จีน-ไทย หลายพันปี

The Chinese painting Night Revels of Han Xizai, handscroll, ink and colors on silk, 28.7 x 335.5 cm. Original by Gu Hongzhong (10th century), 12th century remake from the Song Dynasty. Collection of the Palace Museum in Beijing. (slight color correction to hide stitching)

ชนเผ่าพื้นเมืองหลายชาติพันธุ์ในจีนและในไทย เดินทางไปมาหาสู่กันและกันนับพันๆ ปีมาแล้ว ทั้งนี้ สืบเนื่องจากคนไทยมีบรรพชนเป็นชาวสยาม ซึ่งเป็นลูกผสมของชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิมหลายชาติพันธุ์ “ร้อยพ่อพันแม่” ทั้งในไทยและในจีน หลายพันปีมาแล้ว

ความสัมพันธ์จีน-ไทยในประวัติศาสตร์ไทย (กระแสหลัก) ซึ่งหลอกสังคมไทยเกือบ 100 ปีมาแล้ว สรุปดังนี้

(1.) จีน-ไทย เริ่มแรกมีความสัมพันธ์ในสมัยสุโขทัยราชธานีแห่งแรกของไทย (2.) พ่อขุนรามคำแหง เสด็จเมืองจีน 2 ครั้ง และ (3.) จักรพรรดิจีนให้ช่างจีนแก่พ่อขุนรามคำแหงเพื่อทำเครื่องเคลือบสังคโลกที่สุโขทัย

แต่หลักฐานประวัติศาสตร์โบราณคดีเท่าที่พบขณะนี้ ไม่สนับสนุนประวัติศาสตร์ (กระแสหลัก) ดังนี้

(1.) สุโขทัยไม่ใช่ราชธานีแห่งแรกของไทย (2.) พ่อขุนรามคำแหง ไม่เคยเสด็จเมืองจีน ไม่ว่าครั้งเดียว หรือ 2 ครั้ง แต่เจ้านายเชื้อสาย “พระร่วง” สุโขทัยเสด็จเมืองจีน คือ เจ้านครอินทร์ แห่งรัฐสุพรรณภูมิ และ (3.) จักรพรรดิจีนไม่เคยพระราชทานช่างจีนแก่ พ่อขุนรามคำแหง แต่จักรพรรดิจีนพระราชทานช่างจีนแก่เจ้านครอินทร์ จากนั้นเจ้านครอินทร์ให้ช่างจีนขึ้นไปทำเครื่องเคลือบที่สุโขทัยกับศรีสัชนาลัย เรียกสมัยหลังว่าเครื่องสังคโลก

หนังสือ “ประวัติจีนกรุงสยาม” (เล่ม 1) โดย เจฟฟรี ซุน และพิมพ์ประไพ พิศาลบุตร ไม่มีเรื่องพ่อขุนรามคำแหงไปเมืองจีน เพื่อสร้างความสัมพันธ์จีน-ไทย จึงเป็นหนังสือวิชาการสำคัญน่าซื้อหาไปอ่าน แล้วเก็บไว้ประจำบ้านอย่างภูมิฐาน ขณะเดียวกันห้องสมุดสถานศึกษาทุกระดับควรซื้อไว้บริการผู้สนใจเรื่องนี้ เพราะหนังสือประวัติศาสตร์ (กระแสหลัก) ที่มีอยู่ใช้การไม่ได้แล้ว

หลักฐานวิชาการทางประวัติศาสตร์โบราณคดี สนับสนุนความสัมพันธ์จีน-ไทย หลายพันปีมาแล้ว ได้แก่ ภาษาและวรรณกรรม, หม้อสามขา, กลองสำริด, โบราณวัตถุและเอกสารจีนราชวงศ์ฮั่น, ปฏิทิน, สิบสองนักษัตร, ขวัญ, แถน, พิธีกรรมหลังความ ตาย, นาทดน้ำ, ดีเอ็นเอ เป็นต้น

[1.] ภาษาและวรรณกรรม มีต้นตอหรือรากเหง้าราว 3,000 ปีมาแล้ว จากภาษาตระกูลไท-กะได หรือไท-ไต มีศูนย์กลางอยู่มณฑลกวางสี ภาคใต้ของจีน พรมแดนต่อเนื่องเวียดนามภาคเหนือ

ภาษาและวรรณกรรมในโลกเคลื่อนไหวไปตามเส้นทางการค้าโดยคนไม่จำเป็นต้องโยกย้าย หรืออพยพตามไปด้วย

