ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | จดหมาย |
เผยแพร่ |
จดหมาย | ประจำวันที่ 25 เม.ย – 1 พ.ค. 2568
• แอร์บัส-เพื่อโลก
ดิฉันรู้สึกยินดีที่ได้มาเยือนกรุงเทพฯ และร่วมงาน Airbus Industry Outreach ในวันนี้ (11 เมษายน 2568)
แอร์บัสรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ขยายการดำเนินงานในประเทศที่สวยงามแห่งนี้มาอย่างต่อเนื่อง
สายการบินไทยถือเป็นหนึ่งในลูกค้าที่มีความสัมพันธ์ยาวนานที่สุดกับเรา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2520
นอกจากนี้ เรายังได้จัดหาอากาศยานให้กับบางกอกแอร์เวย์ส ไทยแอร์เอเชีย และไทยเวียตเจ็ท อีกด้วย
เรายังรู้สึกยินดีที่ศูนย์บริการปฏิบัติการการบินและศูนย์บำรุงรักษาเฮลิคอปเตอร์ของเราตั้งอยู่ในประเทศไทย
และเรามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความแข็งแกร่งในประเทศไทยต่อไป
รวมถึงการสร้างความร่วมมือใหม่ๆ ในด้านความยั่งยืน
วันนี้ขอนำเสนอแนวทางสู่การลดการปล่อยคาร์บอนของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก
และขอย้ำถึงความสำคัญของเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน
ระยะห้าปีที่แล้ว อุตสาหกรรมการบินมักถูกมองว่าเป็น “อุตสาหกรรมที่ยากต่อการลดการปล่อยคาร์บอน”
แต่ทัศนคตินั้นได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกได้รวมพลังกันเพื่อกำหนดเส้นทางที่ชัดเจน
สู่การบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ.2593
ด้วยการใช้เครื่องบินที่มีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิง
การปรับปรุงการจัดการการจราจรทางอากาศและการดำเนินงาน
และการใช้เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuels หรือ “SAF”)
SAF ผลิตจากของที่ทิ้งแล้ว เช่น น้ำมันทำอาหารที่ใช้แล้ว และเศษชีวมวลต่างๆ เช่น เศษซากจากพืชผลทางการเกษตร ที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหาร
เชื้อเพลิง SAF สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้โดยเฉลี่ย 80% ตลอดวงจรชีวิตของเชื้อเพลิง นับตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการใช้งาน
ปัจจุบัน SAF สามารถใช้ขับเคลื่อนเครื่องบินแอร์บัสได้โดยผสมกับน้ำมันก๊าดในสัดส่วน 50%
เรากำลังดำเนินงานเพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องบินของเราจะสามารถบินด้วย SAF ได้สูงสุดถึง 100% ภายในปี พ.ศ.2573
ประเทศไทยมีศักยภาพอย่างยิ่งในการเป็นผู้ผลิต SAF
โดยสามารถใช้วัตถุดิบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกากน้ำตาล เศษวัสดุทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว แกลบ ซังและใบข้าวโพด ตลอดจนมูลสัตว์
ขณะนี้ได้มีโครงการหลายแห่งที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อผลิต SAF จากน้ำมันพืชใช้แล้ว
ตัวอย่างเช่น โครงการที่ทางบางจากได้ประกาศไว้ และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล ได้เริ่มการเริ่มต้นการผลิต SAF โดยกระบวนการกลั่นร่วม
หากมองไปในอนาคต เทคโนโลยีการผลิตเชื้อเพลิงอากาศจากแอลกอฮอล์หรือเอทานอล (Alcohol-to-Jet Fuel) ก็นับว่ามีศักยภาพสูงในประเทศไทยเช่นกัน
เรายังคงมุ่งมั่นในการสนับสนุนโครงการ SAF ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงในประเทศไทยด้วย
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อปีที่ผ่านมา เราได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อร่วมกันศึกษาศักยภาพในการผลิต SAF จากเศษวัสดุของเหลือทางการเกษตร และเราก็พร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการผลักดันให้วัตถุดิบชนิดอื่นๆ สามารถนำมาใช้ในการผลิต SAF ในประเทศไทยเช่นกัน
ขอขอบคุณรัฐบาลไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยที่ได้ร่วมกันสร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่อุตสาหกรรม SAF ในประเทศ
ดิฉันมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิต SAF ให้กับโลกได้
จูลี่ คิทเชอร์
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืนของแอร์บัส
โบอิ้ง ฝั่งสหรัฐ
คู่แข่งขอแอร์บัส ฝั่งยุโรป
กำลังเผชิญปัจจัยไม่แน่นอน
ทั้งบวกและลบ
จากนโยบายของทรัมป์
โดยเฉพาะจีนที่ชะลอการรับมอบเครื่องบินจากโบอิ้งจำนวนมหึมา
จะเป็นโอกาสของแอร์บัสหรือไม่-น่าสนใจ
น่าสนใจเช่นเดียวกับนโยบาย “รักษ์โลก”
ที่น่าจะทำให้แอร์บัสมีภาพพจน์ดีขึ้น
ตรงข้ามกับผู้นำสหรัฐที่มุ่งเขย่าโลก
ไม่สน ไม่แคร์ เรื่อง “สิ่งแวดล้อม”
โบอิ้งเลยได้ผลกระทบไปเต็มๆ?!?
