้วจุดสูบ

“ข้ามีเรื่องจะสารภาพ”

“สารภาพเรื่องไรลุง”

“เอ็งไม่สงสัยหรือว่าทำไมผลการเลือกตั้งออกมาอย่างนั้น ทั้งๆ ที่โซนกลางก็เป็นฐานเสียงของไอ้ตูน”

แทนที่จะผ่านไป แต่เมื่อลุงจ่อยเปิดประเด็นทำให้ผมต้องฉุกคิด

“ลุงหมายความว่าไง?”

“บ๊ะ! ก็หมายความว่ามันมีการซื้อเสียงน่ะสิ” ลุงจ่อยโยนบุหรี่ลงพื้นขยี้ด้วยปลายเท้าแล้วเล่าว่า

“ก่อนวันเลือกตั้งสองวัน มีชายสองคนมาพูดคุยกับผู้ค้าโซนกลางและยื่นซองขาวให้ เมื่อเปิดดูจะพบเป็นรายละเอียดการซื้อเสียง ใครสนใจให้กรอกโซนร้านค้า เลขที่ร้าน เลขที่บัญชี และเบอร์โทรศัพท์ ชายคนหนึ่งบอกว่าพรุ่งนี้จะมาเก็บซอง”

“แล้วลุงก็กรอกให้เขา”

“ใช่ แม้รู้ว่าไม่ถูกต้อง แต่ข้าต้องการเงิน ในวันเลือกตั้งมีข้อความทางโทรศัพท์แจ้งว่ามียอดเงินเข้า”

จู่ๆ ผมก็คิดถึงคำพูดคุณมาลาในวันนั้น “เดี๋ยวผมไปดึงคะแนนโซนคุณบ้าง!”

ผ่านไปสองเดือนการเปลี่ยนแปลงแรกก็เดินทางมาถึง คุณมาลาใช้พื้นที่โซนเหนือบางส่วนสร้างเรือนไม้สักยอดจั่วกาแล อัญเชิญองค์พระพิฆเนศที่ทำจากไม้แกะสลักอายุเก่าแก่กว่าหนึ่งร้อยปีมาประดิษฐาน ตกแต่งสถานที่ดูสวยงาม สร้างเรื่องราวอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์เผยแพร่ทางสื่ออินเตอร์เน็ต เชื้อเชิญให้ผู้คนมากราบไหว้ขอพร

หน้าองค์พระมีอ่างเซรามิกขนาดใหญ่ ปากอ่างมีควันพวยพุ่งออกมาไม่ขาดสาย ข้างอ่างมีป้ายอธิบายเป็นภาษาไทย จีน และอังกฤษ เพื่อสื่อสารกับนักท่องเที่ยวว่า หลังไหว้องค์พระเสร็จให้กวักควันเข้าหาตัวเพื่อรับพลังชีวิตและเป็นสิริมงคล รอบๆ เรือนไม้ขึงเชือกเป็นแนวยาวไว้สำหรับแขวนแผ่นป้ายนำโชค

“ป้ายนำโชค” เป็นแผ่นไม้ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กใหญ่ตามราคา ซื้อจากตู้ขายอัตโนมัติที่ตั้งด้านหน้าคล้ายตู้ขายเครื่องดื่มตามห้างสรรพสินค้า คุณมาลาสั่งทำพิเศษจากประเทศญี่ปุ่น เพียงสอดธนบัตรเข้าไปในเครื่อง กดเลือกขนาดและลวดลาย แผ่นไม้จะตกลงมาตามช่องรับสินค้าพร้อมปากกาด้ามเล็ก มีราคาตั้งแต่หนึ่งร้อยบาท สามร้อยบาท และห้าร้อยบาท เขียนเสร็จอธิษฐานขอพรหน้าองค์พระแล้วนำมาแขวนไว้เชื่อกันว่าเป็นการฝากดวงชะตาให้องค์พระพิฆเนศดูแลและประทานความโชคดีให้

เมื่อนำความเชื่อ ความศรัทธา และเทคโนโลยีเข้าหลอมรวมก่อเกิดรายได้ให้คุณมาลาเป็นอย่างมาก แม้พี่ตูนจะไม่เห็นด้วยในสิ่งที่คุณมาลาทำ แต่จะปฏิเสธได้อย่างไรว่าเมื่อนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นผู้ค้าในตลาดก็ได้รับผลประโยชน์นั้นเช่นกัน