ดังนั้น ภาษาและวรรณกรรมไท-ไต จากกวางสี-เวียดนาม เคลื่อนที่ไปตามเส้นทางการค้าถึงลุ่มน้ำโขง, ลุ่มน้ำสาละวิน, ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยคนจากกวางสี-เวียดนาม ไม่ต้องโยกย้ายหรืออพยพไปด้วยกัน

[2.] หม้อสามขา เครื่องเซ่นผีที่เป็นชนชั้นนำ ต้องฝังหม้อสามขาในหลุมศพรวมกับร่างคนตาย ราว 3,000 ปีมาแล้ว

ชนเผ่าพื้นเมืองหลายชาติพันธุ์รับหม้อสามขาจากจีน แล้วแพร่กระจายลงทางทิศใต้ไปตามเส้นทางคมนาคม ถึงลุ่มน้ำเจ้าพระยา และคาบสมุทรมลายู ดังนั้น เมื่อหัวหน้าเผ่าพันธุ์ตาย ก็เอาหม้อสามขาฝังรวมในหลุมฝังศพเพื่อใช้งานในโลกต่างมิติตามความเชื่อเรื่องขวัญทางศาสนาผี (เหมือนหม้อลายเขียนสีบ้านเชียง)

หม้อสามขาในไทย พบมากบริเวณลุ่มน้ำแม่กลองตอนบน-แควใหญ่, แควน้อย (กาญจนบุรี) จากนั้นกระจายถึงลุ่มน้ำท่าจีน (สุพรรณบุรี) และลุ่มน้ำน้อย (อ่างทอง)

หม้อสามขาเหล่านี้ไม่ได้นำลงมาจากลุ่มน้ำฮวงโหในจีน แต่ทำขึ้นในท้องถิ่นสำหรับฝังในหลุมศพเท่านั้น จึงไม่ได้ทำขึ้นใช้ในชีวิตประจำวัน

[3.] กลองสำริด เป็นต้นแบบของเครื่องมือประโคมในไทย ได้แก่ ฆ้อง เช่น ฆ้องหุ่ย, ฆ้องวง ฯลฯ แหล่งผลิตดั้งเดิมอยู่ในจีน บริเวณมณฑลยูนนาน และมณฑลกวางสีต่อเนื่องเวียดนาม

ทำด้วยสำริดซึ่งเป็นโลหะผสมระหว่างทองแดงกับดีบุก ดังนั้น กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เรียกกลองทอง, กลองสำริด ส่วนจีนเรียก “ถงกู่” หมายถึงกลองทองแดง

ไทยทุกวันนี้เรียกกลองสำริดว่า “กลองมโหระทึก” จากความเข้าใจผิดว่าตรงกับ “หรทึก” ในกฎมณเฑียรบาลสมัยอยุธยา แต่จริงๆ แล้ว “หรทึก” หมายถึงเครื่องประโคมในพิธีพราหมณ์จากอินเดีย ต่อมาราชสำนักอยุธยายกย่องเป็นเครื่องประโคมศักดิ์สิทธิ์ เรียก “หรทึก”

[4.] ขวัญ ความเชื่อทางศาสนาผีว่าขวัญหมายถึงพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ มีในคน, สัตว์, พืช, สิ่งของ, อาคารสถานที่ [ขวัญต่างจากวิญญาณ ซึ่งทดแทนกันมิได้ แต่ปัจจุบันปนกันระหว่างขวัญทางศาสนาผี กับวิญญาณทางศาสนาพุทธ]

คำว่า “ขวัญ” รับจากจีนว่า เฮวิ๋น, หวั๋น (ดูในหนังสือของพระยาอนุมานฯ)

[5.] แถน หมายถึงผีฟ้า ได้จากคำจีนว่า เทียน หรือ เตียน แปลว่าฟ้า

หม้อสามขา คือภาชนะดินเผามีสามขา อายุราว 3,000 ปีมาแล้ว เป็นเครื่องเซ่นผีใช้ฝังรวมกับศพที่แสดงฐานะทางสังคมระดับชนชั้นนำที่ตายแล้ว โดยมีต้นแบบอยู่ลุ่มน้ำฮวงโหในจีน ต่อมาแพร่หลายถึงดินแดนไทยโดยกลุ่มชาติพันธุ์ในโซเมีย // (ในภาพ) หม้อสามขาในวัฒนธรรมบ้านเก่า จากบ้านเก่า (จ.กาญจนบุรี) และหนองราชวัตร กับบ้านหัวอุด (จ.สุพรรณบุรี)

[6.] พิธีกรรมหลังความตาย ต้องจัดการซากศพ 2 ครั้ง เรียกฝังศพครั้งแรก และ ฝังศพครั้งที่ 2 เป็นพิธีกรรมตามความเชื่อขวัญทางศาสนาผีหลายพันปีมาแล้ว

