
ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 พฤษภาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | Technical Time-Out |
เผยแพร่ |
ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะถูกมองว่าทีมหงส์แดงได้แชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 2 หรือคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษเป็นสมัยที่ 20 มันก็มีคุณค่าและความสุขเท่ากันในใจของเหล่าเดอะค็อป
มากไปกว่าความรู้สึกของกองเชียร์ แต่การคว้าแชมป์ของสโมสรประจำเมือง มีผลกับเมืองลิเวอร์พูลมากกว่าที่คนไม่ได้อยู่ในท้องถิ่นจะมองเห็นและรับรู้ได้
ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 ทีมหงส์แดงในยุค เยอร์เก้น คล็อปป์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้ครั้งแรกในรอบ 30 ปี แน่นอนว่าเป็นการสิ้นสุดการรอคอยอันแสนยาวนาน แต่เดอะค็อปกลับไม่ได้ฉลองกันอย่างที่ควรจะเป็น เพราะอยู่ในช่วงโควิด-19 กำลังระบาดไปในหลายพื้นที่ทั่วโลก
การฉลองในแอนฟิลด์ไม่เหมือนกับที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน ถึงแม้จะมีแฟนบอลมารวมตัวกันจำนวนมากเพื่อฉลองแชมป์ ทั้งๆ ที่ไม่มีการจัดงานอย่างเป็นทางการ เพราะต้องควบคุมการแพร่ระบาด แต่การฉลองก็ไม่สมการรอคอย 30 ปีแม้แต่น้อย
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยอดดาวยิงที่ฟอร์มโหดมากในฤดูกาลนี้บอกว่า การคว้าแชมป์ต่อหน้าแฟนบอลเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ การมีแฟนบอลฉลองแชมป์ด้วยกัน ดีกว่าการไม่มี 100 เปอร์เซ็นต์
ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ล่วงหน้าก่อนปิดฤดูกาล 4 นัด ทำให้มีเวลาเตรียมรถแห่มากพอสมควร ถ้าจะบอกว่าฉลองแชมป์ลีกแบบที่ควรจะเป็นครั้งแรกในรอบ 35 ปีก็ไม่ผิดนัก
มีการตั้งคำถามทำไมพรีเมียร์ลีกถึงไม่มอบถ้วยแชมป์ทันทีหลังจากที่ลิเวอร์พูลถล่มสเปอร์ส 5-1 ซึ่งเป็นการการันตีการคว้าแชมป์แน่นอนแล้ว เพราะพรีเมียร์ลีกมีกฎที่จะมอบถ้วยให้กับแชมป์ ในเกมสุดท้ายที่เล่นในบ้านในฤดูกาลนั้น ยกเว้นว่าจะต้องลุ้นกันถึงเกมนัดปิดฤดูกาล และทีมแชมป์ได้แชมป์เกมเยือน ก็ต้องไปมอบกันในสนามที่แข่งในวันนั้น
ดังนั้น ลิเวอร์พูลจึงต้องรอไปจนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม หลังจบเกมที่เปิดแอนฟิลด์รับการมาเยือนของคริสตัล พาเลซ ถึงจะได้เห็น เวอร์จิล ฟาน ไดก์ ชูถ้วยแชมป์
หลังจากนั้นในวันที่ 26 พฤษภาคม สโมสรลิเวอร์พูลได้เตรียมการเรื่องพาเหรดฉลองแชมป์ไปทั่วเมืองเอาไว้แล้ว โดยขบวนจะเริ่มต้นที่ศาลาว่าการเมือง ตั้งแต่เวลา 14.30 น. ตามเวลาประเทศอังกฤษ และเดินหน้าไปเรื่อยๆ ในระยะทาง 15 ก.ม. ตามเส้นทางที่เคยฉลองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2019
คาดกันว่าจะมีแฟนบอลประมาณ 750,000 คนมาร่วมในพาเหรดนี้ เหมือนที่เคยเกิดเมื่อปี 2019 และต้องใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมงในการเคลื่อนขบวนแห่งความสำเร็จครั้งนี้
“พาเหรดครั้งนี้เป็นมากกว่าเรื่องฟุตบอล เพราะเป็นการฉลองความภูมิใจของเมืองลิเวอร์พูล แพสชั่น และจิตวิญญาณของเมือง” เลียม โรบินสัน ผู้นำของสภาเมืองลิเวอร์พูลกล่าว
