มิตซูบิชิ ‘เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี’ SUV พลังฟูลไฮบริด-สุดเฟี้ยว

สันติ จิรพรพนิต

หลังเปิดตัวมาได้ 1 เดือนเศษ “เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี” คอมแพ็กต์เอสยูวีจากค่ายมิตซูบิชิ กวาดยอดไปได้กว่า 1,800 คัน

ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง

ส่วนหนึ่งจากรูปลักษณ์ที่ดูเฟี้ยวฟ้าว อีกส่วนไม่พ้นการขึ้นไลน์ผลิตในประเทศไทย จากโรงงานผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ จ.ชลบุรี

เพราะการผลิตโดยทีมช่างจากประเทศไทย ได้รับการยอมรับในวงกว้างว่าฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา

นอกจากนี้ “เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี” ยังตั้งราคามาเสียบช่องว่างของเซ็กเมนต์ได้พอดิบพอดี

เนื่องจากราคาอยู่ช่วงกลางระหว่าง “โตโยต้า ยาริส ครอส” และ “ฮอนด้า เอชอาร์-วี”

เรียกว่าทำให้ผู้บริโภคนิ่งคิดนิดหนึ่งว่าจะไปรุ่นไหนดี

ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นรถที่ได้ชื่อเรื่องความปลอดภัย การันตีด้วยคะแนนสูงสุดระดับ 5 ดาว จากการประเมินมาตรฐานความปลอดภัยยานยนต์ของอาเซียน (ASEAN NCAP1 2024)

เป็นเอสยูวีขนาด 5 ที่นั่ง พัฒนาภายใต้แนวคิด “เพื่อนคู่ใจ สำหรับชีวิตที่เร้าใจ” ต่อยอดมาจากรุ่น Xforce3

คอนโซลหน้าดีไซน์แบบ “Horizontal Axis” สีดำเงาพร้อมแถบโครเมียมล้อมรอบ

ไฟหน้า LED แบบ Projector พร้อมไฟเดย์ไทม์ DRL ดีไซน์ทรงตัว L 2 ชั้น

ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมไฟ Welcome

ดีไซน์ด้านข้างแบบ 3 มิติ

หลังคาแบบลอยตัว (Floating Roof) ให้ความรู้สึกโปร่ง และพลิ้วไหว

พร้อมติดตั้งราวหลังคาเพิ่มประโยชน์ใช้สอย และดูบึกบึนมากขึ้น

ไฟท้าย LED สี Smoke ทรง L Shape

กันชนหน้า-หลังดีไซน์แบบ SUV แท้ พร้อมการ์ดล่างสีเงิน

ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลาย 5 ก้านคู่ สีทูโทน

อีกจุดเด่นไม่พ้นระยะต่ำสุดถึงพื้น หรือ Ground Clearance ความสูงถึง 183 มิลลิเมตร ทำให้ตัวรถดูเด่นขึ้น และยังได้ทัศนวิสัยการขับขี่มากขึ้น

ภายในเคลมว่ามีมิติใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน พื้นที่เหนือศีรษะ พื้นที่หัวไหล่ และพื้นที่วางเท้าที่กว้างเพียงพอ ทำให้เบาะหลังนั่งเต็ม 3 คนไม่อึดอัด

ออกแบบโดยใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกหรูหราสีทูโทนดำ-ทอง ตกแต่งด้วยผ้าแบบพิเศษกันน้ำและคราบสิ่งสกปรก

พวงมาลัย 3 ก้านพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น

มาตรวัด Digital Full LCD ขนาด 8 นิ้ว แบบมัลติวิดเจ็ต (Multi-widget) จอแบ่งออกเป็น 3 ส่วน แสดงข้อมูลต่างๆ

ได้รับแรงบันดาลใจจากมิตซูบิชิ ปาเจโร่ โดยแสดงข้อมูล เช่น ระดับความสูง มุมเอียง และทิศทาง

เชื่อมต่อกับจอกลาง Infotainment 12.3 นิ้ว รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay

ระบบเสียง Premium Sound System จาก Yamaha 8 ลำโพง พร้อมลำโพงบนเพดาน

ต่ำลงมาเป็นหน้าจอแอร์ดิจิทัล แบบอัตโนมัติ Dual Zone พร้อมช่องแอร์หลัง

คอนโซลกลางติดตั้งหัวเกียร์แบบสั้นทรงเหลี่ยมจับกระชับมือ

ใกล้กันเป็นปุ่มสตาร์ต/สต็อป ต่ำลงมาเล็กน้อยเป็นปุ่มเปลี่ยนโหมดการขับขี่

อีกฝั่งเป็นเบรกมือไฟฟ้า และออโต้เบรกโฮล

เบาะนั่งหนังสังเคราะห์ พร้อมลายเส้นตัดสีทอง วัสดุหุ้มเบาะ “Heat Guard” ช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงแดด

เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ขณะที่เบาะแถว 2 แยกปรับพับได้แบบ 40:20:40 เอนได้ 8 ระดับ

ช่องชาร์จ USB-A, USB-C และ Wireless Charger

รวมทั้งมี Ambient Light ไฟสร้างบรรยากาศบริเวณคอนโซลหน้า และแผงประตูคู่หน้า ปรับสีได้หลายระดับ

ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร DOHC 16 วาล์ว MIVEC พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 85 kW

พัฒนาต่อยอดจากรถยนต์ฟูลไฮบริดรุ่นแรก สู่ระบบที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพการส่งกำลังที่ดีขึ้น

ให้ลังสูงสุด 107 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 134 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที

ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 116 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตัน-เมตร

แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน

เกียร์ E-CVT ระบบส่งกำลัง 2-Speed Transaxle ใหม่ ปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติตามการขับขี่และสภาพถนน

มีโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ Normal (ถนนทั่วไป), Wet (ถนนเปียก), Gravel (ถนนลูกรัง), Tarmac (ถนนลาดยาง), Mud (ถนนโคลน)

และอีก 2 ทางเลือกพลังงานทั้ง Charge (โหมดการชาร์จ) และ EV Priority (โหมดพลังงานไฟฟ้า 100%)

พร้อมกันนี้ติดตั้งระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง AYC (Active Yaw Control) เทคโนโลยีจากรถแข่งแรลลี่คาร์ของมิตซูบิชิ

ทำงานโดยคำนวณการส่งกำลังลงที่ล้อซ้าย-ล้อขวา ให้หมุนสัมพันธ์กันขณะที่รถเข้าโค้งเพื่อสร้างสมดุลให้กับตัวรถ

จุดเด่นของระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดรุ่นใหม่ มีทั้งขับขี่แบบ EV DRIVE, HYBRID-SERIES, HYBRID-PARALLEL, HYBRID–MOTOR DISCONNECTED และ POWER REGENERATIVE

ระบบจะปรับเปลี่ยนโหมดกํารขับขี่โดยอัตโนมัติตามสภาพการขับขี่ และพลังานที่เหลือในแบตเตอรี่

ส่งให้มีอัตราประหยัดน้ำมันขั้นสูงสุด 24.4 กิโลเมตร/ลิตร

ความปลอดภัย Diamond Sense จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ หรือ ADAS ที่จะตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวรถแบบ 360 องศา ทำงานผ่านกล้อง เรดาร์ และเซ็นเซอร์

ไม่ว่าจะเป็น กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นกะระยะ และระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว (MAM with MOD)

เตือนเมื่อรถด้านหน้าออกตัวหรือเคลื่อนที่ไปด้านหน้า (LCDN)

เตือนจุดอับสายตา และระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (BSW with LCA)

เตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM)

ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติถึงจุดหยุดนิ่ง (ACC)

ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA)

อื่นๆ ที่เป็นมาตรฐาน เช่น ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก ระบบเสริมแรงเบรก และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ฯลฯ

มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย

Ignite ราคา 899,000 บาท

Ultimate ราคา 1,039,000 บาท

Ultimate X ราคา 1,089,000 บาท •

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]