ถ้าเพื่อไทย จะยึดมหาดไทยคืน แสดงว่าใกล้เลือกตั้งใหม่ MatiTalk รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ อ่านเกมน้ำเงินขี่แดง ระวังสีเขียว!

รายงานพิเศษ

 

ถ้าเพื่อไทย จะยึดมหาดไทยคืน

แสดงว่าใกล้เลือกตั้งใหม่

MatiTalk รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์

อ่านเกมน้ำเงินขี่แดง ระวังสีเขียว!

 

“ความนิยมของคุณแพทองธาร ชินวัตร ถ้าเทียบกับคุณเศรษฐา ทวีสิน จะเห็นได้ว่าระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน คุณเศรษฐาเริ่มตั้งแต่พฤษภาคม ถึงกรกฎาคม 2567 ตลอดระยะเวลา 7 เดือน จะเห็นว่าในช่วงแรกๆ คนไทยให้ความนิยมคุณเศรษฐาเริ่มตั้งแต่ 5.7 เรื่อยมาถึง 4.47 คะแนนตกมาตลอดจนถึงกลางเดือนสิงหาคมเหลือเพียง 4.6 จากนั้นคุณอุ๊งอิ๊งเข้ามา ถ้าเราดูตามตัวเลขคะแนนดัชนีการเมืองไทยที่ประชาชนทั่วประเทศไทยตอนเริ่มอาจจะน้อยกว่าคุณเศรษฐา เริ่มจาก 5.12 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเดือนมีนาคม 5.01 เริ่มลดลง” รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานที่ปรึกษาอธิการบดี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต มองผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองของ น.ส.แพทองธารใกล้ครบ 1 ปีในการดำรงตำแหน่งนายกฯ จากตอนต้นจนถึงปัจจุบัน ผ่านรายการ MatiTalk ของมติชนสุดสัปดาห์

รศ.ดร.สุขุมระบุว่า ถ้าเราดูความนิยมจะเห็นว่ามีสถานการณ์ที่ส่งผลต่อคะแนน เช่น เรื่องของความนิยมต่อตัวคุณอุ๊งอิ๊ง ต่อรัฐบาลหรือพรรคร่วมรัฐบาลรวมถึงฝ่ายค้านที่อาจจะเข้มแข็งขึ้น ก็จะทำให้คะแนนของคุณอุ๊งอิ๊งลดลง ตรงนี้มีปัจจัยมาจากสถานการณ์ภายใน

ส่วนสถานการณ์โลกเป็นส่วนหนึ่งตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามา ปัญหาต่างๆ ถ้าแก้ได้หรือใช้คำพูดบอกทิศทางว่าจะไปอย่างไรก็มีผลต่อคะแนน แต่คะแนนที่มันจะผกผันมากโดยขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่อยู่ในแต่ละเดือนที่ผ่านมา เช่น แจกเงินหมื่น หรือมีผลกระทบทางการเมืองอย่างพรรคร่วมไปทำเสีย หรือว่าคนที่คอยหนุนหลังทำเสียก็อาจจะทำให้คะแนนลดลง

แต่สิ่งหนึ่งต้องคำนึงว่าคุณเศรษฐาเข้ามาไม่ได้มีคนคอยหนุนหลัง แต่กรณีของคุณอุ๊งอิ๊งอาจจะบอกว่ามีคนคอยหนุนหลังเต็มๆ คือคุณทักษิณ ชินวัตร ดังนั้น คะแนนต่างๆ มันก็ผกผันกันซึ่งกันและกัน ถ้าคุณทักษิณทำดีคะแนนก็ขึ้น แต่ถ้าไม่ดีมันก็มาฉุดเช่นกัน

สิ่งที่สำคัญถ้าเราลองเปรียบเทียบบทบาทของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ในช่วงรัฐบาลเศรษฐากับในช่วงอุ๊งอิ๊ง ถ้าดูภายนอกเหมือนกับคุณอนุทินเอาใจใส่คุณอุ๊งอิ๊งมากกว่า

ถ้าจะบอกว่าสถานการณ์ตอนคุณเศรษฐามันง่าย เพราะตอนนั้นภูมิใจไทยอาจจะยังไม่ตั้งตัว แต่ถึงสมัยนี้เป็นลักษณะที่ว่าภูมิใจไทยก็แข็ง เขามีแต้มต่อเยอะ ฉะนั้น การที่จะต่อรองเรื่องราวต่างๆ ไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อน