ในส่วนของนักเตะและสตาฟฟ์โค้ช จะได้รับเหรียญแชมป์ ซึ่งพรีเมียร์ลีกมีโควต้าให้ 40 เหรียญเท่านั้น จึงต้องบริหารแจกจ่ายกันไปตามความเหมาะสมภายในทีม
นอกจากถ้วยแชมป์และเหรียญรางวัลแล้ว ลิเวอร์พูลยังจะได้เงินก้อนโตจากการเป็นแชมป์ด้วย เบื้องต้นทุกสโมสรในพรีเมียร์ลีกจะได้ส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ 86.9 ล้านปอนด์ (3,883 ล้านบาท) เท่ากัน นอกจากนั้น ยังมีเงินรางวัลให้แต่ละอันดับด้วย ยิ่งอันดับดีเท่าไร ก็จะได้เงินมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว กวาดเงินรวมค่าลิขสิทธิ์ 175.9 ล้านปอนด์ (7,861 ล้านบาท) คาดว่าลิเวอร์พูลก็น่าจะได้ไม่ต่างจากนี้มากนัก
นอกจากนั้น ไนกี้ สปอนเซอร์ชุดแข่งต้องจ่ายโบนัส 2 ล้านปอนด์ (89.39 ล้านบาท) ในการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดตามสัญญาที่เซ็นกันไว้ ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะเปลี่ยนมาใช้อาดิดาสในฤดูกาลหน้า
นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจบ 38 แมตช์ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ แต่อาร์เน่อ ชล็อต ผู้จัดการทีมหงส์แดงคนปัจจุบัน ก็ยังงานหนักรออยู่ เพราะการประเดิมคว้าแชมป์ลีกที่มหาโหดแบบนี้ตั้งแต่การคุมทีมฤดูกาลแรก ทำให้แฟนบอลคาดหวังกันว่าทีมจะอยู่ในช่วงขาขึ้นไปยาวๆ
การที่สองนักเตะตัวหลักอย่างฟาน ไดก์ และซาลาห์ ต่อสัญญาออกไปคนละ 2 ปี สร้างบรรยากาศที่ดีให้กับสโมสรอย่างมาก แน่นอนว่าฝีเท้าและประสบการณ์ของทั้งคู่จะช่วยให้ทีมยังคงความแข็งแกร่งได้อยู่ ถ้าสามารถรักษาผลงานส่วนตัวที่ดีเอาไว้ได้แบบซีซั่นนี้
แน่นอนว่าลิเวอร์พูลจะยังคงเป็นทีมเต็งอันดับต้นๆ ที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในซีซั่นหน้าได้แน่นอน ถึงแม้จะไม่มี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ รองกัปตันทีมที่กำลังจะหมดสัญญา และย้ายไปร่วมทีมรีล มาดริด แบบไม่มีค่าตัวก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ทีมหงส์แดงก็มีศักยภาพที่ดีที่จะเสริมทีม กลบจุดอ่อนได้ เพราะเงินรายได้ที่เข้ามามากมาย ก่อนหน้านี้ชล็อตแทบไม่ได้เสริมทีมเลย มีแค่ เฟเดริโก้ เคียซ่า คนเดียวเท่านั้น ถ้าได้นักเตะอย่างที่เขาต้องการมาเสริมความแข็งแกร่ง ทีมก็น่าจะอันตรายได้มากกว่านี้
ในอีกมุมหนึ่ง ถ้าแมนซิตี้ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ฟื้นกลับมาสู่ฟอร์มโหดอย่างที่เคยเป็น จะทำให้พรีเมียร์ลีกสนุกขึ้น เดาได้ยากว่าจุดนี้จะทำให้ลิเวอร์พูลดุตามไปด้วย หรือโดนทีมเรือใบสีฟ้าปาดหน้าคว้าแชมป์ไปอีกเหมือนช่วงที่คล็อปป์หรืออาร์เซนอลของ มิเกล อาร์เตต้า โดนมาในช่วงก่อนหน้านี้
เหนือสิ่งอื่นใด ก่อนจะคิดถึงฤดูกาลหน้า แฟนบอลหงส์แดงควรจะดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสำเร็จให้อิ่มเอมก่อน แล้วค่อยมาลุ้นผลงานของทีมกันใหม่
เพราะ 4 เกมที่เหลือในฤดูกาลนี้ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่มีทีมไหนแย่งแชมป์จากลิเวอร์พูลไปได้อีกแล้ว •
Technical Time-Out | จริงตนาการ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022