พบเหมือนกันตั้งแต่แผ่นดินใหญ่ลุ่มน้ำฮวงโหและแยงซีในจีน, ภาคพื้นทวีปอุษาคเนย์ จนถึงคาบสมุทรและหมู่เกาะอุษาคเนย์ มากกว่า 2,500 ปีมาแล้ว เป็นหลักฐานสำคัญแสดงความสัมพันธ์จีน-ไทย

[7.] ราชวงศ์ฮั่น จีน-ไทย มีความสัมพันธ์เก่าแก่ตั้งแต่ราชวงศ์ฮั่น 2,200 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับการค้าระยะไกลทางทะเลสมัยเริ่มแรกกับอินเดีย ซึ่งมีสินค้าสำคัญคือทองแดง จึงถูกอินเดียเรียก “สุวรรณภูมิ”

เอกสารจีนที่แสดงประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์จีน-ไทย ได้แก่ “ประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่นฉบับหลวง” เขียนถึงประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (ก่อน ค.ศ.205-ค.ศ.25/ก่อน พ.ศ.748-568) แต่งโดยปันกู้ ซึ่งในบรรพ 28 ว่าด้วยภูมิศาสตร์ มีเนื้อหาระบุการเดินเรือผ่านไปยังดินแดนต่างๆ บริเวณอุษาคเนย์ รวมทั้งดินแดนบ้านเมืองในไทยสมัยโบราณ [อาจารย์ประพฤทธิ์ ศุกลรัตนเมธี เสนอหลักฐานทางประวัติศาสตร์ “ประวัติความสัมพันธ์ไทย-จีนในเอกสารจีน” คณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2555]

พบชิ้นส่วนเครื่องปั้นจีนสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (202 ปีก่อนคริสตกาล-9/341-552) ที่สุราษฎร์ธานี เป็นหลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่าชาวจีนค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ากับดินแดนในเขตประเทศไทยมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว [จากหนังสือประวัติจีนกรุงสยาม เล่มที่ 1 หน้า 12]

[8.] ปฏิทินจากจีน ล้านนาได้ต้นแบบปฏิทินจาก “กานจือ” ของจีน ราว 2,000 ปีมาแล้ว เป็นปฏิทินลำดับปีและวัน แบบนับวนเป็นรอบๆ และรอบละ 60 เรียกว่า “แม่ปีลูกปี” (ที่ลำดับปี) หรือ “แม่มื้อลูกมื้อ” (ที่ลำดับวัน)

[9.] สิบสองนักษัตร ไทยรับจากจีน (ไม่อินเดีย) จีนเปลี่ยนปีนักษัตรตอนปีใหม่จีน (ตรุษจีน) ไทยเปลี่ยนปีนักษัตรตอนปีใหม่ไทย คือ เดือนอ้าย หรือเดือนที่ 1 หลังลอยกระทง ตรงกับปฏิทินสากลราวพฤศจิกายน-ธันวาคม

[แต่ถูกชนชั้นนำอำนาจรวมศูนย์ครอบงำว่าเปลี่ยนตอนสงกรานต์ ซึ่งไม่ใช่ เพราะสงกรานต์เป็นพิธีขึ้นปีใหม่ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ที่ไทยรับจากอินเดีย ส่วนสิบสองนักษัตรไม่มีในอินเดีย เนื่องจากสิบสองนักษัตรเป็นสิ่งเนื่องในศาสนาผีที่ไทยรับจากจีน]

[10.] นาทดน้ำ มีคันนากักเก็บน้ำ เป็นเทคโนโลยีจากจีน มากกว่า 2,000 ปีมาแล้ว

จีนพบนาข้าวเก่าแก่ 6,000 ปีมาแล้ว ทางตะวันออกของจีน บริเวณพื้นที่ตอนล่างของดินดอนสามเหลี่ยม ปากแม่น้ำแยงซี มณฑลเจ้อเจียง

[11.] “ดีเอ็นเอ” ฮวงโห, แยงซี ความสัมพันธ์จีน-ไทย มีก่อน 1,700 ปีมาแล้ว หรือก่อน พ.ศ.868 (สุวรรณภูมิ) พบดีเอ็นเอของคนในจีนบริเวณลุ่มน้ำฮวงโห ราว 1,700 ปีมาแล้ว ปนอยู่กับดีเอ็นเอของคนพื้นเมืองในไทยที่แม่ฮ่องสอน

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ของกลุ่มตัวอย่างจากโลงผีแมน (อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน) โดยนักพันธุศาสตร์ (มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก) ร่วมกับนักโบราณคดี (มหาวิทยาลัยศิลปากร กรุงเทพฯ) มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ.2567 •

 

| สุจิตต์ วงษ์เทศ