3 ปมทางวิศวกรรม เหตุตึก สตง.ถล่ม สถาบันเหล็กฯ โต้ ซินเคอหยวน DSI ลุยสอบนอมินี-ฮั้วประมูล

บทความในประเทศ

 

3 ปมทางวิศวกรรม

เหตุตึก สตง.ถล่ม

สถาบันเหล็กฯ โต้ ซินเคอหยวน

DSI ลุยสอบนอมินี-ฮั้วประมูล

 

จากกรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี นัมเบอร์เทน (ไทย) ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าระหว่างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ถล่มลงมาระหว่างเกิดเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ขณะนี้มีความคืบหน้าในหลายประเด็น

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก “Wiroj Lakkhanaadisorn – วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ระบุว่า จากการร่วมหารือกับวิศวกรผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์การวิบัติของอาคาร สาเหตุหลักของการวิบัติของอาคาร สตง. ที่จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด น่าจะมี 3 ประเด็น คือ

1. การออกแบบอาคาร โดยปกติแล้วการออกแบบอาคารจะต้องมีการใส่ค่าปัจจัยความปลอดภัย (Safety Factor) เอาไว้ พูดง่ายๆ คือ ออกแบบเผื่อเอาไว้นั่นเอง กรณีนี้ต้องพิจารณาแบบของอาคารว่ามีการใส่ค่าปัจจัยความปลอดภัยไว้มากน้อยอย่างไร มีความแตกต่างจากแบบของอาคารอื่นหรือไม่

ถ้าพบว่ามีการเผื่อค่า Safety Factor เอาไว้ต่ำกว่าแบบของอาคารอื่นๆ ก็ต้องหาคำตอบว่าอะไรเป็นตัวการที่บีบให้ผู้ออกแบบต้องเผื่อค่า Safety Factor ให้ต่ำลง หรือต้องออกแบบเพื่อจำกัดต้นทุนของงานโครงสร้างอาคารเพราะมีการล็อกสเป๊กวัสดุอุปกรณ์ และงานสถาปัตยกรรมต่างๆ เอาไว้แล้วใช่หรือไม่ จนเหลือวงเงินงบประมาณสำหรับงานโครงสร้างที่จำกัด เพื่อคุมวงเงินงบประมาณทั้งหมดไม่ให้เกิน 2,560 ล้านบาท

2. การแก้ไขแบบในภายหลัง ต้องตั้งคำถามว่าวิศวกรคนใดเป็นผู้เสนอให้มีการแก้ไขแบบที่เกี่ยวพันกับโครงสร้างอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขแบบให้ปรับลดความหนาของผนังลิฟต์ SW5 และ SW6 เฉพาะด้านทางเดิน 2 จากเดิม 30 ซ.ม. เป็น 25 ซ.ม. ซึ่งโดยปกติแล้ว การแก้ไขแบบที่เกิดจากข้อจำกัดหน้างาน จะแก้ไขในส่วนของงานสถาปัตยกรรม โดยหลีกเลี่ยงการแก้ไขแบบที่งานโครงสร้าง ซึ่งเกี่ยวพันกับความแข็งแรงของอาคารโดยตรง

3. คุณภาพของคอนกรีตที่ใช้งานโครงสร้าง เบื้องต้นจากลักษณะทางกายภาพของเศษซากอาคาร พบว่าเนื้อคอนกรีตมีความเป็นฝุ่น สีซีดจาง และมีรูพรุนในคอนกรีต จึงมีข้อสงสัยทางวิศวกรรมว่า ผนังคอนกรีตเสริมเหล็กรับแรงเฉือน (Shear Wall) และเสาของอาคารนั้น มีค่ากำลังอัดคอนกรีตเป็นไปตามสเป๊กหรือไม่

ในกรณีที่พบว่าค่ากำลังอัดคอนกรีตต่ำกว่าสเป๊ก ก็ต้องตรวจสอบต่อว่ามีการเติมน้ำลงในคอนกรีตหรือไม่ เพราะการเทเสาต้นเล็ก และผนัง Shear Wall ที่แคบ อันเนื่องมาจากการแก้ไขแบบให้ลดความกว้างของผนัง Shear Wall ลง จาก 30 ซ.ม. เป็น 25 ซ.ม. ทำให้การเทคอนกรีตทำได้ยาก การเติมน้ำเข้าไปจะทำให้คอนกรีตเหลวขึ้น เทได้ง่ายขึ้น แต่ต้องแลกด้วยค่ากำลังอัดคอนกรีตที่ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของอาคารโดยตรง

