‘ไฟใต้’ ลุกโชนอีกครั้ง ‘สายเหยี่ยว-สายพิราบ’ ฟันธง รัฐบาลละเลยปัญหา ‘ภูมิธรรม’ กร้าว ‘บีอาร์เอ็น’ ตีสองหน้า

บทความในประเทศ

 

‘ไฟใต้’ ลุกโชนอีกครั้ง

‘สายเหยี่ยว-สายพิราบ’ ฟันธง

รัฐบาลละเลยปัญหา

‘ภูมิธรรม’ กร้าว ‘บีอาร์เอ็น’ ตีสองหน้า

 

การโจมตีเป้าหมายพลเรือนหลายครั้งโดยผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในห้วงเวลาราว 1 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนว่าสถานการณ์ในพื้นที่กำลังทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกันถึงแนวทางการแก้ปัญหา

โดยพรรคประชาชนส่งจดหมายเปิดผนึก ความบางส่วนว่า เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างน่ากังวลอีกครั้งนับตั้งแต่ต้นปี 2568 โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างมาก จากการปรากฏรูปแบบการก่อเหตุ ที่พุ่งเป้าไปยังพลเรือน

เริ่มมาตั้งแต่การลอบยิงอดีตอุสตาซหรือครูสอนศาสนาอิสลามเสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 เมษายน

การลอบยิงสามเณรจนบาดเจ็บและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 เมษายน

การกราดยิงลูกกับแม่ที่พิการทางสายตาจนเสียชีวิต และการกราดยิงผู้สูงอายุกับเด็กจนบาดเจ็บและเสียชีวิต เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม

เหตุยิงพลเรือนชายเสียชีวิตอีก 1 คนที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 4 พฤษภาคม

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้นำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจและความโกรธแค้นของผู้คน ทั้งในชุมชนชาวพุทธและมุสลิมในพื้นที่ รวมถึงคนไทยทั้งประเทศ

ความรุนแรงระลอกล่าสุดนี้ สั่นคลอนความรู้สึกและความเชื่อมั่นต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในพื้นที่ชายแดนใต้อย่างรุนแรง สถานการณ์ความขัดแย้งอยู่ในภาวะเปราะบางและสุ่มเสี่ยงที่จะเลวร้ายลงมากที่สุดในรอบหลายปี

ในสภาวการณ์เช่นนี้ พรรคประชาชนขอสื่อสารไปยังทุกคน ถึงอันตรายของการใช้ความรุนแรง และย้ำเตือนถึงความสำคัญในการใช้แนวทางสันติเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งเราเชื่อว่า เป็นวิธีเดียวที่จะนำไปสู่สันติภาพระยะยาวที่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยปราศจากความกลัวและความเกลียดชังระหว่างกัน

ถึงขบวนการที่คิดว่ากำลังต่อสู้เพื่อพี่น้องมลายูมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร องค์กรไหน พรรคประชาชนเรียกร้องให้หยุดการสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์โดยทันที และการยุติความรุนแรงดังกล่าวจะเป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการพูดคุยเพื่อสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขบวนการต่อสู้ต้องมีความรับผิดชอบทางการเมืองมากกว่านี้ และต้องแสดงออกให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นว่าพร้อมจะใช้กระบวนการทางการเมืองในการแก้ปัญหา มิใช่ใช้กำลังอาวุธ

ถึงรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ประสบการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นชัดว่า ในช่วงที่กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพมีความคืบหน้าและมีทิศทางที่ชัดเจน สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้น รัฐบาลต้องตระหนักว่าปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความรุนแรงกลับมาปะทุขึ้นอีกในระลอกล่าสุด เกิดจากความไม่ชัดเจนในยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ว่าจะมีแนวทางในการสร้างความยุติธรรม นิติรัฐ และสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร โดยเฉพาะการปล่อยให้กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพหยุดชะงักมานานเกือบ 1 ปีโดยไร้ทิศทาง

ถึงพี่น้องประชาชนที่เคารพ ความรุนแรงที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้เป็นผลจากความขัดแย้งที่สลับซับซ้อนและยืดเยื้อมาเป็นเวลาหลายปี เกิดความสูญเสีย เจ็บปวด ล้มตาย กับพี่น้องประชาชนทุกศาสนา ไม่ว่าจะเป็นชาวพุทธหรือมุสลิม

นี่จึงเป็นห้วงเวลาที่พวกเราต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อย่างมีสติ และต้องช่วยกันผลักดันให้ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยกระบวนการทางการเมือง เพื่อสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในอนาคต

 

ด้านพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์แถลงการณ์ของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ความบางส่วนว่า สมช.ในฐานะหน่วยงานนโยบายในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล ขอประณามการกระทำที่ไร้อารยะดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน กฎหมาย และบรรทัดฐานระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงและปราศจากซึ่งความรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์อย่างสิ้นเชิง

ซึ่งล้วนแต่บั่นทอนบรรยากาศแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจ รวมทั้งแสดงถึงความไม่จริงใจอันเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

สมช.ขอให้คำมั่นว่าภาครัฐจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุด และจะมุ่งผลักดันมาตรการคุ้มครองและปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างเต็มกำลังความสามารถ

และขอส่งสารไปถึงกลุ่มขบวนการและผู้ก่อเหตุรุนแรงให้ยุติการก่อเหตุร้ายที่ปราศจากความรับผิดชอบนี้ในทันที

