ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | โล่เงิน |
เผยแพร่ |
บทความโล่เงิน
2 อดีตอัยการเจอคุก-ตำรวจหลุด
คดีเปลี่ยนความเร็วรถ ‘บอส’
1 ในองค์คณะแย้ง ‘ทำเป็นขบวนการ’
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้พิจารณาคดีเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ “บอส อยู่วิทยา” ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อเสียชีวิต 3 กันยายน 2555 จาก 177 ก.ม./ช.ม. เหลือไม่ถึง 80 ก.ม./ช.ม. เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา
พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ฟ้อง จำเลยที่ 1 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. 2.พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบก.กองพิสูจน์หลักฐาน 3.พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี เมื่อครั้งเป็น พงส.(สบ 3) สน.ทองหล่อ 4.นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส 5.นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร (ส.ว.ก๊อง นายก อบจ.เชียงใหม่) 6.นายธนิต บัวเขียว 7.รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม นักฟิสิกส์ อาจารย์ประจำและหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และ 8.นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด
พิพากษาว่าจำเลยที่ 4, 8 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. มาตรา 172 เป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมายมีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ลงโทษจำเลยที่ 4 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 4 กำหนด 2 ปี
จำเลยที่ 8 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 8 กำหนด 3 ปี
ให้ยกฟ้องโจทก์จำเลยที่ 1-3 และ 5-7 แต่ให้หมายขังจำเลยที่ 1-3 ถึง 5-7 ไว้ระหว่างอุทธรณ์ เว้นแต่จะประกัน คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ย้อนเข็มนาฬิกากลับไป 12 ปีกว่า เมื่อ 3 กันยายน 2555 ขณะเกิดเหตุ บอสอายุ 25 ปี เป็นหนุ่มนักเรียนนอก ควบรถสปอร์ตหรูเฟอร์รารี่ สีบรอนซ์เทา มาด้วยความเร็วพุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ ขณะขี่รถจักรยานยนต์ตราโล่ ยี่ห้อไทเกอร์ ปฏิบัติหน้าที่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 47 และลากทั้งคนทั้งรถไปเกือบ 200 เมตร จน ด.ต.วิเชียรเสียชีวิต ก่อนขับรถเข้าบ้านพักภายในซอยสุขุมวิท 53 ทิ้งคราบน้ำมันเครื่องเป็นทางยาวตั้งแต่จุดเกิดเหตุจนถึงบ้านพัก
หลังเกิดเหตุตำรวจนายหนึ่งซึ่งสนิทสนมกับบ้านหลังนี้ ได้สับเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาเอาพ่อบ้านออกมาสมอ้างเป็นโชเฟอร์รถหรู แต่ไม่มีใครเชื่อ
ทำให้ “น.1” ขณะนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ต้องลงพื้นที่ ถึงกับประกาศกร้าว ใช้ตำแหน่งเป็นเดิมพัน ยอมไม่ได้ลูกน้องถูกชนเสียชีวิต ต้องหาคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย
ที่สุดตำรวจนำหมายศาลเข้าไปในบ้านอยู่วิทยา ประกอบกับ “บอส” ทนแรงกดดันจากสังคมไม่ไหว จึงออกมามอบตัว สน.ทองหล่อ ในเวลาต่อมา พร้อมปริปากสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุตัวจริง
หลังจากนั้นมีการดำเนินคดี แต่เป็นไปอย่างล่าช้า
“บอส” อ้างว่าติดภารกิจต่างประเทศบ้าง ป่วยบ้าง ทำให้คดีเริ่มเลือนหายจากความสนใจของประชาชน
จนปี 2556 หลายคดีเริ่มหมดอายุความ อาทิ ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย
ข้อหาขับรถขณะเมาสุรา ตำรวจสั่งไม่ฟ้อง เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ
ข้อหาไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควรกับ ด.ต.วิเชียร หมดอายุความ 3 กันยายน 2560
เหลือเพียงข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อายุความ 15 ปี จำคุกไม่เกิน 10 ปี ซึ่งจะหมดอายุความวันที่ 3 กันยายน 2570 แต่ต้องติดตามตัวผู้ต้องหามายื่นฟ้องให้ได้
