‘ละครจักรๆ วงศ์ๆ’ ในมือ ‘สามเศียรรุ่นสอง’ ‘สยาม-สยม สังวริบุตร’

คนมองหนัง

หมายเหตุ : “สยาม (หลุยส์)-สยม (ลอร์ด) สังวริบุตร” คือบุตรชายสองคนของ “ไพรัช สังวริบุตร” ที่ทำงานผลิตละครโทรทัศน์ในนามเครือ “ดาราวิดีโอ-ดีด้า-สามเศียร” ร่วมกับช่อง 7 มาต่อเนื่องยาวนาน

ภารกิจหลักสำคัญล่าสุดของทั้งคู่ ก็คือการเข้ามาดูแลผลิตภัณฑ์ “ละครโทรทัศน์แนวจักรๆ วงศ์ๆ” ซึ่งไพรัชผู้พ่อบุกเบิกเอาไว้ ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีและพฤติกรรมการรับชมสื่อบันเทิงของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปมหาศาล

สยามกับสยมเพิ่งให้สัมภาษณ์ในประเด็นว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของ “ละครจักรๆ วงศ์ๆ” เอาไว้อย่างน่าสนใจ ผ่านทางช่องยูทูบ “Khaosod TV – ข่าวสด” ดังเนื้อหาบางส่วนต่อไปนี้

 

: สถานการณ์ปัจจุบันของละครจักรๆ วงศ์ๆ เป็นอย่างไร?

สยม : ณ ปัจจุบัน เทคโนโลยีเปลี่ยนไป ถ้าเป็นเด็กรุ่นใหม่ๆ ก็จะไม่ค่อยซื้อทีวีมาดู ก็จะดูผ่านโทรศัพท์ แต่จำนวนการรับชม-ความนิยมของผู้ชม เราวัดกันที่เรตติ้งบนทีวี ก็เลยเหมือนเรตติ้งมันเปลี่ยนไป นับวันเรตติ้งก็จะลดลง ลดลง แต่ (จำนวน) ผู้ชมเรายังคาดว่าน่าจะอยู่ประมาณเดิม เพราะ (เขา) ไปดูผ่านแพลตฟอร์มอื่น

สยาม : ถ้าเราเทียบเรตติ้งกับสมัยก่อน เอาช่อง 7 ทั้งช่อง เดิม “หนังเจ้า” (ละครจักรๆ วงศ์ๆ) อยู่ที่ 10 กว่า ในขณะที่เรตติ้งละครกลางคืนอยู่ที่ 20 ทีนี้พอทุกช่องมันลงมา ตอนนี้ เรา (ละครจักรๆ วงศ์ๆ) อยู่ที่ประมาณ 1 กว่าหรือ 2 แต่ทุกคน ละครกลางคืน ก็ลงมาอยู่เท่ากัน

ถามว่าเราดีขึ้นไหม? ถ้าเทียบกับละครกลางคืน-ละครเย็น เราก็ไม่ได้แย่ เรายังคงสภาพคนดูที่ดูเยอะอยู่ เพียงแต่ว่าเนื่องจากทั้งช่องมันลงมา เราก็ลงไปด้วย แต่กระแสยังดีอยู่ ดูจากช่องทางโซเชียลทั้งหลาย ฟีดแบ็กที่เข้ามา (ละครจักรๆ วงศ์ๆ) ยังมีแฟนประจำ

สยม : จริงๆ ละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่เราฉายตอนเช้าเสาร์-อาทิตย์ เรตติ้งเราก็จะประมาณหนึ่ง แต่ละครบางเรื่องอย่าง “แก้วหน้าม้า” หรือ “ดาบเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง” เวอร์ชั่นต้นๆ เรตติ้งตอนนั้นชนะละครหลังข่าว ก็คือเป็นอันดับหนึ่ง

มีบางครั้งอย่าง “สังข์ทอง” ก็จะเรตติ้งสูง คนนิยมก็บอกไม่อยากให้จบ (ละคร) มันก็ยาวออกไป ละครสมัยก่อนบางทีปีหนึ่งอาจจะเรื่องเดียว

แต่ในปัจจุบัน ความต้องการของผู้ชมเปลี่ยนไป เนื่องจากในโซเชียลมีแพลตฟอร์มให้ดูมากมาย อะไรที่มันปู (เรื่อง) นานๆ คนจะไม่ชอบดู (ละครจักรๆ วงศ์ๆ ยุคใหม่) ก็จะเป็นแบบเนื้อๆ เลย ตามเรื่อง กระชับฉับไว จำนวนตอนก็อาจจะปรับเปลี่ยนให้สั้นลง

สยาม : คือต้องดูกระแสด้วย แล้วส่วนใหญ่ต้องถามสปอนเซอร์ด้วย เพราะละครจักรวงศ์ ทาง “สามเศียร” เราขายโฆษณาเอง เพราะฉะนั้น ก็ต้องถามสปอนเซอร์ถามคนซื้อด้วย เอาไงดี เขาคิดอย่างไร ประเมินคนดู (อย่างไร)

แต่จริงๆ แล้ว เราดูในแพลตฟอร์มต่างๆ จะเห็นว่าละคร 20-30 ตอน มันเหลือ 8-9 ตอน (เป็น) ซีรีส์ ทุกอย่างมันแคบ สั้น ลงหมด แม้กระทั่ง 1 ชั่วโมง กลายเป็น 5-10 นาที เทรนด์มันเป็นอย่างนั้น เราก็ตามเทรนด์ไป แต่คนที่ดูเรา เขายังจงรักภักดี ยังรักหนังจักรวงศ์อยู่

