ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 พฤษภาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
บทความในประเทศ
‘คดีฮั้ว ส.ว.’ บานปลาย
สู่แรงปะทะ ‘มหาดไทย-ยุติธรรม’
60 วุฒิ ระทึกล็อตแรก
คดีฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กลายเป็นประเด็นร้อนตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีข่าวแพร่สะพัดออกมาว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เตรียมยื่นแจ้งข้อกล่าวหากับสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเร็วๆ นี้
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2568 คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติรับพิจารณากรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคล และความผิดอาญาฐานอั้งยี่ ที่เกี่ยวกับการได้มาซึ่ง ส.ว. ปี 2567 เป็นคดีพิเศษ
ขณะที่ กกต. ในฐานะผู้จัดการเลือก ส.ว. 2567 ก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนตามระเบียบว่าด้วยการสืบสวนไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับความปรากฏว่ามีการฮั้ว ส.ว.ระดับประเทศ โดยมีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ มาร่วมเป็นคณะกรรมการฯ เพื่อบูรณาการทำงานคู่ขนานไปกับคณะทำงานคดีพิเศษของดีเอสไอ ส่งต่อข้อมูลและช่วยเหลือสนับสนุนข้อมูลซึ่งกัน
โดยกระบวนการของ กกต.และดีเอสไอนั้น จะแยกกันตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อพิสูจน์ความผิดกันคนละกฎหมาย กกต.จะพิสูจน์เกี่ยวกับการกระทำที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ส่วนดีเอสไอจะพิสูจน์ความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินและอั้งยี่
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 2 เดือน หลังดีเอสไอรับคดีฮั้วเลือก ส.ว. 2567 เป็นคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน ขยายผล รวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำพยาน สอบปากคำพยานกลุ่ม ส.ว.สำรอง ตรวจสอบข้อมูลทางธุรกรรมธนาคารของบุคคลในขบวนการ ข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์
ตลอดจนเข้าสังเกตการณ์สถานที่เลือก ส.ว.ระดับประเทศ และจำลองเหตุการณ์ ณ อาคารอิมแพ็ค ฟอรัม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เพื่อประกอบการสอบสวนคดีพิเศษในคดีฟอกเงิน ส.ว.และใช้ประกอบการไต่สวนของ กกต.
กระทั่ง วันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีรายงานข่าวออกมาว่าหลังจากดีเอสไอได้สอบสวนปากคำพยานสำคัญร่วมกับ กกต. มากกว่า 30 ราย รวมไปถึงการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวของกลุ่มคณะบุคคล การตรวจสอบเส้นทางการเงินที่สะพัดไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ตั้งแต่การเลือก ส.ว.ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ การกาคะแนน การนับผลคะแนนที่มีการเลือกหมายเลขเดียวกันซ้ำๆ กันหลายชุด เป็นต้น
เมื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์แล้วพบการกระทำที่เข้าข่ายมีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่ไม่ได้เป็นไปด้วยความสุจริตหรือเที่ยงธรรม พบการกระทำความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 จึงส่งหลักฐานและข้อมูลทั้งหมดให้ กกต.ประกอบการพิจารณาตามกฎหมาย
อาทิ การพิจารณาเพิกถอนสิทธิ หากมีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) รายใดก็ตาม ที่ กกต.ตรวจสอบแล้วเห็นว่ามีการกระทำผิดจริง ให้ กกต.เป็นผู้พิจารณาร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลนั้นกับพนักงานสอบสวน ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือดีเอสไอ
ส่วนการดำรงตำแหน่งของ ส.ว. ให้ กกต.ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
แต่ทว่า วันเดียวกัน นายณรงค์ เทพเสนา ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ทำหนังสือลับด่วนที่สุดที่ อจ 0018.2/3 ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย รายงานเหตุกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเลือก ส.ว.
กลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ได้แต่งเครื่องแบบ และไม่แสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเครื่องหมายใดที่แสดงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเข้าไปในบ้านของอดีตผู้สมัคร ส.ว. ถอดปลั๊กไฟของกล้องวงจรปิด เพื่อไม่ให้บันทึกภาพและเสียงและพฤติการณ์การกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งยังบังคับให้อดีตผู้สมัคร ส.ว.รับสารภาพว่าได้กระทำความผิดกระบวนการฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อีกด้วย โดยอ้างว่าบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดในการฮั้วการเลือก ส.ว.ทั้งหมดแล้ว
เรื่องนี้ทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกดีเอสไอ ออกมาชี้แจงทันทีว่า เป็นเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอจริง ปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย สอบสวนคดีพิเศษในเรื่องคดีอั้งยี่กรณีเลือก ส.ว. แสดงตนตามกฎหมาย ยืนยันไม่ได้มีการข่มขู่หรือมีประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกมาชี้แจงว่า หลักการสอบสวนคดีพิเศษ มีกฎหมายมาตรา 22 พ.ร.บ.กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถ้าเป็นคดีพิเศษมีอำนาจสืบสวนสอบสวน หากมีการประสานงานไปต้องให้ความร่วมมือ ถ้าไม่ร่วมมือจะมีโทษที่เกี่ยวข้องจำคุก 1-10 ปี ซึ่งได้ให้อธิบดีดีเอสไอใช้กฎหมายและข้อบังคับ
ถ้ามีอุปสรรคขอให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษใช้กฎหมายและข้อบังคับที่ออกในปี 2547 ดำเนินคดีได้ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด
แน่นอนว่า จากคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทำนองเตือนบุคคลที่ขัดขวางและเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการสอบคดีฮั้ว ส.ว.เช่นนี้ จะส่งผลให้เรื่องราวบานปลาย กลายเป็นศึกระหว่าง 2 กระทรวง คือ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรมหรือไม่
ทั้งนี้ สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบคดีฮั้วเลือก ส.ว. โดยคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนที่มีเจ้าหน้าที่ กกต.และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ มีรายงานว่า กกต.จะทยอยเรียกแจ้งข้อกล่าวหา ส.ว.ล็อตแรก 60 ราย ส่วนใหญ่เป็น ส.ว.คนดัง ตามความผิดกฎหมายเลือกตั้ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ประกอบด้วยมาตรา 32, มาตรา 36, มาตรา 62, มาตรา 70 และมาตรา 77
รายงานระบุด้วยว่า บุคคลที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาล้วนมีพฤติการณ์และพยานหลักฐานชัดเจนว่ากระทำความผิด ไม่ได้ถูกเลือกเป็น ส.ว.โดยสุจริตเที่ยงธรรมมาโดยการฮั้ว ซึ่งตามกระบวนการ สมาชิกวุฒิสภาที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาจะต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับ กกต. เพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เนื่องจาก กกต.เป็นระบบไต่สวน
ฉะนั้น หากเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาแล้วไม่มาพบเจ้าหน้าที่ ถือว่าประสงค์ไม่ให้การชี้แจง แต่จะไม่ถึงขั้นขอศาลออกหมายจับ แต่ กกต.จะเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาเรื่องการทุจริต เพื่อออกใบแดง และส่งเรื่องเพิกถอนสิทธิ ไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
รายงานข่าวระบุอีกว่า ส่วนที่ดีเอสไอดำเนินการเรื่องความผิดคดีอาญาอื่น คือ ฐานฟอกเงินและอั้งยี่นั้น สำนวนนี้ดีเอสไอคือหัวเรือหลักสอบสวนบุคคลที่ร่วมกระทำทุจริต รับเงิน เป็นกลุ่มโหวตเตอร์ พลีชีพ จัดฮั้ว ซึ่งเบื้องต้นมีจำนวนหลายร้อยคน ดังนั้น เมื่อสอบสวนเสร็จสิ้นดีเอสไอต้องสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการคดีพิเศษ เพื่ออัยการส่งศาลอาญารัชดาภิเษก ซึ่งฐานความผิดอาญานี้ผู้ถูกกล่าวหาสามารถสู้ได้ถึง 3 ศาล คือ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้คงต้องรอลุ้นกันว่า บทสรุปของคดีฮั้ว ส.ว.จะจบลงอย่างไร
ท้ายที่สุด กกต.จะลงดาบฟัน ส.ว.คดีฮั้วตามที่มีกระแสข่าวออกมาจริงหรือไม่
แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร คดีนี้จะเป็นคำถามให้ต้องพิจารณาว่ากระบวนการได้มาซึ่ง ส.ว.ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่กำหนดให้ “ผู้สมัครเลือกกันเอง” ผ่านกลุ่มอาชีพต่างๆ นั้นต้องทบทวนปรับแก้ไขกันหรือไม่
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022