นายวิโรจน์ระบุว่า การวิบัติของอาคาร สตง. นั้นเกิดขึ้นจากความล้มเหลว และการทุจริตคอร์รัปชั่นจากหลายองค์ประกอบด้วยกัน การสืบสวนสอบสวนจะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อให้จับโจรทั้งขบวนการได้ทุกคน ไม่อย่างนั้นจะจับได้แต่สมุนโจร โดยที่หัวหน้าโจรสามารถหลบหนีลอยนวลไปได้

 

ด้านตัวแทนจากบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ซึ่งเป็นทีมทนายความจากสำนักงานกฎหมายเจ้าพระยาทนายความ นำโดยนายปิยะพงศ์ คงมะลวน นายสุรศักดิ์ วีระกุล และนายปัทมากร ภิญโญชัยพลกุล ได้ออกมาชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเหล็กของบริษัท ที่มีสัญลักษณ์ SKY ไม่ได้มาตรฐาน

นายปิยะพงศ์กล่าวว่า โดยขั้นตอนปกติแล้ว การตรวจสอบมาตรฐานเหล็กจะต้องตัดแบ่งเหล็กออกเป็น 3 ท่อน ท่อนหนึ่งเพื่อนำไปตรวจสอบ ท่อนที่สองเก็บไว้เป็นเหล็กอ้างอิง ท่อนที่สามให้โรงงานเก็บไว้ หากผลการตรวจสอบท่อนแรกมีปัญหาหรือข้อโต้แย้ง จะได้นำท่อนที่สองและสามมาตรวจพิสูจน์ซ้ำเพื่อให้คลายข้อสงสัย แต่กรณีตึก สตง.ถล่ม เหล็กของ SKY ถูกตรวจสอบซ้ำในท่อนที่หนึ่งเพียงท่อนเดียว

ด้านนายสุรศักดิ์กล่าวว่า ผลการตรวจสอบเหล็กจากตึก สตง. ของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เป็นเหล็กที่ถูกใช้งานแล้ว ไม่ใช่เหตุผลที่จะบอกว่าเหล็กตกมาตรฐาน เพราะการตรวจสอบอยู่นอกขอบข่ายของห้องปฏิบัติการ จึงไม่สามารถนำมาวัดค่ามาตรฐานอุตสาหกรรมได้ หมายความว่าผลการตรวจสอบสารโบรอนนำมาใช้อ้างอิงว่าต่ำกว่ามาตรฐานให้มีผลทางกฎหมายเป็นไปด้วยความไม่ชอบธรรม แม้ผลการตรวจสอบเหล็กของอีก 2 บริษัทจะออกมาตรงตามมาตรฐานก็ตาม อีกทั้งบริษัทไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการตรวจสอบด้วย

ทางบริษัทจึงไม่รับรู้ผลการตรวจสอบแต่อย่างใด

 

ต่อมา สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย (IRON AND STEEL INSTITUTE OF THAILAND) ได้ออกหนังสือชี้แจงระบุว่า ตามที่สถาบันเหล็กฯ ถูกพาดพิง จากการแถลงข่าวของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ว่าเครื่องมือทดสอบสำหรับการวิเคราะห์ค่าปริมาณของธาตุโบรอนในผลิตภัณฑ์เหล็ก ไม่ได้ตามมาตรฐาน ไม่สามารถตรวจค่าต่ำกว่า 9 ppm (9 ส่วนในล้านส่วน) ได้นั้น

นายวิโรจน์ โรจน์วัฒนชัย ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า สถาบันเหล็กฯ ทำการวิเคราะห์ค่าปริมาณของธาตุโบรอนในผลิตภัณฑ์เหล็กด้วยเครื่องทดสอบส่วนผสมทางเคมีของโลหะ (Optical Emission Spectrometer; OES) ยี่ห้อ Spectrolab รุ่น Model : Lavm12, Type : 76004140 S/N : 16002150 ซึ่งเป็นยี่ห้อชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และผลิตในประเทศเยอรมนี

