
ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | Technical Time-Out |
เผยแพร่ |
การสิ้นพระชนม์ของ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก เมื่อวันที่ 21 เมษายน นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของประชาคมโลก ขณะที่วงการกีฬาโลกเองก็สูญเสียมิตรสหายที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งไปพร้อมๆ กัน
กล่าวกันว่า โป๊ปฟรานซิส เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาที่ให้ความสำคัญกับกีฬามากที่สุดพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ของคริสตจักร และทรงผูกพันกับกีฬา ฟุตบอล มากเป็นพิเศษ ด้วยปูมหลังในวัยเยาว์ที่เกิดและเติบโตที่ประเทศอาร์เจนตินา
โป๊ปฟรานซิสซึ่งเป็นองค์ประมุขคาทอลิกพระองค์แรกจากละตินอเมริกัน ทรงเล่าเรื่องสมัยวัยเยาว์ไว้ว่า ตอนยังเป็นเด็กชายในชื่อ ฮอร์เฆ มาริโอ แบร์โกกลิโอ พระองค์กับเพื่อนจะเอาเศษผ้ามาม้วนเป็นก้อนกลมแทนลูกบอลเพื่อเตะเล่นกันบนถนนในกรุงบัวโนสไอเรส
โป๊ปฟรานซิสทรงเล่าว่า เด็กชายฮอร์เฆในตอนนั้นไม่ได้เล่นฟุตบอลเก่งมากนัก และมักเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในทางหนึ่ง การเล่นตำแหน่งนี้ก็ทำให้ได้เรียนรู้วิธีรับมืออันตรายที่อาจพุ่งเข้าหาได้จากทุกทิศทาง
นอกจากเล่นฟุตบอลแล้ว ฮอร์เฆยังเป็นแฟนบอลตัวยงของทีม ซาน ลอเรนโซ บ้านเกิด โดยมักไปชมการแข่งขันที่สนามพร้อมกับพ่อและพี่ๆ น้องๆ เป็นความทรงจำล้ำค่าที่แสนโรแมนติกอันมีต่อกีฬาลูกหนัง
แม้ในวันที่ทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปา โป๊ปฟรานซิสก็ยังทรงรักษาสถานภาพสมาชิกของทีมซาน ลอเรนโซ เป็นอย่างดี และเก็บรักษาบัตรสมาชิกหมายเลข 88,235 ของสโมสรไว้อย่างทะนุถนอม
กล่าวกันว่า เมื่อครั้งพระองค์ได้รับบัตรสมาชิกของสโมสร โบค่า จูเนียร์ส คู่แข่งร่วมกรุงบัวโนสไอเรสซึ่งเป็นพันธมิตรทางการศึกษาของสำนักวาติกัน ก็เกิดดราม่าเล็กๆ ตามมาที่บ้านเกิด
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าว่า หนึ่งในสวิสการ์ด หรือองครักษ์แห่งสำนักวาติกัน จะคอยนำผลการแข่งขันของทีมซาน ลอเรนโซ และตารางคะแนนลีกแต่ละนัดมาวางไว้ที่โต๊ะทรงงานหลังการแข่งขัน เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงติดตามผลงานของทีมโปรดอย่างสม่ำเสมอ
ทีมซาน ลอเรนโซ ซึ่งมีฉายาว่า “นักบุญ” นับเป็นทีมที่เก่าแก่ที่สุดทีมหนึ่งของอาร์เจนตินา ก่อตั้งเมื่อปี 1908 โดยในปีเดียวกับที่โป๊ปฟรานซิสทรงได้รับเลือกขึ้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ที่ 266 ซาน ลอเรนโซ ก็ก้าวไปคว้าแชมป์ลีกอาร์เจนตินาได้ ขณะที่ปีต่อมาก็คว้าแชมป์ระดับทวีป โคปา ลิเบร์ตาโดเรส เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ซึ่งทั้ง 2 วาระ ตัวแทนของสโมสรก็เดินทางไปเข้าเฝ้าโป๊ปฟรานซิสที่วาติกันเพื่อขอบคุณพระองค์ที่ช่วยอำนวยพรให้ทีม
บ่อยครั้งไม่ว่าจะประทับที่วาติกัน หรือเมื่อเสด็จเยือนประเทศต่างๆ นักฟุตบอลหรือทีมฟุตบอลหลายแห่งมักเข้าเฝ้าโป๊ปฟรานซิสเพื่อถวายเสื้อแข่งขัน ซึ่งรวมถึงตำนานแข้งชาวอาร์เจนไตน์ เพื่อนร่วมชาติของพระองค์ ทั้งอดีตและปัจจุบันอย่าง ดิเอโก้ มาราโดน่า และ ลิโอเนล เมสซี่ ด้วย
และความที่ทรงเติบโตในทวีปอเมริกาใต้ซึ่งฟุตบอลไม่ใช่เพียงแค่กีฬา แต่ยังเป็นเส้นทางอาชีพที่นำไปสู่การยกระดับชีวิตของเด็กๆ และครอบครัวในหลายๆ สังคมอันเหลื่อมล้ำในภูมิภาคนั้น โป๊ปฟรานซิสจึงทรงเล็งเห็นถึงบทบาทสำคัญของฟุตบอลรวมถึงกีฬาโดยภาพรวมเป็นอย่างดี
