ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | ลึกแต่ไม่ลับ |
ผู้เขียน | จรัญ พงษ์จีน |
เผยแพร่ |
ลึกแต่ไม่ลับ | จรัญ พงษ์จีน
ปฐมเหตุ ข่าว “ปรับครม.”
เข้ากับสุภาษิตที่ว่า “ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้ ไม่มีหนี้เขาไม่ทวง” สถานการณ์ปรับคณะรัฐมนตรีของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” แม้ว่าเมื่อล่าสุด “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” อุตส่าห์ยกกฎ “อนิจจัง” มาตอบคำถามผู้สื่อข่าว หมายดับไฟถึงข่าวลือ
“ความจริงแล้วในโลกล้วนอนิจจัง ไม่ว่าตำแหน่งทุกอย่างหรือแม้แต่ตำแหน่งนายกฯ ก็เช่นกัน ไม่ใช่แค่ตำแหน่งใครคนใดคนหนึ่ง ฉะนั้น เราทำใจให้นิ่งไว้ ตอนนี้ยังไม่คิดปรับอะไร ทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่พอรับฟังความคิดเห็นก็ต้องว่าอย่างไรบ้าง เพราะความจริงแล้วชอบทำงานเป็นทีม ชอบทำงานแบบที่ทำด้วยกัน ไม่ต้องสู้กัน ไม่ต้องไฟต์กันในแต่ละกระทรวง ความจริงไม่ชอบแตกความสามัคคี แต่ทำดีที่สุดแล้วต้องมาดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง สมมุติว่าเกิดอะไรขึ้นเราไปปรับแก้กันตอนนั้น แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไร”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำงานของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ความสามัคคีเป็นอย่างไรบ้าง “นายกฯ อิ๊งค์” ตอบว่า “ถือว่ามีความสามัคคี เมื่อมอบนโยบายใดๆ ทุกคนพยายามทำเต็มที่และเกิดขึ้นจริง แต่เข้าใจหลายๆ กระทรวงที่บางทีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดไว้บางนโยบายหรือบางอย่างอาจจะขรุขระบ้าง อันนี้เข้าใจได้”
สรุป แม้ “แพทองธาร” จะยกกฎอนิจจังแห่งความไม่เที่ยง มาเป็นใบเบิกทางตอบคำถาม เพื่อบ่งบอกทุกสิ่งไม่มีอะไรเที่ยง ไม่มีอะไรยั่งยืนในหมู่มนุษย์ ทุกอย่างย่อมมีความแปรปรวน อย่าว่าแต่รัฐมนตรีเลย แม้แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ดำเนินตามกฎอนิจจัง ตั้งอยู่บนความไม่เที่ยง คือเปลี่ยนแปลงได้
“แต่ตอนนี้ยังไม่คิดปรับอะไร” อย่างไรก็ตาม ดังที่บอกไว้ข้างต้นว่า “ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้” เรื่องที่เล่าๆ ลือๆ กันเกี่ยวกับประเด็นปรับคณะรัฐมนตรี ต้องมีมูลความจริงอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นอยู่ดีๆ จะมีคนพูดกันมาตลอดได้อย่างไร และที่สำคัญ ส่วนใหญ่เชื่อว่า “จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีมากกว่าไม่ปรับ”
สำหรับข่าวลือปรับ ครม. “อุ๊งอิ๊ง 2” เริ่มหึ่งตั้งแต่เสร็จศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ คิดว่าจะอยู่ร่วมด้วยกันลำบาก เนื่องจากความขัดแย้งของ 2 พรรคการเมืองใหญ่คือ “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” ที่มองต่างมุมไม่ลงรอยกัน แสดงออกถึงตรรกะที่แปลกๆ ในหลายกรณี ส่อเค้าเล่าอาการว่าจะไปด้วยกันลำบาก
ช่วงที่เบอร์ 1 กับเบอร์ 2 เขม็งเกลียวกันหนัก เกือบจะทุกเรื่อง “นิด้าโพล” ทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่องความขัดแย้งระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อถามความคิดเห็นต่อความขัดแย้งในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาของคู่กรณี ร้อยละ 38.85 ระบุว่า ขัดแย้งกันจริง แต่ไม่ค่อยจริงจังเท่าไร ร้อยละ 32.91 ระบุว่า มีความขัดแย้งกันอย่างจริงจังพอสมควร ร้อยละ 17.40 ระบุว่า ไม่มีความขัดแย้งกันเลย ร้อยละ 10.38 ระบุว่า ขัดแย้งกันอย่างจริงจังมาก