พร้อมทั้งขอยืนยันว่าการก่อเหตุต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ จะไม่มีทางช่วยให้การแสวงหาทางออกทางการเมืองเกิดขึ้นได้เลย

 

ด้านแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (BRN) ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ปาตานีดารุสซาลาม ความบางส่วนว่า

บีอาร์เอ็นขอแสดงความเสียใจและความเห็นใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งส่งผลให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและได้รับความเดือดร้อน โดยบีอาร์เอ็นแสดงความเสียใจและเห็นใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย พร้อมย้ำชัดว่า “เราไม่มีนโยบายโจมตีเป้าหมายพลเรือน”

บีอาร์เอ็นยังเน้นย้ำถึงหลักการของการต่อสู้เพื่อเสรีภาพและศักดิ์ศรีของประชาชนมลายูปาตานี

โดยยึดมั่นในสิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง และจะดำเนินการต่อสู้ภายใต้กรอบของสิทธิมนุษยชนสากลและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

 

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ตั้งแต่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการพูดคุยกัน และมีการตกลงกันว่าจะให้ฝ่ายปฏิบัติการที่มีตนดูแลอยู่ พบกับผู้อำนวยความสะดวกทางมาเลเซีย

ซึ่งเราได้พบกันแล้ว มีเงื่อนไขที่ได้ฝากกับผู้อำนวยความสะดวกไป คือต้องหยุดเรื่องความรุนแรงจริงๆ

ไม่ใช่เป็นการใช้เกมการเมืองว่า เมื่อมีการฆ่า ก็ออกแถลงการณ์มาประณามคนเข่นฆ่า แบบนี้ไม่มีความหมาย เพราะคนที่ดำเนินการต่อสู้กับรัฐอยู่ขณะนี้ก็มีอยู่กลุ่มเดียว

เพราะฉะนั้น ต้องเลิกเล่นการเมือง และเลิกทำตัวไม่ตรงกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้น

ที่ผ่านมาเราไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนเจรจาได้ เพราะมีการเจรจามาโดยตลอด การหยุดยิงก็ไม่เคยเกิดขึ้น เคยทดลองในเดือนรอมฎอนว่าขอให้หยุดให้ได้ทั้งหมด แล้วเรามาเริ่มต้นเจรจากัน แต่ช่วงปลายเดือนรอมฎอนก็เป็นเหมือนเดิม คือมีการก่อเหตุ

ดังนั้น ถ้าควบคุมไม่ได้จะมีการเจรจาเพื่ออะไร

 

ส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตอบคำถามสื่อมวลชนว่าขณะนี้มีการพุ่งเป้าไปที่ชาวไทยพุทธ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของศาสนา แต่การกระทำกับกลุ่มเปราะบางเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

เมื่อถามว่า คนที่เราเจรจาด้วย ใช่คนที่มีอำนาจในการตัดสินใจหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เราอย่าไปด้อยค่าเขา เพราะการพูดคุยหากเป็นช่วงเดือนรอมฎอน ถ้าเขาบอกหยุดก็ต้องหยุด เพราะฉะนั้น เราอย่าไปด้อยค่าใคร การเจรจาก็เป็นกุศโลบายหนึ่ง เราต้องยอมรับว่าคนที่ก่อเหตุเป็นคนไทยด้วยกัน ดังนั้น ควรหันหน้ามาคุยกัน

ด้านนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายการก่อการร้ายเพื่อเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา เพราะปัญหาของจังหวัดชายแดนใต้ไม่ใช่การก่อความไม่สงบ แต่เป็นปัญหาของการก่อการร้าย ซึ่ง พ.ร.บ.ฉุกเฉิน และกฎอัยการศึก ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ขอให้ยกเลิกไปเลย

นายไชยยงค์กล่าวว่า รัฐบาลนี้ไม่มียุทธศาสตร์หรือมาตรการรับมืออะไรเลย เพราะ 21 ปีไม่มีอยู่แล้วการพูดคุยสันติสุข วันนี้ยังทำได้แค่ความคิดเห็น ยังไม่มีการเริ่มดำเนินการพูดคุยสันติสุขแต่อย่างไร

วันนี้ที่เหตุร้ายเกิดขึ้น เพราะคนที่ไม่มีอำนาจในรัฐบาลเข้ามาเป็นตัววุ่นวายในการทำหน้าที่ ไปขอให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียดำเนินการปราบปรามบีอาร์เอ็น

ทำให้บีอาร์เอ็นและพรรคฝ่ายค้านของมาเลเซียไม่พอใจ ทำให้มาก่อการร้ายในพื้นที่หนักขึ้น เพื่อบีบบังคับให้เราหยุดนโยบาย นั่นคือที่มาของสามเณรที่ถูกยิงเสียชีวิต และการก่อเหตุที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้น รัฐบาลต้องกล้าตัดสินใจใน 2 เรื่องคือ

1. ต้องกล้าที่จะบอกว่าขบวนการบีอาร์เอ็นคือขบวนการก่อการร้าย

และ 2. ต้องกล้าที่จะออกกฎหมายการก่อการร้ายเพื่อมาใช้แทน พ.ร.บ.ฉุกเฉิน และกฎอัยการศึก

ไม่ว่าจะเป็นสายเหยี่ยวหรือสายพิราบต่างก็เห็นตรงกันว่า รัฐบาลจำเป็นต้องยกระดับการทำงานเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่