ผักเสี้ยน อาหารและยาของชาวโลก

ผักเสี้ยนเป็นผักที่อยู่ในสกุล Cleome จากฐานข้อมูลของสวนพฤกษศาสตร์หลวงเมืองคิว รายงานว่าพืชในสกุลนี้มีถึง 202 ชนิด พบในประเทศไทยเพียง 5 ชนิด คือ 1) ผักเสี้ยน (ดอกขาว) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cleome gynandra L. 2) ผักเสี้ยนผี (ดอกเหลือง) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cleome viscosa L. 3) ผักเสี้ยนป่า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cleome chelidonii L.f. 4) ผักเสี้ยนขน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cleome rutidosperma DC. ชนิดนี้เป็นพืชพื้นเมืองของอินเดียและพม่า 5) ผักเสี้ยนฝรั่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cleome houtteana Schltdl. ชนิดนี้เป็นพืชพื้นเมืองของอเมริกาใต้ซึ่งนำเข้ามาปลูกเป็นไม้ประดับ

ในจำนวนผักเสี้ยนทั้ง 5 ชนิดนี้มีรายงานว่าสามารถนำมาเป็นอาหารได้เพียงชนิดเดียวคือ ผักเสี้ยน (ดอกขาว) ผักเสี้ยน (ดอกขาว) มีชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า Wild spider flower, Spider weed, Spider Flower มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cleome gynandra L.

ผักเสี้ยน เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของทวีปยุโรป แอฟริกาและเอเชีย รวมทั้งไทยด้วย พบได้ตามท้องนาและริมลำธาร ผักเสี้ยนเป็นไม้ล้มลุก สูง 30-150 เซนติเมตร ตามลำต้นและใบมีขนปกคลุม ใบเป็นใบประกอบ มีใบย่อยรูปไข่กลับหรือรูปใบหอกกลับ 3-5 ใบ ใบประดับ 3 ใบย่อย ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงรูปใบหอก กลีบดอกรูปรีหรือรูปไข่ สีขาวหรืออมม่วง

ผลมีลักษณะเป็นฝักยาวประมาณ 4-5 เซนติเมตรภายในมีเมล็ดสีน้ำตาลแดงปนดำ

 

เมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว ผักเสี้ยนจัดว่าเป็นผักพื้นบ้านที่นิยมบริโภคเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากทั้งต้นมีกรดไฮโดรไซยานิก จึงไม่สามารถกินสดๆ ได้ จะต้องทำให้ถูกความร้อนหรือนำไปหมักดอง ความรู้นี้จึงทำให้คนส่วนใหญ่นิยมนำไปดอง กินเป็นผักแกล้มหรือกินกับขนมจีนน้ำยา เช่นเดียวกับทางตอนเหนือของมาเลเซีย นำทั้งต้นมาดองกับน้ำซาวข้าว เรียกว่า “jeruk maman”

ในบางชุมชนนำใบมาเคี่ยวกับน้ำกะทิที่มีเครื่องเทศเป็นองค์ประกอบ เคี่ยวให้แห้งหรือจนกรอบ ในแถบแอฟริกามีภูมิปัญญาในการนำทั้งต้นมาตากแห้งเพื่อเก็บรักษาไว้ใช้เป็นเวลานานๆ เมื่อนำมากินจะนำไปปรุงกับนมหรือเนยเพื่อลดรสขม

ในประเทศเคนยา ยูกันดาและแทนซาเนีย จะนำผักเสี้ยนไปปรุงกับถั่วลิสงบด นอกจากนี้ ยังผสมในซุป หรือสตู (ซุบข้น) หรือนำไปเป็นส่วนผสมปรุงรสในซอส เมล็ดผักเสี้ยนที่มีกลิ่นฉุนบางครั้งนำไปทดแทนเมล็ดมัสตาร์ดทำเป็นเครื่องปรุงรสได้อีกด้วย

ผักเสี้ยน เป็นอาหารที่รู้จักกันในหลายประเทศแล้ว ยังเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณที่น่าสนใจในหลากหลายประเทศเช่นกัน ในตำรายาไทย และในภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพในหลายภูมิภาคของไทยพบว่า ใบมีสรรพคุณ นำมาตำพอกฝีและแก้ปวดเมื่อย น้ำคั้นจากใบผสมกับน้ำมัน ใช้แก้ปวดหู และอาการคล้ายลมออกหูหรือหูอื้อด้วย

ภูมิปัญญาพื้นบ้านของแอฟริกาพบว่า ใบของผักเสี้ยนมีประโยชน์ทางยามากมาย ส่วนใหญ่ใช้ภายนอก ถือเป็นยาแก้โรคไขข้อ ฆ่าเชื้อ ขจัดคราบ และขับเสมหะ นำทั้งต้นมาต้มดื่มเพื่อสวนล้างลำไส้ ใช้บรรเทาอาการหลอดลมอักเสบ ใบที่บดแล้วผสมกับพริกหยวกใช้ช่วยการขับน้ำสำหรับโรคไขข้อ ใบทำเป็นยาพอกบรรเทาอาการปวดเฉพาะที่ ไขข้ออักเสบ โรคปวดหลังส่วนล่าง และแก้ระคายเคือง แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเพราะหากทิ้งไว้บนผิวหนังนานเกินไปอาจทำให้เกิดตุ่มน้ำได้

