ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ
ส่อง ทัพบก-เรือ-อากาศ
ปลดล็อก ‘ปีเดียว’
สูตรอำนาจ ผบ.เหล่าทัพ
จับตา เกมชิง
วางทายาท คุม 3 เหล่าทัพ
กําลังเกิดทฤษฎีหนึ่งในกองทัพอากาศ ที่กำลังเป็นที่จับตามองว่า บิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. จะเลือกบิ๊กคิม พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผช.ผบ.ทอ. เต็งหนึ่งแคนดิเดต ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ จริงหรือไม่
ด้วยมีการตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.อ.พันธ์ภักดี อาจจะต้องการสนับสนุนให้ รอง เสธ.โอ๋ พล.อ.ท.อนุรักษ์ รมณารักษ์ รอง เสธ.ทอ. น้องรัก แถมเป็น ตท.28 รุ่นที่เปี่ยมพลัง ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.
หากไม่มีข้อกำหนดที่ว่า คนที่จะขึ้นเป็น ผบ.เหล่าทัพ จะต้องมีอายุราชการเหลือ 2 ปีขึ้นไป มาเป็นกรอบ พล.อ.ท.อนุรักษ์ ก็เป็น ผบ.ทอ.ต่อจาก พล.อ.อ.เสกสรร รุ่นพี่ ตท.26 ที่เกษียณกันยายน 2571 ได้ เพราะ พล.อ.ท.อนุรักษ์ เกษียณกันยายน 2572 นั่งเป็น ผบ.ทอ.ได้ 1 ปี
แม้ว่าข้อกำหนดนี้ไม่สามารถทำได้จริง ในการแต่งตั้งโยกย้ายที่ผ่านมา โดยเฉพาะเก้าอี้ ผบ.ทร. ที่แคนดิเดตมักจะเหลืออายุราชการกันแค่ 1 ปี
หรือไม่เช่นนั้น มีแคนดิเดต ผบ.ทร.ที่มีอายุราชการ 2 ปี แต่ไม่ใช่ขั้วอำนาจ ไม่ใช่คนของ ผบ.ทร. ก็ไม่ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทร.อยู่ดี
เช่นกรณีของ พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ทร. มาตั้งแต่เป็น ผบ.กองเรือยุทธการ มีอายุราชการเหลือ 3 ปี แต่ก็ไม่ได้เป็น ผบ.ทร. เพราะรุ่นน้องต้องให้รุ่นพี่เป็นก่อน จนขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทร. และรอง ผบ.ทร. แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เป็น ผบ.ทร. ที่ไม่ใช่เพราะปัจจัยอายุราชการ แต่เพราะไม่ใช่ขั้วอำนาจที่คุมทัพเรืออยู่
เช่นเดียวกับแคนดิเดต ผบ.ทร.ปัจจุบัน แม้ว่า พล.ร.อ.สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ที่ปรึกษาพิเศษ ทร. จะมีอายุราชการถึง 2570 คือเหลืออายุราชการ 2 ปี มากกว่าแคนดิเดตคนอื่นที่ล้วนเหลืออายุราชการแค่ปีเดียวก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ตัวเต็ง และไม่ใช่ขั้วอำนาจที่คุมทัพเรือมายาวนาน ตลอดช่วง 4 ผบ.ทร.ที่ผ่านมา จนปัจจุบัน ที่มีบิ๊กแมว พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ เป็น ผบ.ทร. ที่ก็มีเวลาแค่ 12 เดือน แต่ก็เป็น “ทีมเดียวกัน” กับ 3 อดีต ผบ.ทร. จึงได้เป็น ผบ.ทร. และคาดว่าก็จะเลือกแคนดิเดตที่เป็นสายอำนาจเดียวกันขึ้นเป็น ผบ.ทร.คนต่อไป
ท่ามกลางการจับตามองว่าข้อกำหนดอายุราชการที่เหลือนี้ ต้อง 2 ปีขึ้นไป จะใช้ได้จริงหรือไม่ และจะเริ่มบังคับใช้ได้ทุกเหล่าทัพหรือไม่ และเมื่อใด เพราะบางเหล่าทัพก็ใช้ แต่บางเหล่าทัพก็ไม่ใช้
ยิ่งในส่วนของกองทัพบกแล้ว หากบิ๊กปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. นั่ง ผบ.ทบ.ครบ 3 ปี เกษียณกันยายน 2570 จะทำให้ตัวเต็งที่จะเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป อย่างแม่ทัพภาคใหญ่ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 จาก ตท.27 สายทหารเสือราชินี เหลืออายุราชการแค่ 1 ปีเท่านั้น
หากต้องยึดกรอบเรื่องอายุราชการต้องเหลือสองปีขึ้นไปก็จะทำให้ตัดโอกาส พล.ท.อมฤต และจะกลายเป็นโอกาสของเตรียมทหาร 28 ที่จะขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ที่จะได้เห็นกันโยกย้ายตุลาคม 2568 นี้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.