ในปี 2013 ซึ่งเป็นปีแรกที่พระองค์ได้รับเลือกเป็นสมเด็จพระสันตะปาปา ทรงรับสั่งกับทีมฟุตบอลทีมชาติอิตาลีและอาร์เจนตินาที่มาเข้าเฝ้าว่า ขอให้นักฟุตบอลระลึกถึงความรับผิดชอบต่อสังคม การเป็นแบบอย่างที่ดี และอย่าได้ยึดติดธุรกิจมากจนเกินไป เนื่องจากมีผู้ติดตามจำนวนมากที่เฝ้าดูพวกเขาไม่ใช่แค่ในสนาม แต่ยังรวมถึงนอกสนามด้วย
ในปีถัดมา พระองค์โปรดให้จัดการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างศาสนาที่สนามโอลิมปิกสเตเดี้ยมในกรุงโรม
และในปี 2019 ก็มีรับสั่งว่า หลายคนบอกว่าฟุตบอลคือเกมการแข่งขันที่สวยงามที่สุดในโลก ข้าพเจ้าก็รู้สึกแบบเดียวกัน

นอกจากนี้ เมื่อเอ่ยถึงกีฬาโดยภาพรวม โป๊ปฟรานซิสทรงเล็งเห็นว่ากีฬามีส่วนสำคัญในสร้างความสามัคคีโดยปราศจากการแบ่งแยก โดยเฉพาะในหมู่คนอายุน้อยๆ
ในการประชุมว่าด้วยศรัทธาและกีฬาในปี 2016 พระองค์ทรงเรียกร้องให้ผู้นำโลกพยายามให้มากขึ้นในการทำให้วงการกีฬาเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม อย่าได้โดนกดดันจากอิทธิพลต่างๆ โดยเฉพาะในภาคธุรกิจ
ความรักและความผูกพันที่มีต่อกีฬา โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลของโป๊ปฟรานซิสนั้นเป็นที่เลื่องลือ จนบางครั้งสื่อก็พยายามโยงพระองค์กับการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทีมอาร์เจนตินาบ้านเกิดของพระองค์ลงแข่งขันด้วย
ซึ่งในฐานะที่ทรงเป็นประมุขแห่งคริสตจักรคาทอลิก โป๊ปฟรานซิสไม่ทรงเลือกข้าง เช่น ก่อนรอบชิงฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งอาร์เจนตินาจะพบกับฝรั่งเศส พระองค์รับสั่งว่า ขอให้ผู้ชนะฉลองความสำเร็จอย่างถ่อมตน
ครั้งหนึ่งมีผู้ถามพระองค์ว่า ใครคือนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ระหว่างมาราโดน่ากับเมสซี่ โป๊ปฟรานซิสตอบว่า ในฐานะนักเตะ มาราโดน่าเป็นผู้เล่นชั้นเลิศ แต่ในฐานะคนคนหนึ่ง เขาล้มเหลว (สื่อถึงช่วงที่มาราโดน่ามีปัญหาติดเหล้าและโคเคนนานเป็นสิบๆ ปี) ส่วนเมสซี่เป็นสุภาพบุรุษ
ขณะเดียวกัน ก็ขอเพิ่มอีกหนึ่งตัวเลือกคือ เปเล่ ตำนานแข้งชาวบราซิเลียน ซึ่งทรงกล่าวถึงว่า เป็นบุรุษผู้มีหัวใจอันประเสริฐ
กระนั้น เมื่อเป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคล โป๊ปฟรานซิสก็ทรงมีจุดยืนของตัวเอง เหมือนที่ยังทรงรักษาสถานะสมาชิกสโมสรซาน ลอเรนโซ ตลอดพระชนม์ชีพ
ในหนังสืออัตชีวประวัติของพระองค์เองซึ่งวางจำหน่ายในปี 2024 โป๊ปฟรานซิสทรงอุทิศ 1 บทเต็มๆ ในหนังสือแด่มาราโดน่า ตำนานแข้งผู้ล่วงลับ เพื่อเฉลิมฉลองอัจฉริยภาพของเขากับการนำทีมฟ้า-ขาว ก้าวไปเป็นแชมป์โลกในปี 1986
ในฟุตบอลโลกปีดังกล่าว มาราโดน่าฝากประตูสำคัญที่สุด 2 ประตูในประวัติศาสตร์วงการลูกหนังไว้ในเกมเตะแมตช์เดียวกัน คือรอบก่อนรองชนะเลิศกับทีมชาติอังกฤษ
หนึ่งคือ “ประตูแห่งศตวรรษ” ที่เขาลากบอลผ่านผู้เล่นสิงโตคำราม 4 คน เป็นระยะทางราว 60 หลา ก่อนปิดท้ายด้วยการยิงผ่านมือผู้รักษาประตู ปีเตอร์ ชิลตัน เข้าไป
และอีกหนึ่งคือ “หัตถ์พระเจ้า” ซึ่งเขาใช้มือชกบอลตัดหน้าชิลตันที่พยายามกระโดดเคลียร์ลูกจนกลายเป็นหนึ่งในประตูฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์
โป๊ปฟรานซิสทรงเล่าอย่างอารมณ์ดีว่า ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน มาราโดน่าเข้าเฝ้าพระองค์ที่วาติกัน พระองค์จึงรับสั่งถามเขาอย่างติดตลกว่า มือที่ทำผิดเป็นข้างไหนกัน?
เป็นเรื่องเล่าแห่งความทรงจำอันล้ำค่าเกี่ยวกับตำนานแข้งผู้ล่วงลับ… •
Technical Time-Out | SearchSri
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022