เดือนต่อมาคุณมาลาให้บริษัทบำบัดน้ำเสียมาปรับปรุงสภาพน้ำและกำจัดขยะรอบบริเวณ เป็นโครงการที่ดีผมนึกชมอยู่ในใจ แต่คำชมไม่ทันจางหายก็มีเรือโดยสารขนาดยี่สิบที่นั่งมาจอดเทียบท่าไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว เก็บค่าใช้จ่ายคนละห้าสิบบาท คุณมาลาบังคับให้ผู้ค้าเรือขายอาหารโบกมือทักทายในจังหวะที่เรือเคลื่อนผ่าน แม้ไม่ใช่หน้าที่ แต่ต้องทำเพราะไม่อยากมีปัญหาในภายหลัง

“ป้า! ขอสองไม้ข้าวเหนียวหนึ่งราดน้ำจิ้มด้วย” ผมบอกแม่ค้าเรือขายเนื้อจระเข้ปิ้งริมน้ำในเย็นวันหนึ่ง

แม่ค้าหยิบวางบนตะแกรงเตาถ่าน จังหวะรออุ่นร้อน แม่ค้าพูดขึ้น

“สัปดาห์ก่อน ป้าเห็นคุณมาลาพาผู้ชายสองคนมาวัดโน่นวัดนี่ เดินวนไปมา ถ่ายรูปและจดอะไรบางอย่าง พ่อหนุ่มพอรู้มั้ยว่าเขามาทำอะไร?” สีหน้าแม่ค้าดูเป็นกังวล พลิกเนื้อจระเข้บนตะแกรงกลับอีกด้าน

“ไม่รู้หรอกป้า คงมีโครงการอะไรใหม่อีกมั้ง” ผมตอบไปตามจริง

แม่ค้าถอนหายใจเสียงดังแล้วพูดขึ้น “ป้ารู้สึกไม่สบายใจเลยแต่บอกไม่ถูกว่าเพราะอะไร”

ผมเล่าเรื่องของแม่ค้าเรือขายอาหารให้พี่ตูนฟัง พี่ตูนบอกว่า

“พวกนั้นมาวัดพื้นที่เอาไปออกแบบ คนอย่างคุณมาลามีหรือจะมองไม่เห็นว่าพื้นที่ริมน้ำเหมาะแก่การทำประโยชน์อย่างอื่นมากกว่า พูดให้ชัดก็คือเหมาะแก่การหาประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง พี่ก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าคุณมาลาจะเอารถขายอาหารเคลื่อนที่มาตั้งแล้วเก็บค่าเช่าเป็นรายเดือน หากเป็นจริงคงเกิดปัญหาเพราะผู้ค้าคงไม่ยอมแน่”

ข่าวร้ายเดินทางมาเร็วกว่าที่คิด ข้อสันนิษฐานเป็นจริง คุณมาลาต้องการพื้นที่ริมน้ำเพื่อตั้งรถขายอาหารโดยให้ลูกน้องไปตกลงกับผู้ค้า นำเอกสารไปให้เซ็น ในเอกสารระบุประมาณว่าผู้ค้ายินยอมออกจากพื้นที่โดยสมัครใจและได้เงินชดเชยเรียบร้อยแล้วพร้อมลายเซ็นกำกับ

ไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่าคุณมาลารวยขึ้นจากร้านค้าในโซนเหนือ องค์พระพิฆเนศ เรือโดยสาร และรถขายอาหารเคลื่อนที่ แต่คุณมาลาไม่หยุดเพียงแค่นั้นผุดโครงการใหม่คือตลาดนัดติดแอร์ ได้เงินลงทุนจากธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้ใช้ในการก่อสร้าง มีผู้สนใจจองพื้นที่ล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก คุณมาลาแบ่งผลประโยชน์ให้สำนักงานสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือเก็บเข้าบริษัทของภรรยา ภายในตลาดนัดติดแอร์จำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่น สินค้าไอที ผลิตภัณฑ์ความงาม เครื่องประดับ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด และร้านสะดวกซื้อ ตรงตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ทุกอย่าง

จากนั้นไม่นานคุณมาลาจ้างทีมงานมืออาชีพมาวิจัยตลาดว่าสินค้าใดขายดีในโซนต่างๆ แล้วนำสินค้านั้นมาขายเองในตลาดนัดติดแอร์ โดยไม่สนว่าผู้ค้าที่ขายสินค้าประเภทนั้นอยู่ก่อนจะได้รับผลกระทบ ความจริงเป็นกฎเหล็กที่ห้ามขายสินค้าข้ามโซนเพราะทำให้สูญเสียเอกลักษณ์ของตลาด