นอกจากนี้ หลายๆ คนยังมองต่อไปบอก ถ้าอย่างนั้นเพื่อไทยก็รวมกับพรรคประชาชนเสีย แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะทุกฝ่ายมีเรื่องของการต่อรองกัน เรื่องผลประโยชน์มันนำเรื่องของศักดิ์ศรีพรรคการเมืองมาเกี่ยวข้องด้วย

เมื่อก่อนนี้พรรคการเมืองเรื่องของศักดิ์ศรีเป็นจุดขาย เพราะเขาคิดว่าคงจะได้อยู่นาน แต่ตอนนี้มันไม่แน่นอนเพราะว่าแรงเสียดทานต่างๆ มันทำให้เกิดความเสี่ยงเยอะ

หมายความว่าพรรคการเมืองเมื่อก่อนคิดเป็นการลงทุนระยะยาว ลงทุนครั้งนี้เพื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป

แต่ในปัจจุบันมันลงทุนระยะสั้น ถ้าพลาดไปก็อาจจะได้หรือไม่ได้

การลงทุนทางการเมืองปัจจุบันจึงพูดคำว่าคุ้มกับไม่คุ้ม มากกว่าการที่จะพูดว่าไประยะยาวได้ไหม

 

การเมืองฝ่ายรัฐบาล

จะนำไปสู่ขั้นแตกหักหรือไม่

จะแตกหักหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณอุ๊งอิ๊ง หรือคุณอนุทิน แต่ขึ้นอยู่กับคุณทักษิณกับคุณเนวิน ชิดชอบ จะเห็นได้ว่าการที่ลูกชายคุณเนวินพูด แล้วแนะนำว่าตัวเองเป็นลูกชายใครในสภา เปรียบเหมือนการประกาศตัวว่ารู้ไหมกูลูกใคร? ตรงนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกออกมาในลักษณะที่ว่าทั้งๆ ที่รู้แล้ว แต่ก็ขอย้ำว่าเป็นลูกใคร และไม่ใช่หมูต่อไป

แม้กระทั่ง ณ วันนี้ที่พูดถึงเรื่องของการแลกกระทรวงก็ยังไม่จบ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจกันตั้งแต่แรกแล้ว การแบ่งกระทรวงตอนนั้นจำเป็นต้องแบ่งในลักษณะนั้นเพื่อขอให้จัดตั้งรัฐบาลได้

แต่ปัจจุบันนี้ถ้าพูดเรื่องศักดิ์ศรีมันน้อยลง แต่ผลประโยชน์มาเป็นตัวนำ ซึ่งการที่มีผลประโยชน์ตัวนำ เพราะว่ารัฐบาลเริ่มที่จะบอกว่าไม่ได้อยู่ครบเทอมจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ได้ ประเด็นตรงนี้แม้ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็สงวนท่าทีกันอยู่

แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยเมื่อถึงสถานการณ์คับขัน เกิดการชิงดีชิงเด่นกันมากและความแตกแยกทางการเมืองสูง ทหารจะปรากฏตัว

ซึ่งตอนนี้อาจเงียบและหลายคนบอกว่าทหารไม่มีพลังต่อรอง กลายเป็นขั้วที่อาจจะบอกว่าเป็นฝ่ายอนุรักษนิยม แต่แท้จริงแล้วต้องไม่ลืมว่าทหาร แม้จะบอกว่าเป็นฝ่ายอนุรักษ์ แต่ในฝ่ายอนุรักษ์จะมีทั้งพวกที่เห็นด้วยกับการปฏิวัติเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างหนึ่ง

ถ้าถามทำไมตอนนี้ไม่มีการพูดเรื่องนี้ อาจจะบอกว่าทหารก็เงียบ แต่ความเงียบตรงนี้อย่าไปมองทหารแค่ลุงป้อม-ลุงตู่เท่านั้น ทหารรุ่นใหม่เหล่านี้เขาคิดอย่างไร ผมว่าควรต้องฟังกระแสเหล่านี้

อย่าไปบอกเด็ดขาดยุคนี้สมัยนี้ไม่มีแล้วปฏิวัติ ไม่มีใครเชื่อหรอกครับ ลองให้ทะเลาะกันมากๆ ขึ้นในระยะหลังพอถามประชาชนเริ่มมีเสียงสะท้อนการเมืองยุ่งขนาดนี้แบ่งผลประโยชน์กันอย่างนี้ไม่ได้ทำเพื่อบ้านเมืองหรือประชาชน ก็ให้ทหารมาและไปเริ่มมองว่าสมัยลุงตู่ดีกว่า