 

: สายสัมพันธ์ระหว่างละครจักรๆ วงศ์ๆ ค่ายสามเศียรกับ “ไพรัช สังวริบุตร”

สยาม : หนังจักรวงศ์คือชีวิตของพ่อ เราเป็นพวกมาสานต่อเท่านั้น เพราะฉะนั้น ภาพของหนังจักรวงศ์ ยังไงก็ต้องเป็นภาพของคุณ “ไพรัช สังวริบุตร” เขาทำมาตั้งแต่แรก คนเดียวในประเทศไทย สมัยก่อนจนบัดนี้ พวกเราทำก็ยังสู้เขาไม่ได้

เมื่อวานพ่อเขานั่งเล่าอะไรให้เราฟัง เราก็นั่งฟัง ลอร์ด (สยม) ยังต้องมานั่งศึกษา คุยกับพ่อแล้ว มานั่งเถียงกัน เฮ้ย! เอายังไงดีวะ? สิ่งที่พ่อทำ ทำยังไงให้เข้ากับสมัยนี้ เขายังยืนกราน (ให้ทำละครจักรๆ วงศ์ๆ ต่อ) เมื่อวานนี้ยังนั่งเลือกเรื่องกัน

สยม : พ่อเขาจะให้ค้นคว้าอยู่ตลอดเวลา ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปกับเรื่องราวแต่ละเรื่อง เราควรต้องปรับอะไรยังไงเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย

สยาม : แกบอกว่าอย่าทำอะไรที่คนดูเบื่อ สำคัญที่สุด ถ้ามีซ้ำแล้ว เขาเบื่อ อย่าไปทำ ทำเรื่องอื่นที่เขาไม่เบื่อ เมื่อวาน (พ่อ) ยังพูดถึงเรื่องอะไรที่ไม่ใช่หนังจักรวงศ์ (เรา) บอก โห! พ่อ จะเอา (เรื่องแบบนั้น) ไปใส่ในหนังจักรวงศ์เลยเหรอ? พ่อเขาบอก คนดูเบื่อหรือยังล่ะตอนนี้?

 

: แสดงว่าเราสามารถเอาเทรนด์ใหม่ๆ ในสังคมเข้าไปใส่ในละครจักรๆ วงศ์ๆ ได้ โดยไม่ทำให้โครงเรื่องเสีย?

สยาม : ใส่รอบนอก

สยม : ตัวโครงเรื่องก็ยังต้องคงไว้

สยาม : ยกตัวอย่างไตเติ้ลท้ายเรื่อง ใครจะไปคิดว่าพ่อเขาสั่งให้ผมทำเพลงฮิปฮอปใส่ เอาเพลงร็อกใส่ เอาเพลงหนังเจ้าทำเป็นเพลงร็อก

สยม : อย่าง “สังข์ทอง” สมัยก่อนจะมีเขยลาว เขยจีน แต่เวอร์ชั่นล่าสุดเราจะมีเขย (แอลจีบีที) ที่มาชอบพ่อเงาะรูปหล่อ

สยาม : อันนี้คือ (ไอเดีย) คุณพ่อทั้งนั้น พวกเราไม่กล้าหรอก

 

: เครือดาราวิดีโอ-ดีด้า-สามเศียร ทิ้งละครจักรๆ วงศ์ๆ ไม่ได้

สยาม : คุยกันเสมอ คุยกับลอร์ด (สยม) ว่าต่อให้เราเป็นยังไง เราก็จะไม่มีวันทิ้ง เพราะมันเหมือนถ้าเราทิ้งจักรวงศ์ก็คือทิ้งพ่อนั่นแหละ มันเป็นผลงานของพ่อ เขาสร้างมาทั้งชีวิตเขา แล้วเราแค่มาจับต่อ

ถ้าเราไม่มีปัญญาทำต่อ ก็แย่แล้ว เป็นตายยังไงก็ต้องทำให้ได้

ถึงจะชอบ จะไม่ดียังไง เราก็ต้องทำกันให้ดีให้ได้

 

: เรารับไม้ (ในการผลิตละครจักรๆ วงศ์ๆ) ต่อมาแล้ว ถ้ามองไปในอีก 20-30 ปีข้างหน้า พวกคุณมีคนที่จะส่งไม้ต่อให้หรือยัง?

สยม : มีแล้วครับ ก็เป็นรุ่นหลาน (คุณไพรัช) รุ่นลูก (ของพวกเรา)

สยาม : ส่วนตัวผม คิดว่าชีวิตมันชั่วคราว เราพูดได้ว่าลูกจะยังไง วันหนึ่งเราไม่อยู่ เขาก็จะเลิกรักเรา พอเขามีลูก เขาก็จะลืมๆ เรา คือมันไม่แน่นอน เพราะฉะนั้น พี่ไม่หวังอะไรตรงนั้น เพียงแต่ว่ารุ่นเรา เราต่อจากไพรัช เอา (รักษาละครจักรๆ วงศ์ๆ) ให้ได้แล้วกัน หลังจากเราก็แล้วแต่ ไม่รู้ว่าโลกจะเปลี่ยนไปยังไง เราก็ไม่ได้บังคับว่าใครต้องทำต่อ-ไม่ต่อยังไง

แต่ในแง่ของเราเป็นลูกไพรัช เราต้องทำแน่ๆ หลังจากนั้น ช่างเขา •

| คนมองหนัง