ความอดทนของคนเรามีไม่เท่ากันและความอดทนของผู้ค้าส่วนใหญ่กำลังจะหมดลง เมื่อกติกาที่ร่วมสร้างถูกทำลาย โซนอีสานที่เคยเป็นฐานเสียงของคุณมาลาเริ่มออกมาต่อต้าน พี่ตูนเป็นแกนนำในการรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอต่อเฮียปอ

“เฮียปอเข้าโรงพยาบาลด่วน! เสี่ยป้อมถูกเรียกตัวกลับจากต่างประเทศ” ภรรยาบอกผมในเช้าวันหนึ่ง

“อาการของพ่อไม่ดีเลย ตอนนี้ผมต้องกลับมาอยู่เมืองไทยถาวรเพื่อดูแลพ่อ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นพ่อรับทราบและกำลังหาทางแก้ไขอยู่” เสี่ยป้อมพูดขณะรับรายชื่อจากพี่ตูนหน้าสำนักงาน

ชะรอยกฎแห่งกรรมน่าจะมีจริง สัปดาห์ต่อมาเกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณเรือนไม้สักของคุณมาลา ต้นเพลิงมาจากแผ่นป้ายนำโชคที่แขวนไว้รอบบริเวณทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกะกลางคืนเล่าเหตุการณ์ให้ฟังในเช้าวันถัดมาว่า

“ช่วงเวลาประมาณตีสอง ผมได้กลิ่นเหม็นไหม้บริเวณโซนเหนือจึงรีบรุดมาดูก็ตกใจกับภาพที่เห็น วิ่งไปที่สำนักงานเพื่อหาอุปกรณ์ดับเพลิงแต่ประตูถูกล็อก ตอนนั้นพยายามตั้งสติ จำได้ว่าด้านหลังปฏิทินตั้งโต๊ะมีเบอร์ฉุกเฉินติดต่อหน่วยงานต่างๆ สิบห้านาทีต่อมาเจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็มาถึง…”

รุ่งเช้าผมมาที่เกิดเหตุ กวาดตามองโดยรอบ องค์พระพิฆเนศไม่เสียหายเพราะตั้งอยู่ด้านใน แต่แผ่นป้ายนำโชค ตู้ขายอัตโนมัติ และอ่างเซรามิกเสียหายเกือบทั้งหมด ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการวางเพลิง เสี่ยป้อมสั่งปิดตลาดสามวันเพื่อหาสาเหตุ

ผมเดินมาหาพี่ตูนที่ร้าน กำลังนั่งสนทนาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จู่ๆ ก็มีชายฉกรรจ์สองคนพุ่งตรงเข้าหาพี่ตูนแล้วเหวี่ยงหมัดขวาเต็มแรงเข้าใบหน้า พี่ตูนล้มตึงในทันที ผมมึนงงทำอะไรไม่ถูกพยายามจะเข้าไปช่วยแต่ชายอีกคนล็อกตัวไว้ พี่ตูนค่อยๆ ชันกายขึ้น มีรองเท้าคอมแบตเหวี่ยงเข้าลำตัวอีกหลายครั้งจนทรุดลงกับพื้น สักพักชายคนนั้นดึงพี่ตูนขึ้นมา เลือดสีแดงข้นๆ อาบเต็มใบหน้า คุณมาลาเดินเข้ามาช้าๆ พี่ตูนหรี่ตาขึ้นเล็กน้อยแล้วพ่นน้ำลายปนเลือดใส่เสื้อ

“ไอ้สัด!” คุณมาลาตะคอกพร้อมควักปืนลูกโม่ .38 สีดำออกจากเอวจ่อเข้าที่ขมับพี่ตูน

“อย่าให้กูรู้นะว่าเป็นมึง” จากนั้นลดปืนลงแล้วเดินออกจากร้านไป

ผมเข้าไปพยุงตัวพี่ตูนที่ยืนโซเซก็มีเสียงตามสายแจ้งว่า

“เรียนผู้ค้าทุกท่าน วันนี้เวลาบ่ายโมง ขอเชิญตัวแทนแต่ละร้านมาที่หน้าสำนักงาน คุณป้อมมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ” น้ำเสียงเป็นหญิง ราบเรียบ เว้นช่วงระหว่างคำ ประกาศทวนสองครั้ง

ไม่ทันจะถามอะไรต่อ พี่ตูนพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา “พี่ไม่ได้ทำ”