เครื่องทดสอบดังกล่าวมีขีดความสามารถในการทดสอบส่วนผสมของธาตุโบรอนได้ ตั้งแต่ 0.0001% (1 ppm) ถึง 0.014% (140 ppm) ซึ่งครอบคลุมช่วงของปริมาณธาตุโบรอน ตามข้อกำหนดของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต : เหล็กข้ออ้อย ที่กำหนดให้ปริมาณของธาตุโบรอนจะต้องไม่เกิน 0.0008% (8 ppm) จึงสามารถตรวจสอบปริมาณธาตุโบรอนได้อย่างแม่นยำแน่นอน

อนึ่ง ผลการตรวจสอบปริมาณธาตุโบรอนในผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต : เหล็กข้ออ้อย ของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2567 พบว่าเหล็กข้ออ้อย ขนาด DB32 ชั้นคุณภาพ SD50 มีปริมาณธาตุโบรอน 10 ppm และเหล็กข้ออ้อย ขนาด DB25 ชั้นคุณภาพ 5D40 มีปริมาณธาตุโบรอน 12 ppm ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน

ดังนั้น การอ้างว่าเครื่องทดสอบที่สถาบันเหล็กฯ ได้ขึ้นทะเบียนตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 กับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เป็นเครื่องทดสอบที่ไม่สามารถตรวจได้อย่างแม่นยำนั้นไม่เป็นความจริง อีกทั้งผลการตรวจสอบ ปริมาณธาตุโบรอนที่เกินมาตรฐานที่ 10-12 ppm ก็อยู่ในช่วงการวัดที่เครื่องทดสอบทำงานได้อย่างแม่นยำ โดยไม่มีข้อถกเถียง

ณะที่อีกด้านหนึ่ง ความคืบหน้าเรื่องความผิดฐานนอมินี หรือความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นั้น

ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 มาตรา 37 และมาตรา 41 จำนวน 4 หมายจับ ได้แก่ 1.บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายชวนหลิง จาง กรรมการ ในฐานะกรรมการ/ส่วนตัว 2.นายมานัส ศรีอนันท์ 3.นายประจวบ ศิริเขตร 4.นายโสภณ มีชัย ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายชวนหลิง จาน ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คน ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทั้งหมดถูกนำตัวฝากขังต่อศาล

ต่อมา นายชวนหลิง จาง ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์จำนวน 5 เเสนบาท ศาลพิเคราะห์จากการไต่สวนแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นได้รับอนุญาตจากศาล และให้รายงานตัวตามกำหนดนัด

ส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆ นั้น ทนายความของผู้ต้องหาทั้งสามได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ต้องหาทั้งสามคนประกันตัว โดยตีราคาประกันเป็นเงินคนละ 3 แสนบาท

นอกจากนี้ ดีเอสไอยังได้ดำเนินการในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 7 และมาตรา 8 หรือฐานความผิดเกี่ยวกับการฮั้วประมูล ซึ่งดีเอสไออยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงสัญญา 4 ฉบับ ซึ่งประกอบด้วย

1. สัญญาการออกแบบโครงสร้าง (ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมือง ไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ แต่มีบริษัทเอกชนเป็นผู้ออกแบบ)

2. สัญญาควบคุมงาน

3. สัญญาการก่อสร้าง

และ 4.สัญญาการเปลี่ยนแบบ หรือสัญญาขอแก้ไขเพิ่มเติมแบบ ซึ่งคือส่วนควบของสัญญาก่อสร้าง และสัญญาการออกแบบโครงสร้างก็ได้ เนื่องจากมีการแก้แบบระหว่างทาง

ยังต้องใช้เวลาเพื่อหาคำตอบที่ชัดเจนว่าใครบ้างที่จะต้องรับผิดต่อกรณีอาคาร สตง.ถล่ม ก่อนที่จะถึงบทสรุปสุดท้าย ประชาชนต้องช่วยกันจับตามอง