• ฟาร์ม-เพื่อโลก
องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย (World Animal Protection Thailand)
ประกาศความก้าวหน้าของโครงการ “ฟาร์มแชมเปี้ยน” ปีที่ 2
ซึ่งกำลังเปลี่ยนผ่านจากการทดลองนำร่องในปี 2567 สู่การขยายผลในระดับชุมชนอย่างจริงจัง
โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงจากระบบฟาร์มปิดแบบดั้งเดิมสู่ฟาร์มแบบใหม่ในปี 2568 นี้
โครงการ “ฟาร์มแชมเปี้ยน” นี้ริเริ่มโดยองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก
เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรรายย่อยในไทย หันมาให้ความสำคัญกับการเลี้ยงไก่ที่เน้น “สวัสดิภาพสูง”
ให้ไก่สามารถแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติได้อย่างอิสระ
ใช้ชีวิตโดยมี “ความสุข” มากกว่า “ความทุกข์” ตลอดช่วงอายุขัย
โครงการนี้อยู่ภายใต้วิสัยทัศน์สร้างการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมในระบบอาหาร
ลดการพึ่งพิงระบบฟาร์มอุตสาหกรรมที่สร้างผลกระทบต่อคน สัตว์และสิ่งแวดล้อม
หันมาสนับสนุนฟาร์มรายย่อย ตามแนวทางนิเวศเกษตร ควบคู่กับการส่งเสริมให้เกิดการกินโปรตีนที่หลากหลาย
โครงการฟาร์มแชมเปี้ยน มีจังหวัดสุรินทร์เป็นพื้นที่ต้นแบบ
สามารถต่อยอดความสำเร็จจากปีแรก และขยายโมเดลนี้เพิ่มมากขึ้น
และได้พิสูจน์แล้วว่าโมเดลการเลี้ยงไก่แบบที่ใส่ใจสวัสดิภาพสัตว์สามารถทำได้จริงในบริบทไทย
ผลจากการเลี้ยง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไก่มีสุขภาพแข็งแรง จากการไม่ต้องอยู่แบบแออัด
ได้รับแสงแดดและอากาศบริสุทธิ์ ตลอดจนได้แสดงออกพฤติกรรมตามธรรมชาติ
ทำให้อัตราการรอดชีวิตของไก่เพิ่มจากเฉลี่ย 95% เป็น 99%
นอกจากนี้ สามารถหยุดการใช้ยาปฏิชีวนะได้แบบ 100%
มีการเพิ่มอาหารเสริมให้ไก่ด้วยแหล่งโปรตีนที่มาจากภูมิปัญญาชาวบ้าน เช่น หนอนแมลงวันลาย แหนแดง ไข่ผำ หรือสมุนไพรต่างๆ
ทำให้เกษตรกรที่เข้าร่วมสามารถลดต้นทุนจากการใช้ยาและสารเคมีได้หลักหลายพันบาทต่อการเลี้ยงไก่หนึ่งรุ่น
ขณะเดียวกัน เกษตรกรยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายไก่สวัสดิภาพสูงได้อีกด้วย
ผลลัพธ์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลข แต่คือหลักฐานว่าระบบฟาร์มสวัสดิภาพสูง สามารถสร้างความยั่งยืนได้ต่อทั้งคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม
โครงการ “ฟาร์มแชมเปี้ยน” ปีที่ 2 จะเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็ง ในการเปลี่ยนผ่านเกษตรกรในจังหวัดสุรินทร์จากระบบฟาร์มปิด สู่ฟาร์มแบบปล่อยอิสระหรือฟาร์มสวัสดิภาพสูง
ขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างคัดเลือกเกษตรกรที่มีจำนวนไก่เลี้ยงระหว่าง 500-1,200 ตัว เพื่อเข้าร่วมโครงการในปีที่ 2 ที่จะเริ่มต้นในเดือนมิถุนายน 2568 ควบคู่ไปกับการยกระดับเกษตรกรรุ่นแรกให้ทำหน้าที่เป็น “พี่เลี้ยง” ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงให้กับผู้เข้าร่วมรุ่นใหม่ เสริมสร้าง “เครือข่ายเกษตรกรชุมชนต้นแบบ” ให้แข็งแรงต่อไป
องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก
องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก
เป็นองค์กรเพื่อคุ้มครองปกป้องสวัสดิภาพสัตว์
และยุติการทารุณกรรมสัตว์
สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
ติดตามดูกันต่อไปว่า
ฟาร์มไก่สวัสดิภาพสูง
ที่มานำร่องที่ จ.สุรินทร์
จะเติบโตไปได้ขนาดไหนในสังคมไทย •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022