เช่น รองกอล์ฟ พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เกษียณ 2573
แต่หาก ทบ.ไม่ยึดกรอบเรื่องอายุราชการที่เหลือก็จะไม่มีปัญหาใด
สําหรับกองทัพอากาศแล้ว มีการใช้หลักการนี้มายาวนาน แต่ก็ไม่สามารถทำได้ตลอด เช่นในยุคหลัง ตั้งแต่ยุคบิ๊กเฟื่อง พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ เป็น ผบ.ทอ. 4 ปี และที่มากกว่า 2 ปี เช่น พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง
แต่ท้ายที่สุดก็กลับมา ผบ.ทอ.ที่เหลืออายุราชการแค่ 1 ปี เช่น บิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยศริน พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ก็มาเป็น พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ บิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ และบิ๊กตุ๊ด พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ
ที่ล้วนอยู่กับการตัดสินใจของ ผบ.ทอ.ในแต่ละยุค ว่าจะเลือกใครมาเป็น ผบ.ทอ.ต่อ ก่อนที่จะมาเป็น พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ที่มีอายุราชการ 2 ปี
ท่ามกลางกระแสข่าวว่ามี “สัญญาณ” มาถึงกองทัพให้ยึดกรอบแนวทางนี้เป็นข้อกำหนดในการเลือกผู้บัญชาการเหล่าทัพในการแต่งตั้งโยกย้ายตุลาคม 2568 นี้ เป็นต้นไป
แต่ในส่วนของกองทัพอากาศไม่มีปัญหา เนื่องจากแคนดิเดตล้วนมีอายุราชการ 2 ปีขึ้นไปทั้งสิ้น แต่ปัญหาอยู่ที่คนที่จะเป็น ผบ.ทอ.คนถัดจากนั้น เพราะโดยอายุราชการของแคนดิเดตที่จะขึ้นมา ไม่สอดคล้องกับความตั้งใจของ ผบ.ทอ. ผู้ตัดสินใจวางตัวนายทหารที่จะมาดูแล ทอ.
หาก พล.อ.อ.พันธ์ภักดี เลือก พล.อ.อ.เสกสรร ขึ้นเป็น ผบ.ทอ. ก็นั่ง 3 ปี ถึงกันยายน 2571 และหากให้ พล.อ.ท.อนุรักษ์ เข้าไลน์เป็นต่อ ก็จะเป็นได้แค่ปีเดียว กลับมาสู่สภาพเดิม
แต่หากยึดกรอบอายุราชการ 2 ปีขึ้นไปอย่างเคร่งครัด หากเลือก พล.อ.อ.เสกสรร ก็ต้องเลือก ผบ.แจ็ค พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย ผบ.รร.นายเรืออากาศ จาก ตท.29 ที่เกษียณกันยายน 2573 มาเป็นต่อ
หรืออาจเป็นแคนดิเดตคนอื่น จาก ตท.29 ที่คาดว่าจะขึ้นมาในไลน์ ในการแต่งตั้งโยกย้ายตุลาคม 2568 นี้ ที่เกษียณกันยายน 2573-2574 ขึ้นมา
เพราะก็เป็นเรื่องน่าลำบากใจของ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี เพราะ พล.อ.อ.เสกสรร ก็เป็นน้องรักคนหนึ่งที่มอบหมายงานสำคัญให้ทำมาตลอด รวมทั้งโครงการคัดเลือกเครื่องบินกริพเพ่น จากสวีเดน จนมาถึงงานสำคัญต่างๆ เช่น งานแอร์โชว์ 88 ปีกองทัพอากาศ และงานเลี้ยงรับรองวันกองทัพอากาศ และยังมาเป็นผู้ช่วยทูต ทอ. ประจำลอนดอน อังกฤษ ต่อจาก พล.อ.อ.พันธ์ภักดี
แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า พล.อ.อ.พันธ์ภักดี มีน้องเลิฟมาก คือ พล.อ.ท.อนุรักษ์ ที่มอบหมายงานสำคัญให้มาตลอด โดยเฉพาะเครื่องบินกริพเพ่น บินลงถนนทางหลวงที่หาดใหญ่ สงขลา และร่วมทีมจัดงาน แอร์โชว์ 88 ปี ทอ. และได้มีโอกาสถวายรายงาน และถวายงาน ในการเสด็จเยือนราชอาณาจักรภูฏาน
ที่สำคัญคือ พล.อ.ท.อนุรักษ์ เป็นคนใต้เหมือน พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ที่เป็นคนทุ่งสง นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็น ผบ.ทอ.คนใต้คนแรก ส่วน พล.อ.ท.อนุรักษ์ เป็นคนหาดใหญ่ สงขลา ที่อาจจะเป็น ผบ.ทอ.คนใต้อีกคนหนึ่ง