เพราะฉะนั้น ประเด็นเหล่านี้ถ้าบอกว่าพรรคการเมืองทั้งแดง-ทั้งน้ำเงินคิดไหม เขาคิดนะครับ แต่การจะอิงแอบการเมืองในลักษณะของที่ไปซุกกับทหารมันไม่ชัดเจน อาจจะไม่มีลักษณะเด่นหรือเปล่า หรืออาจจะมองเชิงบวกทหารก็ไม่เอา ก็ขอปลอดการเมือง อย่างไรก็ตาม การมองในเชิงลบเราก็ไม่ควรจะมองข้าม

เรื่องของการยุบสภาเช่นกัน การที่จะบอกว่าอยู่ครบเทอมเป็นสิ่งที่พูดปลอบไว้ก่อน หลอกให้ฝ่ายหนึ่งตายใจ แต่ตอนหลังบอกถึงเวลาแล้ว เข้ามา 8 เดือนแล้วควรจะปรับ ครม. ทำให้เริ่มมีการตื่นตัว

แต่การที่จะบอกว่าปรับ ครม.เหล่านี้คิดว่าพรรคภูมิใจไทยสะเทือนไหม ผมว่าไม่สะเทือนหรอกเขารู้เชิงกันอยู่ เพราะการยุบสภามีแต่เสียกับเสียของทั้ง 2 พรรคไม่มีอะไรที่จะโดดเด่น การปรับ ครม.เป็นการโยนหินถามทางอย่างหนึ่ง เพื่อก่อให้เกิดการต่อรองในคนที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีครั้งนี้อาจจะมีแรงผลักดันหรือว่าอาจจะบอกว่าปรับ ครม.

การแลกกระทรวงครั้งนี้ทำไมไม่มีกระแสกระทรวงใหญ่ๆ อย่างเช่น กระทรวงคมนาคมหรือกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นเป้าใหญ่ อาจมาจากการตรวจสอบของสื่อมวลชนกรณีเรื่องของทุจริตโดยเฉพาะ อย่างตึกถล่มค่อนข้างฟันธง พูดตรงๆ นักการเมืองกินยากขึ้น คอร์รัปชั่นยากขึ้น เพราะว่ามีการจับตามองตลอด จึงเห็นได้ว่าเราจะไม่เห็นการต่อรองของกระทรวงที่เป็นกระทรวงขนมหวานและกระทรวงที่มีผลประโยชน์มหาศาล

แต่จะมองไปทางเลือกของกระทรวงที่เป็นเรื่องของอำนาจ การวางฐาน อย่างกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะพูดถึงเรื่องการเลือกตั้ง การที่ดูแลท้องถิ่นทั้งหมด

ถ้าพูดถึงการแลกกระทรวงแล้วบอกเพื่อไทยเอามหาดไทยไป ผมว่ายากเพราะกระทรวงมหาดไทยถือว่าเป็นการเปิดไพ่ใบสุดท้าย แสดงว่าจะเลือกตั้งใหม่

 

ความเป็นไปได้

ที่เพื่อไทยแยกกับภูมิใจไทย

ประเด็นนี้เพื่อไทยคิดหนัก แต่อย่าลืมว่าเพื่อไทยก็คือเพื่อไทย แล้วพรรคประชาชนก็อย่ามองข้าม อย่าคิดว่าพรรคประชาชนไม่สามารถที่จะร่วมรัฐบาลได้ มันไม่มีอะไรแน่นอนเลยสำหรับเมืองไทย เพราะฉะนั้น สิ่งนี้ผมคิดว่าอย่ามองข้าม

ถ้าดูลึกๆ จริงๆ เพื่อไทยกับพรรคประชาชนมันมีอะไรที่ลึก แล้วก็เป็นสิ่งที่พรรคประชาชนก็เรียนรู้เรื่องของการเมืองมาพอสมควร

ถ้าภูมิใจไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล คุณคิดว่าบทบาท ส.ว.จะเด่นชัดมากขึ้นกว่านี้ กฎหมายอะไรที่รัฐบาลจะเสนอถึงแม้คะแนนเสียงใน ส.ส.จะผ่าน แต่ถ้าพรรคภูมิใจไทยมาเน้นบทบาททาง ส.ว. กฎหมายอะไรสำคัญก็ไม่ผ่านตรงนั้น มันจะเกิดอะไรขึ้น