แต่ “วรยุทธ” กลับไม่เคยได้รับโทษใดๆ ปรากฏข่าวในสื่อต่างประเทศว่าใช้ชีวิตอยู่ “เมืองผู้ดี”
ต่อมาคดีกลับมาอยู่ในความสนใจประชาชนอีกครั้ง หลังปี 2563 อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา ขณะที่ตำรวจก็ไม่ทำความเห็นแย้ง ทำให้ในตอนนั้นคดีเป็นอันสิ้นสุด
ก่อให้เกิดกระแสความโกรธแค้นในสาธารณชน ต่างตั้งแง่ว่า “‘คุกมีไว้ขังคนจน’
ส่งผลให้รัฐบาลตั้งคณะทำงานที่นายวิชา มหาคุณ เป็นประธานตรวจสอบขึ้นมา พบว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง เปลี่ยนความเห็นในเรื่องความเร็วรถ ‘บอส’ จาก 177 ก.ม. เหลือไม่ถึง 80 ก.ม./ช.ม. อยู่ในสภาวะกดดัน
ทีมนายวิชา มีความเห็นตรงกันว่าเป็นกระบวนการทำสำนวนสมยอมโดยไม่สุจริตตามทฤษฎีสมคบคิด ทำสำนวนเสียตั้งแต่ต้น พร้อมเปรียบเปรยว่าต้นไม้พิษย่อมให้ผลเป็นพิษ ดังนั้น ต้นไม้พิษต้องฟันทิ้ง
ต่อมาอัยการได้สั่งฟ้อง “บอส” ข้อหา ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเสพโคเคน แต่เสพโคเคนหมดอายุความอีก
ในที่สุดเมื่อวันที่ 22 เมษายน ศาลได้พิพากษา ปรากฏว่า ได้มีเสียงสะท้อนสาธารณชนว่า “ตำรวจหลุด อัยการไม่รอด”
ศาลวินิจฉัยจำเลยที่ 4 ขณะเกิดเหตุเป็นอัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 สำนักงานนี้ไม่ได้รับผิดชอบคดีที่เกิดในพื้นที่ สน.ทองหล่อที่เกิดเหตุ และไม่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ และไม่ได้มีหน้าที่พิเศษตามที่ราชการมอบหมาย จึงไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะเข้าไปร่วมประชุมกับพนักงานสอบสวน การอ้างสถานะว่าเป็นอัยการ รู้จักทั้งฝ่ายตำรวจและอัยการชั้นผู้ใหญ่ เพื่อให้พนักงานสอบสวนเชื่อถือคล้อยตามความเห็นตน แสดงให้เห็นถึงแรงจูงใจพิเศษต้องการช่วยให้นายวรยุทธไม่ต้องรับโทษ
และเห็นว่าจำเลยที่ 8 ขณะเกิดเหตุดำรงเป็นรองอัยการสูงสุดอาวุโสอันดับหนึ่ง ย่อมต้องมีประสบการณ์สั่งสมในการพิจารณาสั่งสำนวนคดีอาญาที่มีฐานความผิดและพฤติกรรมแห่งคดียุ่งยากสลับซับซ้อนเป็นจำนวนมาก ย่อมต้องมีมาตรฐานในการปฏิบัติงานที่สูงมากกว่าพนักงานอัยการทั่วไป ต้องใช้ความระมัดระวังรอบคอบการพิจารณาสั่งสำนวน ย่อมทราบอยู่แล้วว่าองค์ประกอบความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ความเร็วของรถขณะเกิดการชนนั้น แม้อัตราจะต่ำมากกว่า 80 ก.ม./ช.ม. หากผู้ขับขี่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวัง ทั้งที่นายวรยุทธสามารถใช้ความระมัดระวังเช่นนั้นได้ตามวิสัยและพฤติการณ์ แต่ไม่ได้ใช้ บุคคลนั้นมีความผิดฐานขับรถโดยประมาทได้
แต่จำเลยที่ 8 เลือกหยิบยกพยานหลักฐานเฉพาะเพื่อสนับสนุนการสั่งคดี มุ่งเน้นความเร็วรถของนายวรยุทธเป็นหลัก ให้ความสำคัญส่วนนี้เพื่อให้เจือสมว่าความประมาทเกิดขึ้นจากผู้ตายเพียงฝ่ายเดียว เพื่อสนับสนุนความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาและความเชื่อว่านายวรยุทธไม่ได้กระทำโดยประมาท บ่งชี้ว่าไม่อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงหลักฐานที่มีเหตุผลอันสมควรมิได้ใช้เกณฑ์วินิจฉัยมูลความผิดอย่างที่พนักงานอัยการพึงใช้ เป็นการวินิจฉัยมูลความผิดโดยใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจและด่วนวินิจฉัยคดีเสียเอง
ภายหลังฟังคำพิพากษา จำเลยทั้ง 8 ยื่นประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี ใช้หลักทรัพย์ประกันและสัญญาประกันเดิม ศาลมีคำสั่งให้ทั้ง 8 ประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์คดี
คดีนี้มีผู้พิพากษาท่านหนึ่ง คือ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีความเห็นแย้งสมควรลงโทษจำเลยทั้ง 8 คน โดยเห็นว่า จำเลยมีการกระทำกันเป็นขบวนการ ลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ จึงบันทึกแนบท้ายคำพิพากษาเพื่อให้ศาลสูงพิจารณามีคำพิพากษาต่อไป
คดีนี้อัยการยื่นอุทธรณ์แน่นอนเพราะเป็นคดีใหญ่
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022