
ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
บทความต่างประเทศ
สิ้นพระสันตะปาปาฟรานซิส
สู่กระบวนการเลือกโป๊ปองค์ใหม่
แม้ว่าจะมีข่าวการประชวรหนักของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ผู้นำคริสตจักรโรมันคาทอลิก ในช่วงก่อนหน้านี้
แต่ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 เมษายน พระองค์ยังปรากฏพระองค์ที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ในนครวาติกัน เพื่ออวยพรให้กับฝูงชนเนื่องในวันอีสเตอร์ หลังจากเพิ่งเสด็จออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 23 มีนาคม
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 21 เมษายน สำนักวาติกันได้แถลงข่าวสะเทือนใจต่อชาวคริสต์ทั่วโลกว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้สิ้นพระชนม์อย่างสงบ ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา
พระองค์ทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกจากทวีปอเมริกาใต้ (อาร์เจนตินา) และทรงดำรงตำแหน่งผู้นำคริสตจักรองค์ที่ 266 นานถึง 12 ปี
ท่ามกลางภารกิจและการปฏิรูปศาสนจักรที่มีทั้งเสียงชื่นชมและเสียงคัดค้าน
ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปา กระบวนการอันเคร่งครัดและสืบทอดกันมายาวนานในการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่จะเริ่มต้นขึ้น
โดยพระคาร์ดินัลจากทั่วโลกจะเดินทางมายังกรุงโรม เพื่อเข้าร่วมการประชุมทั่วไป ซึ่งเป็นเวทีหารือเกี่ยวกับภารกิจของศาสนจักร รวมถึงกำหนดคุณลักษณะของพระสันตะปาปาองค์ใหม่
พระคาร์ดินัลที่มีอายุตั้งแต่ 80 ปีขึ้นไป จะสามารถเข้าร่วมการประชุมทั่วไปได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ในการออกเสียงเลือกตั้ง
ส่วนการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่จะเกิดขึ้นในการประชุมลับที่เรียกว่า “คอนเคลฟ” (Conclave) ซึ่งจำกัดเฉพาะพระคาร์ดินัลที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปีเท่านั้น
โดยปัจจุบันมีผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนราว 120 องค์
ซึ่งการประชุมลับเพื่อเลือกพระสันตะปาปา กำหนดให้มีขึ้นได้ ช้าสุดไม่เกิน 20 วันหลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปา
โดยการประชุมลับจะจัดขึ้นที่โบสถ์น้อยซิสทีน ที่บรรดาพระคาร์ดินัลราว 120 องค์ที่อายุต่ำกว่า 80 ปีจะเข้าพัก ในห้องพักรอบๆ โบสถ์
และทั้งหมดจะนั่งรถบัสเพื่อไปลงคะแนนเสียงที่โบสถ์น้อยซิสทีน ที่ถูกปิดตายเอาไว้
บรรดาพระคาร์ดินัลจะต้องห้ามติดต่อกับโลกภายนอกทั้งหมด ไม่ให้ใช้โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต หรือแม้แต่อ่านหนังสือพิมพ์ เพื่อไม่ให้มีการแทรกแซงใดๆ และไม่ให้มีการเร่งตัดสินใจ
โดยจะมีตำรวจวาติกันเข้ามารักษาความปลอดภัยทางอิเล็กทรอนิกส์ให้
โดยปกติ ในวันแรกของการประชุมลับ จะมีการลงคะแนนเพียงครั้งเดียว หากยังไม่ได้ข้อสรุป จากนั้น ในแต่ละวันจะมีการลงคะแนนได้สูงสุดถึง 4 ครั้ง
การเลือกตั้งจะสิ้นสุดคือเมื่อมีผู้ได้คะแนนเสียง 2 ใน 3 จึงจะถือว่าได้รับเลือกตั้ง
หากเลือกไปแล้ว 3 วัน ยังไม่มีใครได้ ก็จะต้องหยุดการลงคะแนนชั่วคราวสูงสุด 1 วัน แล้วกลับมาลงคะแนนใหม่
แต่หากลงไปอีก 7 ครั้ง แล้วยังไม่ได้อีก ก็ต้องหยุดอีก
แต่หากผ่านราว 12 วัน หรือ 33 รอบ ยังไม่มีใครได้รับเลือก ก็จะต้องมีการเลือกใหม่ โดยจำกัดตัวเลือกให้เหลือเพียงผู้สมัคร 1 คนที่ได้คะแนนสูงสุด และจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อได้คะแนนเสียง 2 ใน 3
ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความเป็นเอกภาพ และขัดขวางผู้สมัครที่พยายามหาทางประนีประนอมเพื่อให้ได้รับชัยชนะ
เมื่อที่ประชุมได้พระสันตะปาปาองค์ใหม่แล้ว พระคาร์ดินัลผู้ที่ได้รับเลือกจะถูกถามว่า “ยอมรับตำแหน่งหรือไม่” และต้องระบุว่า จะทรงใช้พระนามใด
หากพระคาร์ดินัลปฏิเสธที่จะรับตำแหน่ง การลงคะแนนต้องเริ่มต้นใหม่ทันที
โดยการลงคะแนนแต่ละครั้ง หากยังไม่ได้ข้อสรุปในการเลือกตั้ง บัตรลงคะแนนจะถูกเผา โดยควันที่เผากระดาษที่ออกจากปล่องไฟของโบสถ์ซิสทีน จะออกมาเป็น “สีดำ” แปลว่า ยังไม่มีข้อสรุป
แต่หากการลงคะแนนได้ข้อสรุปว่า ได้พระสันตะปาปาองค์ใหม่แล้ว จะมีการเผากระดาษด้วยสารเคมีพิเศษ ที่ทำให้ “ควันสีขาว” ออกมาจากปล่องไฟโบสถ์น้อยซิสทีน แปลว่า โลกได้พระสันตะปาปาองค์ใหม่แล้วนั่นเอง
โดยพระคาร์ดินัลผู้มีอาวุโสสูงสุดในกลุ่ม “พระคาร์ดินัลระดับสังฆานุกร” ซึ่งปัจจุบันคือ พระคาร์ดินัลโดมินิก ม็องแบร์ตี ชาวฝรั่งเศส จะก้าวขึ้นไปยังระเบียงกลางของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เพื่อประกาศต่อฝูงชนในจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ด้วยคำว่า : “Habemus Papam” ซึ่งเป็นภาษาละตินที่แปลว่า “เรามีพระสันตะปาปาแล้ว”
จากนั้นพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่จะเสด็จออกมายังระเบียง และประทานพรแก่คริสต์ศาสนิกชนเป็นครั้งแรก ในนามขององค์ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก
เครดิตภาพ “เอพี”
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022