เพราะฉะนั้น การที่เพื่อไทยจะสลัดภูมิใจไทยก็ติดอยู่ตรงกับเรื่องของ ส.ว. เรื่องเสียงอื่นๆ รวมได้อยู่แล้ว แต่หากคิดว่างั้นก็ยุบสภาเลือกตั้งใหม่มันก็ไม่พร้อม ตอนนี้ก็ชิงไหวชิงพริบกันได้เปรียบเสียเปรียบ แต่อย่าลืมนะครับทุกครั้งที่ชิงไหวชิงพริบได้เปรียบเสียเปรียบอย่าลืมกลุ่มทหาร

ถ้าเกิดอะไรวุ่นวายขึ้นมา เขาก็อาจมา แต่ตอนนี้สถานการณ์สุกแต่ยังไม่งอม

ถ้าสุกและงอมเมื่อไหร่สิ่งที่ไม่เคยมีหรือคาดว่าไม่มีแล้วเป็นประชาธิปไตยเต็มที่แล้ว ผมไม่เชื่อครับ

 

น้ำเงินกับแดงใครขี่ใคร

ถ้าเมื่อก่อนนี้คุณเนวินไม่เปิดบทบาทก็ต้องบอกว่าเพื่อไทย หรือคุณทักษิณขี่ แต่ตอนนี้คุณเนวินประกาศตัวเต็มที่ ลูกชายประกาศเต็มที่ คุณอุ๊งอิ๊งต้องไปสนามเนวิน ตอนนี้จริงๆ แล้วคุณเนวินเริ่มขี่โดยที่ว่าคุณเนวินก็สั่งภูมิใจไทยได้อยู่แล้ว แต่การขี่ลักษณะนี้มันขี่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยในช่วงแรก แต่เมื่อลูกชายคุณเนวินพูดเป็นเรื่องค่อนข้างจะแตกหัก

เราย้อนดูว่ากรณีของกัญชามันจบลงด้วยอะไรผลประโยชน์เป็นอย่างไร กาสิโนครั้งนี้มันจะจบลงอย่างไร ตรงนี้ผมว่าคนไทยก็ต้องดู ถ้าผลประโยชน์มันแลกกันได้ก็เสวยสุขกันทั้ง 2 พรรค

การจะลงตัวกันตรงนี้ถ้าพูดกันตามวิธีการที่แสดงออกตัวนี้ก็คุณเนวินเขาก็เหนือกว่าคุณทักษิณ

ซึ่งก็ต้องดูลูกเล่นต่อไปคืออะไร ทางภูมิใจไทยเขามีตัวเล่นในมือมากกว่าคุณเนวินเป็นตัวเล่น และใครอีกล่ะที่เป็นตัวเล่น ทางฝั่งเพื่อไทยคุณทักษิณเล่น แต่คุณอุ๊งอิ๊งไม่ได้เล่น

 

“มันจบแล้วครับนาย”

จะเกิดภาค 2 ขึ้นอีก?

“มันจบแล้วครับนาย” ตอนนี้มันก็เหมือนก็จบอยู่แล้ว เพราะตอนนั้นมันไม่ใช่จบแค่อย่างเดียว แต่คุณเนวินเคยพูดถึงเรื่องของการรับใช้ แต่ถามตอนนี้คุณเนวินรับใช้คุณทักษิณหรือเปล่า ไม่มี ถ้าสังเกตทีท่าที่คุณเนวินนำคุณอุ๊งอิ๊งชมสนามกีฬา บทบาทในระยะต่างๆ ตรงนั้นบารมีที่โดดเด่นระหว่างคุณคุณอุ๊งอิ๊งกับคุณเนวิน คือใคร

การที่คุณเนวินพูดเรื่อง entertainment complex บทบาทที่น่าศึกษาอย่างยิ่งในตอนนี้คือคุณทักษิณกับบทบาทของคุณเนวินตกลงแล้วใครขี่ใคร?

คุณเนวินก็เริ่มมีบารมี ไม่ได้มีแค่ ส.ส. แต่ ส.ว.เนวินก็สั่งได้ ลักษณะแบบนี้จึงเป็นการขึ้นอยู่กับว่าคุณทักษิณจะยอมเป็นลูกน้องคุณเนวินในบางเรื่อง ได้เป็นเจ้านายคุณเนวินบางเรื่อง มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเนวินจะให้มาเป็นเจ้านายบางเรื่องไหม ดูเหมือนจะไม่ให้เลย แต่คุณทักษิณจะยอมมาเป็นลูกน้องบางเรื่องของคุณเนวินได้ไหม

แต่ถ้านิสัยจริงๆ แล้วคุณทักษิณก็ไม่ยอม แต่ทำเพื่อลูกอาจจะยอมก็ได้นะครับ

ชมคลิป

https://www.youtube.com/@MatichonWeekly