ผมมาก่อนเวลานัดห้านาที บริเวณหน้าสำนักงานมีผู้ค้าทยอยมากันแล้วรวมทั้งคุณมาลาด้วย เสี่ยป้อมมองหาพี่ตูน เมื่อไม่เจอจึงร้องถาม “คุณตูนยังไม่มาอีกหรือ?” ผมเหลือบมองคุณมาลาเล็กน้อย ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อเช้าเกิดอะไรขึ้น ผมตอบเสี่ยป้อม “พี่ตูนอยู่โรงพยาบาลเห็นบอกว่าไม่ค่อยสบาย” บางครั้งการโกหกเป็นทางออกที่ดีกว่า

ทันใดนั้นประตูสำนักงานถูกเลื่อนออก ผู้หญิงคนหนึ่งเลื่อนรถเข็นเข้ามาและชายบนรถเข็นคือเฮียปอ! ผมประหลาดใจมาก ไหนบอกว่าเฮียปอป่วยหนัก ผู้ค้าหลายคนก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ทันทีที่รถเข็นหยุดตรงหน้า ทุกคนยกมือไหว้ ไมโครโฟนไร้สายถูกส่งต่อ เฮียปอเคาะเบาๆ แล้วพูดขึ้น

“ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ วันที่พวกเราแตกเป็นสองฝ่าย มาตอนนี้ถึงขนาดจะฆ่าแกงกันเลยหรือ” เฮียปอกวาดตามองโดยรอบแล้วเลือกวางสายตาที่คุณมาลามีแววตำหนิอย่างชัดเจน

“ผู้นำที่ดีไม่ใช่ว่าได้รับเลือกแล้วจะทำอะไรก็ได้ ต้องรู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่น ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและไม่ตัดโอกาสผู้อื่น จากวันนี้ไปจะให้ป้อมเข้ามาดูแลตลาดจนกว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้น เราจะร่างกฎกติกากันใหม่ ระหว่างนี้ขอให้ทั้งสองฝ่ายไปตกลงทำความเข้าใจโดยเฮียมีข้อเสนอแนะดังนี้

“หนึ่ง ให้พูดปัญหาที่คั่งค้างออกมาให้หมดแล้วร่วมแก้ไข สอง จดจำจุดเริ่มต้นของรอยร้าว นึกถึงเหตุผลที่จะสมานรอยร้าวนั้นอย่างสันติ สาม คิดถึงใจเขาใจเราให้มาก ใช้ใจนำทางในการหาทางออก สี่ หากรู้ว่าผิดจงยอมรับ เพราะการยอมรับคือก้าวแรกของการเข้าใจผู้อื่น ห้า ช่วยกันเสนอกฎกติกาใหม่แล้วนำเข้าที่ประชุม อ่านออกเสียงดังสามครั้งต่อหน้าทุกคน หากไม่มีใครคัดค้านให้ถือว่ากฎข้อนั้นเป็นที่ยอมรับและเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร และหก เมื่อตกลงกันได้ ทิ้งปัญหาทั้งหมดไว้ข้างหลังอย่าพูดถึงมันอีกและจับมือเป็นมิตรกัน พอจะทำได้ไหมมาลา?” ประโยคหลังเฮียปอเฉพาะเจาะจงที่คุณมาลา คุณมาลานิ่งเงียบ

“หือ ทำได้ไหมมาลา?” เฮียปอถามย้ำ น้ำเสียงกระด้างขึ้น

“ครับพ่อ”

“ดี งั้นเดี๋ยวเราไปเยี่ยมตูนที่โรงพยาบาลด้วยกัน!”

ปีนี้ผมอายุย่างสี่สิบแต่ไม่อาจบอกใครได้ว่าเข้าใจชีวิต หลังได้ยินคำพูดคุณมาลาหลุดจากปาก ใครเป็นพ่อใคร คุณมาลาเป็นใครก่อนหน้านี้ ลูกนอกสมรสของเฮียปอคือคุณมาลาหรือ ใครเป็นคนปล่อยข่าวว่าเฮียปอป่วยหนัก ถ้าพี่ตูนไม่ได้วางเพลิงและใครเป็นคนทำ หรือนี่เป็นแผนการยึดอำนาจของเสี่ยป้อม เฮียปอรู้ได้อย่างไรว่าพี่ตูนถูกทำร้าย เมื่อไล่เรียงเหตุการณ์มีหลายคำถามเหลือเกินที่ยังหาคำตอบไม่ได้ หรือว่าเฮียปอเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด! ก่อนความคิดจะเตลิดไปไกล เสี่ยป้อมพูดขึ้น

“เอาละ ทุกคนฟังทางนี้ ถ้าปรองดองกันได้เมื่อไหร่ค่อยมากำหนดวันเลือกตั้ง!”