ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 พฤษภาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | My Country Thailand |
ผู้เขียน | ณัฐพล ใจจริง |
เผยแพร่ |
My Country Thailand | ณัฐพล ใจจริง
การปกครองเปลี่ยน-แฟชั่นปรับ
: แฟชั่นสมัยคณะราษฎร-สงคราม (2)
การปฏิวัติ 2475 ไม่แต่เพียงสถาปนาให้ประชาชนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังทำให้แฟชั่นการแต่งกายหรูหราของราชสำนักที่เคยเป็นเครื่องแบ่งชั้นสูง-ต่ำทางสังคมคลี่คลายสู่ความเรียบง่ายและเท่าเทียมตามสมัยประชาธิปไตย
ภายหลังการปฏิวัติแล้ว คณะราษฎรได้เปลี่ยนแปลงเครื่องแต่งกายข้าราชการชายจากแบบเดิมนุ่งโจงกระเบน เสื้อราชปะแตนมาสู่การแต่งกายแบบสากล ต่อมา หญิงเลิกนุ่งโจงกระเบน ผ้าซิ่น มานุ่งกระโปรง สวมเสื้อตัดเย็บแบบเรียบง่ายแทน จากนั้น มานิยมแฟชั่นเสื้อกระโปรงเป็นชุดสีต่างๆ
ต่อมา รัฐบาลสมัยรัฐนิยมแนะนำให้มีการแยกเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่บ้าน ชุดออกนอกบ้านธรรมดา ชุดเข้าสังคม ชุดนอน ฯลฯ อันสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นอารยะของชาติด้วย (ขุนวิจิตรมาตรา, 2523, 370-371)
แฟชั่นสตรีภายหลังการปฏิวัติ-ก่อนรัฐนิยม

นับจากแฟชั่นการแต่งกายหรูหราตามแบบวิกตอเรียนของสตรีในราชสำนักและสตรีชนชั้นสูงครั้งระบอบเก่าที่มาสู่ความเรียบหรูสมัยแกสบี้ช่วงก่อนสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ภายหลังการปฏิวัติ แนวการแต่งกายของสตรีสามัญนั้นมักเสื้อแขนสั้นหรือแขนกุดที่ตัดเย็บอย่างเรียบง่าย ยาวเพียงเอวหรือคลุมเอวเล็กน้อย นุ่งซิ่นหรือนุ่งสเกิร์ต หรือสวมชุดกระโปรง ทรงผมดัดด้วยน้ำยาหรือดัดด้วยไฟฟ้าตามร้านทำผมสมัยใหม่เริ่มปรากฏโฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์ สวมรองเท้าหนังสานหรือรองเท้าส้นสูง แฟชั่นการแต่งกายของสตรีที่เรียบง่ายที่ปรากฏทั่วไประหว่าง 2475-2484 ในหมู่ปัญญาชนสตรีและสตรีสามัญทั่วไป จากบันทึก สมศรี สุกุมลนันท์ คนร่วมสมัยเล่าถึงการแต่งกายของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อครั้ง 2481 ว่า สมัยนั้นนิสิตหญิงนิยมนุ่งผ้าซิ่นเช่นกัน (สมศรี สุกุมลนันท์, 2556, 91-93)
ภายหลังการปฏิวัติ 2475 เมื่อชาวกรุง ทั้งสตรีและคนดังสมัยนั้นคนใดที่ต้องการเสื้อผ้าชุดใหม่ ต้องไปซื้อผ้าจากสำเพ็งหรือพาหุรัดแล้ว หากชาวกรุงนั้นตัดเย็บไม่เป็นหรือต้องการชุดที่ทันสมัยมักนิยมมาตัดเสื้อที่ตลาดมิ่งเมือง วังบูรพา ร้านตัดเสื้อเหล่านั้นย่อมสามารถตอบสนองความต้องการนั้นได้อย่างไม่ยาก (วรรณชนก บุญปราศภัย, 2563, 17-18)