การใช้ประโยชน์ทางยาจากใบอย่างแพร่หลาย คือ หยอดหู (ผสมน้ำมัน) เพื่อรักษาอาการต่างๆ เกี่ยวกับหู เช่น โรคหูน้ำหนวกและปวดหู แต่ก็ควรใช้ด้วยความระมัดระวังไม่ควรหยอดตัวยามากไปหรือใช้ถี่ๆ นานเกินไป ยางจากใบใช้ในปริมาณเล็กน้อยนำมาล้างตาแก้ตาอักเสบ นำใบมาถูที่มือแล้วสูดดมช่วยบรรเทาอาการปวดหัว และมีวิธีที่ความรู้ต่างแดนตรงกับภูมิปัญญาท้องถิ่นทางใต้คนในละแวกบ้านป่าหวาย จ.นครศรีธรรมราช คือ นำใบมาถูบริเวณขมับ แก้อาการปวดหัวได้รวดเร็วดี ใบยังนำมาต้มแล้วผสมในน้ำใช้อาบน้ำให้เด็กช่วยให้เด็กแข็งแรง

ในความรู้ดั้งเดิมของหลายชาติจะใช้ใบเป็นยาบำรุงกำลังและแก้อ่อนเพลีย โดยเฉพาะนำมาแก้อาการอ่อนแรงของผู้สูงอายุ จะนำใบมาบดและทำให้ร้อนพออุ่นๆ นำมาวางบริเวณตุ่มน้ำใต้รักแร้และบริเวณไต

 

ใบและดอกของผักเสี้ยนยังนำมาใช้ในยาสมุนไพร เช่น แก้อาหารเป็นพิษ โรคไขข้ออักเสบ การอักเสบต่างๆ การติดเชื้อแบคทีเรีย และแก้อาการเจ็บปวดต่างๆ เช่น ปวดหัว ปวดหู ปวดฟัน ปวดเส้นประสาท ปวดท้อง เจ็บหน้าอก ปวดไขข้ออักเสบและปวดกระดูกหัก ในซาอุดีอาระเบีย สารสกัดจากผักเสี้ยน ถูกนำมาใช้เพื่อรักษาอาการปวดอย่างรุนแรงและปฏิกิริยาต้านการอักเสบที่เกิดจากการถูกแมงป่องต่อย และจากการศึกษาวิจัยพบว่า ใบมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและช่วยต้านการอักเสบได้

ในการวิเคราะห์ทางโภชนาการพบว่า ผักเสี้ยนมีเบต้าแคโรทีน กรดโฟลิก กรดแอสคอร์บิก และแคลเซียมสูง นอกจากนี้ ยังมีวิตามินอี ธาตุเหล็ก และกรดออกซาลิก ในผักเสี้ยน 100 กรัมมีใยอาหารประมาณ 1.4 กรัม, วิตามินซี 127-484 มิลลิกรัม, สังกะสี 0.76 มิลลิกรัม, โปรตีน 3.1-7.7 กรัม, สำหรับปริมาณธาตุเหล็กและแคลเซียมจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ที่พบ เช่น มีตั้งแต่ 1-11 มิลลิกรัม และ 213-434 มิลลิกรัม

ผักเสี้ยนมีประโยชน์ในการปลูกร่วมกับพืชชนิดอื่น เนื่องจากมีคุณสมบัติขับไล่แมลงและป้องกันเห็บ โดยเฉพาะใบมีคุณสมบัติขับไล่ กำจัดและป้องกันเห็บบางชนิดที่เป็นศัตรูพืช ฤทธิ์ในการป้องกันเห็บนั้นใช้ได้กับทุกระยะตั้งแต่ตัวอ่อน ดักแด้ และตัวเต็มวัย

ประเทศจำนวนมากในแอฟริกา เช่น บอตสวานา มาลาวี แอฟริกาใต้ แซมเบีย และซิมบับเว สนับสนุนการปลูกผักเสี้ยนเป็นพืชเศรษฐกิจสร้างมูลค่ามากมาย มีตลาดรับซื้อ ทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร ภัตตาคาร ฯลฯ แอฟริกาแห้งแล้ง ขาดแคลนพืชใบเขียวที่ให้สารอาหารที่จำเป็นต่อมนุษย์ ผักเสี้ยนจึงเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และยังเป็นพืชเก็บเกี่ยวได้ในระยะสั้น ทนแล้ง ทนโรคดี

ผักเสี้ยนเหมือนเป็นผักโบราณ คนรุ่นใหม่รู้จักกันน้อยมาก แต่ถ้ามองโลกกว้างแล้วกลับมามองไทย ผักเสี้ยนของดีทั้งอาหารและสมุนไพรแล้ว ยังสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ได้อีกด้วย •

 

สมุนไพรเพื่อสุขภาพ | โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง

มูลนิธิสุขภาพไทย www.thaihof.org