แต่ “บทสรุป” ความเห็นของประชาชนต่อความขัดแย้งระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทย ร้อยละ 38.09 ระบุว่า ท้ายที่สุดสองพรรคจะอยู่กันได้และยุติความขัดแย้ง ร้อยละ 37.40 ระบุว่า ความขัดแย้งจะมีต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังอยู่ในรัฐบาลร่วมกันเหมือนเดิม ร้อยละ 10.31 ระบุว่า มีการปรับคณะรัฐมนตรี ดึงกระทรวงสำคัญออกจากภูมิใจไทย
“นิด้าโพล” แม่นฉมังมาก ก่อนเทศกาลสงกรานต์ไม่กี่วัน มีรายการ “ตบจูบ” เกิดขึ้นจริง เมื่อ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ -มท.1 ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาเปิดเผยกับกองทัพผู้สื่อข่าวด้วยตั้งใจและเจตนา เพื่อดับข่าวลือว่า “ก่อนสงกรานต์ไปรับประทานอาหารกับบิดานายกฯ คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า กับเพื่อนชาวต่างชาติ ซึ่งรู้จักกัน ตัวเองจึงชวนไปกินข้าวด้วย ไม่มีเรื่องการเมือง มีแต่คุยเรื่องส่วนตัว”
ข่าวคราวว่าด้วยการปรับ ครม.เพดานเลยลด จากปรับใหญ่เขี่ยภูมิใจไทยทิ้ง เหลือแต่สูตร “ปรับเล็ก” ยอดเพียงสี่ซ้าห้าตำแหน่ง และส่วนใหญ่เป็นของพรรคเพื่อไทย กับพรรคร่วมบางพรรค
แต่คาดหมายกันว่า จะยกเครื่องปรับหลังการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ผ่านวาระแรกที่จะพิจารณากันในวันที่ 28-30 พฤษภาคม 2568 ให้เป็นที่เรียบร้อยก่อน จุดลงตัวน่าจะกลางเดือนมิถุนายน
รัฐมนตรีที่มีชื่ออยู่ในโผว่าจะโดนปรับออก จึงพอมีเวลาได้หายใจ ได้พิสูจน์ฝีมือกู้ชื่อชั้นอีกระยะ แต่แล้วจู่ๆ เกิดมหกรรมเขย่าต้นมะม่วง ลูกที่สุก แม้จะไม่ถึงกับงอม ทำท่าจะเกิดอาการร่วงหล่นจากต้นเร็วขึ้น
เมื่อ “นิด้าโพล” ออกมาเปิดเผยผลสำรวจล็อตล่าสุด ระหว่างวันที่ 20 เมษายน กับความคิดเห็นของประชาชน “ต้องการปรับคณะรัฐมนตรี” พบว่า ต้องปรับ ครม.โดยเร็วที่สุดร้อยละ 48.24 ร้อยละ 16.18 เท่านั้นระบุว่าไม่จำเป็นต้องรีบปรับ
กับคำถามที่ว่า รัฐมนตรีกระทรวงไหนที่ประชาชนอยากให้ปรับมากกว่าไม่ปรับ “แชมป์” ปรากฏว่ากระทรวงพาณิชย์ที่ “เสี่ยแดง-พิชัย นริพทะพันธุ์” นั่งรัฐมนตรีว่าการ คว้าพุงปลามันไปกิน ควรปรับเปลี่ยนร้อยละ 57.02 ไม่ควรปรับเปลี่ยนร้อยละ 41.60
ตามด้วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ “อาจารย์แหม่ม-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” นั่งว่าการ ร้อยละ 48.55 เห็นควรปรับ ไม่ปรับร้อยละ 49.47 จี้ตูดมาติดๆ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร้อยละ 46.49 กับ 51.98 ตามด้วยสำนักนายกฯ กับกระทรวงแรงงาน
ปฐมเหตุที่กระทรวงพาณิชย์ กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีบัญชีชื่อติดเบอร์ต้นๆ ให้ปรับออกจากผลสำรวจของนิด้าโพล ห้องเครื่องน่าจะมาจากประชาชนส่วนใหญ่มองว่า ราคาพืชผลทางการเกษตรตัวหลักๆ ของไทย ไม่ว่าจะเป็นยางพาราคา ปาล์มน้ำมัน ข้าว ราคาตกต่ำ หาตลาดใหม่ๆ เพิ่มไม่ได้ “อาจารย์แหม่ม” เลยโดนจับแพ็กคู่ติดไปเป็นหมายเลขสอง
ขณะที่ “2 พิชัย” นอกจากจะมีชื่อติดทำเนียบนามที่ชาวบ้านอยากให้ปรับออกแล้ว ยังเป็น “แฝดสยาม” ที่ “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ มอบหมายให้เป็นทูตไมตรี “ทีมไทยแลนด์” เดินทางไปเจรจาแก้ปัญหากำแพงภาษีกับสหรัฐ และเพิ่งจั่วลมเพราะอีกฝ่ายเทคิวทิ้ง เลื่อนโปรแกรมไปปีมะโว้
ฉบับหน้าตามไปดูสูตรปรับใหญ่
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022