ต่อมา รัฐบาลของจอมพล ป.ในช่วงก่อนสงครามโลก (2481-2484) ประกาศนโยบาย “สร้างชาติ” ที่มีเป้าหมายสานต่อการพัฒนาประเทศมีความก้าวหน้าตามหลัก 6 ประการต่อไป เขาเห็นว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว สมควรมีการปรับปรุงชาติขึ้นใหม่ แม้ชาติจะมีมานานแล้วก็ตาม แต่สภาวะของชาติบางประการยังไม่อยู่ในระดับความเป็นประชาชาติได้ ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องสร้างชาติให้ดีขึ้นกว่าเดิม
เขานิยามความหมายของคำว่า “สร้างชาติ” ไว้ว่า “มีวัฒนธรรมดี มีศีลธรรมดี มีอนามัยดี มีการแต่งกายอันเรียบร้อยเป็นระเบียบดี มีที่พักอาศัยดี และมีที่ทำมาหากินดี เหล่านั้นเป็นต้น เมื่อพลเมืองทุกคนมีสภาพดังกล่าวนี้แล้ว ชาติก็จะเป็นหน่วยรวมที่มั่งคั่งสมบูรณ์ ประชาชนก็สามารถช่วยกันประกอบงานส่วนกลางของชาติให้วัฒนารุ่งเรืองขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย” (ประมวลคำปราศรัยและสุนทรพจน์ของ ฯพณฯ จอมพล ป., 2485, 38)
จากนั้น รัฐบาลเริ่มเผยแพร่คำขวัญจำนวนมากที่ครอบคลุมนโยบายการสร้างชาติของเขา ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมอย่างกว้างขวางเพื่อสื่อสารแนวคิดการสร้างชาติไทยขึ้นใหม่ให้กับประชาชน กลางปี พ.ศ.2484 จอมพล ป.ขยายความคำว่า “สร้างชาติ” ของเขาดังต่อไปนี้

ประการแรก สร้างตนเอง ด้วยการบำรุงตนเองให้แข็งแรง มีวัฒนธรรม ประพฤติดี แต่งกายดี
ประการที่สอง สร้างครอบครัว มีความมัธยัสถ์ มั่นศึกษาหาความรู้ และเป็นพ่อบ้านแม่เรือน ให้การศึกษาแก่บุตรหลาน
และประการที่สาม เมื่อสามารถสร้างตัวเอง สร้างครอบครัวได้แล้ว คือ การสร้างชาติ เพราะชาติคือผลรวมของทั้งหมด นั่นคือการช่วยสร้างชาติ (ประมวลคำปราศรัยและสุนทรพจน์ของ ฯพณฯ จอมพล ป., 2485, 69)
ทั้งนี้ การแต่งกายของคนไทยทั่วไปภายหลังการปฏิวัติ 2475 เริ่มปรับเปลี่ยนไปสู่สากลมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. เช่น มีการส่งเสริมให้แต่งกายแบบสมัยใหม่ มีการสวมหมวก สวมรองเท้า สวมกางเกงหรือกระโปรงแทนนุ่งโจงกระเบน เกิดกระแสการตัดเสื้อตามสมัยนิยมมากขึ้นด้วยสตรีมีสิทธิเสรีภาพเสมอภาคเท่าเทียมกับชาย พร้อมกับกระแสที่สตรีเริ่มทำงานนอกบ้านมากขึ้น ในปี 2484 สตรีถูกร้องขอให้เลิกนุ่งผ้าโจงกระเบน ให้เปลี่ยนเป็นนุ่งผ้าซิ่นหรือกระโปรง ไว้ผมยาว สวมเสื้อตามสมัยนิยมเพื่อร่วมกันสร้างชาติ ด้วยรัฐมองว่า การแต่งกายที่มีวัฒนธรรม ช่วยสร้างความมีอารยะให้ชาติ (waymagazine.org/thai-silk-and-112/)
ความเปลี่ยนแปลงของแฟชั่นการแต่งกายของคนไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป. เห็นได้ชัดจากประกาศรัฐนิยมตั้งแต่ 2481 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประกาศรัฐนิยม ฉบับที่ 10 เรื่องการแต่งกายของประชาชนชาวไทย ประกาศใช้เมื่อมกราคม 2484 ที่ต้องการสร้างชาติด้วยการส่งเสริมวัฒนธรรมให้เกิดขึ้นกับประชาชน ต่อมา มิถุนายน 2484 มีการนัดหมายให้คนไทยสวมหมวกให้เป็นส่วนหนึ่งของการแต่งกายของชาวไทย จอมพล ป.เรียกร้องให้คนไทยมีส่วนในการสร้างชาติด้วยการรักษาวัฒนธรรมการแต่งกาย การพูด การใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ เพื่อรักษาเกียรติภูมิของชาติ (ประมวลคำปราศรัยและสุนทรพจน์ของ ฯพณฯ จอมพล ป., 2485, 87)
กล่าวได้ว่า รัฐบาลจอมพล ป.ต้องการกำจัดความไม่เสมอภาคทางสังคมที่สะท้อนออกมาด้วยการแต่งกายดังปรากฏในระบอบเก่า อีกทั้งในสายตารัฐบาลเห็นว่า การแต่งกายที่มีวัฒนธรรมเกี่ยวข้องกับความมีอารยะ อันช่วยกำจัดความล้าหลังป่าเถื่อนทิ้งไปพร้อมผลักดันชาติไทยให้เจริญก้าวหน้า
ดังนั้น การแต่งกายแบบใหม่ของคนไทยจึงเป็นเป้าหมายของรัฐที่กำหนดให้เกิดกับประชาชนที่มีวัฒนธรรมอันเหมาะสมสอดคล้องกับชาติที่มีอารยะดังชาติไทยในระบอบประชาธิปไตย






สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022