แต่หากจำเป็นต้องยึดกรอบ 2 ปีขึ้นไป และต้องเลือกน้องเลิฟอย่าง พล.อ.ท.อนุรักษ์ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี อาจต้องเลือก เสธ.แอน พล.อ.อ.วชิระพล เมืองน้อย เสนาธิการ ทอ. จาก ตท.27 ที่อายุราชการถึงกันยายน 2570 เพื่อที่จะให้ พล.อ.ท.อนุรักษ์ มาเป็นต่ออีก 2 ปีพอดี เพราะ พล.อ.อ.วชิระพล ก็ได้รับมอบหมายงานสำคัญจาก พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ให้ทำโครงการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพ่น และสามารถขึ้นเจาะเจ้ากรมยุทธการทหารอากาศมาเป็นเสนาธิการทหารอากาศได้เลยในโผตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา
ส่งผลให้เกิด 2 สูตรอำนาจ คือ พล.อ.อ.เสกสรร และต่อด้วย พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ หรือม้ามืด
และสูตร พล.อ.อ.วชิระพล และต่อด้วย พล.อ.ท.อนุรักษ์ และยิ่งพบว่า มีแพ็กคู่ ที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกันมากขึ้น
แต่ก็เกิดสูตรอำนาจที่ 3 คือ สูตรม้ามืด โดยพุ่งเป้าไปที่แคนดิเดตเตรียมทหารรุ่น 25 ทั้งบิ๊กไว พล.อ.อ.ไวพจน์ เกิงฝาก ผบ.คปอ. ที่เป็นที่ยอมรับในเรื่องความสามารถว่าเป็นคนเก่งมาก และที่ผ่านมาทั้งการเรียนและได้รับรางวัลชนะเลิศมาตลอด และมีอายุราชการถึงกันยายน 2570
หรือแม้แต่ที่เป็นที่ร่ำลือกันในกองทัพอากาศ บิ๊กเอก พล.อ.อ.กฤษฎา สุพิชญ์ จาก ตท.25 อดีต ผช.ทูตทหารอากาศประจำวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ว่ามีพระผู้ใหญ่ที่เคยทำนายคนที่ ผบ.ทอ. ถูกต้องมาแล้วหลายคนได้ทำนายว่าจะได้เป็น ผบ.ทอ.
อีกทั้ง ตท.25 ถือเป็นรุ่นที่มาแรงในทางการเมือง ในกองทัพ และยังเป็นรุ่นเดียวกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่กลายเป็นมือขวาของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังจะเข้ามาแชร์อำนาจในกองทัพแบบซึมลึก ผ่านการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารจากตำแหน่งที่ไม่สำคัญ ค่อยๆ ขึ้นมาถึงระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพ
แต่ทั้งหมดนี้อยู่ที่การตัดสินใจของ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี เท่านั้น โดยที่ฝ่ายการเมืองไม่อาจที่จะสั่งการหรือแทรกแซงใดๆ ภายใต้คณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหม หรือบอร์ด 7 เสือกลาโหม ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ปี 2551
เช่นเดียวกับในส่วนของกองทัพเรือก็คาดว่า พล.ร.อ.จิรพล ก็คงจะไม่ยอมที่จะใช้กรอบเรื่องอายุราชการที่เหลือมาใช้ในการตั้ง ผบ.ทร.คนใหม่
โดยอาจจะขอผัดผ่อน ยืดเวลาการวางข้อบังคับใช้ข้อกำหนดนี้ออกไปก่อนเช่นที่ผ่านมา
เพราะแคนดิเดตที่ถูกวางตัวไว้ อย่างบิ๊กเดี่ยว พล.ร.อ.ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผบ.กองเรือยุทธการ จาก ตท.25 นั้นเหลืออายุราชการแค่ 1 ปีเท่านั้น
แม้แต่แคนดิเดตคนอื่น ทั้ง พล.ร.อ.พิจิตต์ ศรีรุ่งเรือง ผู้ช่วย ผบ.ทร. (ตท.25) หรือ เสธ.เฟื่อง พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ (ตท.24) เสนาธิการทหารเรือ ก็ล้วนเหลืออายุราชการแค่ 1 ปีเช่นกัน
ด้วยปัจจัยแห่งอำนาจ และการต่อสู้ภายในกองทัพและรุ่น ตท. อาจส่งผลให้ข้อกำหนดเรื่องอายุราชการที่เหลือของผู้บัญชาการเหล่าทัพ อาจต้องถูกผัดผ่อน เลื่อนออกไปก่อนอีกครั้ง
และไม่มีทีท่าว่าจะได้นำกลับมาใช้พร้อมกันทุกเหล่าทัพเมื่อใด
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022