ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
ในระบอบการเมืองที่ “อปกติ-ผิดเพี้ยน” ของสังคมไทยร่วมสมัย “ความชอบธรรม” ของพรรคการเมืองใหญ่ๆ นั้นสามารถถูก “ดูดกลืน” จนหายพร่องไปได้อย่างง่ายดายมาก (เช่นเดียวกับการยุบพรรคการเมือง)
ยกตัวอย่างเช่น “พรรคพลังประชารัฐ” ซึ่งเคยต่อสู้กับ “พรรคเพื่อไทย” ได้อย่างสูสีใกล้เคียง และอยู่เหนือ “พรรคอนาคตใหม่” ในการเลือกตั้งปี 2562
อย่างไรก็ดี หลังจาก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรอบสอง ทั้งยังเป็นนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง มีพรรคการเมือง มี ส.ส.หนุนหลัง
“ความชอบธรรมทางการเมือง” ของ พล.อ.ประยุทธ์ กลับละลายสลายไปอย่างมหาศาลภายในเวลาสี่ปี
สลายไปพร้อมกับการขัดขืนเจตจำนงของประชาชนที่แสดงออกผ่านบัตรเลือกตั้ง และการขัดขวางไม่ให้พรรคการเมืองที่มี ส.ส.มากที่สุด ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
สลายไปพร้อมกับการเป็นรัฐบาลที่มีภารกิจหลักในการแช่แข็ง-เหนี่ยวรั้งประเทศ และชะลอความเปลี่ยนแปลงเอาไว้ จนไม่ทันการณ์กับความพลิกผันของโลกภายนอก และไม่เท่าทันปัจจัยภายในประเทศหลายประการที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
จึงไม่แปลกที่พรรคพลังประชารัฐภายใต้การนำของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” และ “พรรคร่วมไทยสร้างชาติ” ที่ชู พล.อ.ประยุทธ์ จะประสบความล้มเหลวและย่อขนาดลงอย่างมหาศาลในการเลือกตั้ง 2566
ในทางตรงกันข้าม “พรรคเพื่อไทย” ที่ชนะการเลือกตั้ง 2562 แต่ไม่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล และต้องหันไปสวมบทแกนนำฝ่ายค้าน ก็ค่อยๆ สูญเสีย “ความชอบธรรม” ของตัวเอง ในการเป็นผู้นำขบวนการต้านทาน “ระบอบประยุทธ์” และ “แผงอำนาจนอกระบบ”
เมื่อสังคมรู้สึกว่าเพื่อไทยสู้ได้ไม่เด็ดขาดหนักแน่นเท่าที่ควร ไม่มีเจตจำนงอยากเปลี่ยนแปลงประเทศมากเท่าที่ควร หรือรู้สึกว่ามีพรรคการเมืองอื่นที่สู้มากกว่าและมีเจตจำนงกล้าแข็งกว่าเพื่อไทย
ผลลัพธ์ต่อเนื่องจึงกลับกลายเป็นว่าในการเลือกตั้ง 2566 เพื่อไทยต้องประสบความพ่ายแพ้แบบพลิกล็อกให้แก่อดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่าง “ก้าวไกล”
จนนี่เป็นเหมือน “คำสาปอาถรรพ์” ที่พรรคการเมืองใหญ่ๆ ซึ่งมีภาพลักษณ์เป็น “ตัวแทน” หรืออย่างน้อยก็มีท่าทีสยบยอม-อ่อนข้อต่อ “ระบอบอำนาจ” ที่ขัดฝืนความเปลี่ยนแปลง มักหลีกหนีไปไม่พ้น
หากประเมินจากสภาพการณ์ปัจจุบัน ก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยว่า “พรรคเพื่อไทย” อาจต้องเจอ “คำสาปซ้ำสอง”
เมื่อหลังการเลือกตั้ง 2566 เพื่อไทยได้พลิกมาเล่นบทเหมือนพลังประชารัฐเมื่อปี 2562 คือเป็นพรรคแพ้เลือกตั้งที่ได้โอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ผ่านยุทธการข้ามขั้วไปหลอมรวมกับแผงอำนาจชุดเดิม
กระนั้นก็ดี เวลาผ่านไปสองปี “รัฐบาลเพื่อไทยในทศวรรษ 2560” กลับยังทำงานได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันมากนัก หรือยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าความคาดหวังของตัวเองและของประชาชน
สภาพเศรษฐกิจในประเทศไม่กระเตื้องขึ้น มิหนำซ้ำยังดูเซื่องซึมลงตามลำดับ
ประเทศไทยมีที่ทาง “ไม่ดีนัก” ในภูมิรัฐศาสตร์-ภูมิเศรษฐศาสตร์โลก ซึ่งมหาอำนาจสองขั้วกำลังฟาดฟันกันอย่างดุเดือด
พูดอีกอย่าง คือ รัฐไทยยังไม่เข้าใจและเข้าไม่ถึง “โดนัลด์ ทรัมป์” ขณะเดียวกัน บ้านเมืองของเราก็ต้องแบกรับผลกระทบด้านลบจากธุรกิจ “จีนเทา” และอุตสาหกรรม “ศูนย์เหรียญ” หลายแขนง
รัฐบาลขยับเขยื้อนงานบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างยากลำบาก เพราะติดขัดกับอุปสรรคของระบบราชการที่แข็งแกร่ง กว้างใหญ่ไพศาล พันลึก แต่เคลื่อนตัวช้า แถมยังคุมพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคไม่ได้ และยังผลักดัน “โครงการทางเศรษฐกิจใหญ่ๆ” ของตนเองไม่สำเร็จ (ไม่ต้องกล่าวถึง “โครงการทางการเมือง”)
หากประเทศไทยภายใต้การนำของ “รัฐบาลเพื่อไทย” ยังมีสภาพเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ก็น่ากังวลว่า ในการเลือกตั้งหนหน้า ชะตากรรมของพรรคเพื่อไทยจะหมุนวนไปซ้ำรอยพรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติเมื่อปี 2566 หรือไม่?
พรรคเพื่อไทยจะสามารถกอบกู้ “ความชอบธรรมทางการเมือง” กลับคืนมาได้ ก็ด้วยการสร้างผลงานใหญ่ด้านใดด้านหนึ่งให้เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนต่อสาธารณชน
หรืออย่างน้อยที่สุด เพื่อไทยต้องแสดง “อำนาจ” ว่า สามารถกำกับรัฐราชการได้ ชี้นำพรรคร่วมรัฐบาลได้ และคุมเกมการเมืองได้ หมายถึงเกมส่วนใหญ่อยู่ในการตัดสินใจของฝั่งเพื่อไทย
ถ้าทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลย ก็ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์อะไรที่เพื่อไทยจะถอยหลังลงไปอย่างต่ำๆ อีก “หนึ่งระดับ” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
เมื่อนั้นแหละที่คนของเพื่อไทยจะได้ตระหนักว่า การยอมจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว และการละเมิดสัญญาประชาคมที่ให้ไว้ในช่วงหาเสียง นั้นมี “ราคาต้องจ่าย” แพงเพียงใด •
ของดีมีอยู่ | ปราปต์ บุนปาน
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022