ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | เหยี่ยวถลาลม |
เผยแพร่ |
เหยี่ยวถลาลม
ที่ประเทศไทย
ทุจริตคอร์รัปชั่น
ยังคงมั่นคงแข็งแรง
เงียบกริบ! ทั้งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เจ้าของอาคาร “สตง.” มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทที่ถล่ม ทั้ง “อิตาเลียนไทยฯ” บริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กับ “ไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย)” รัฐวิสาหกิจจากจีน ในกิจการร่วมค้ารับเหมา “สร้างตึก” และ “กิจการร่วมค้า PKW” ที่เป็นผู้ควบคุมการสร้าง
พร้อมเพรียงกันตั้งมั่นอยู่ในความสงบ
ราย PKW นั้น นายสมเกียรติ ชูแสงสุข วิศวกรเพิ่งเข้าแจ้งความกับตำรวจว่า ถูกปลอมลายเซ็นแล้วอ้างเป็น 1 ในวิศวกรคุมการก่อสร้าง “ตึก สตง.”
ส่วน “ไชน่า เรลเวย์ฯ” นั้น นายชวนหลิง จาง 1 ในกรรมการถูก “ดีเอสไอ” จับกุมไปสอบสวน ยืนยันว่า เป็นผู้แทนรัฐวิสาหกิจของจีน และมาลงทุนในนามของรัฐบาลจีน
การลงทุนหรือการร่วมค้าที่เป็นไปโดยชอบตามกฎหมายไม่มีอะไรต้องสงสัย แต่ในชั่วเวลา 8 วินาทีที่อาคารมูลค่ากว่า 2 พันล้านของ “สตง.” ถล่มลงมากลายเป็นเศษซากกองหินปูนนั้น
อาคาร 1 เดียวที่ถล่มแห่งนี้ นำมาซึ่ง “ข้อสงสัย” มากมาย
หนึ่ง ข้อสงสัยในเชิงวิศวกรรม ซึ่งขณะนี้ “คณะกรรมการ” ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมจากทุกสถาบันและมหาวิทยาลัย กำลังอยู่ระหว่าง “ค้นหา” คำตอบตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยบอกว่า จำเป็นต้องให้เวลาเพราะผลที่จะออกมานั้นผ่านการร่วมตรวจพิสูจน์ระดับเจาะลึก ร่วมวิเคราะห์ และจะได้บทสรุปที่เป็นความแน่นอนถึงขั้นไร้ข้อโต้แย้ง
สอง ข้อสงสัยในด้านคดีอาญา ที่มีคนตายคนเจ็บ ตลอดจนมีความเสียหายต่อทรัพย์สินมากมาย ซึ่งทั้งหลายเหล่านั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในยุคที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นเจ้ากระทรวงยุติธรรม นับว่าเชื่อมั่นว่า “สร้างสรรค์เกม” มากกว่า “ทำลายเกม”
สาม ข้อสงสัยในด้านการทุจริตคอร์รัปชั่น
ข้อที่สามนี้ เป็นปัญหาจริงๆ!
รัฐบาลและรัฐสภาที่ไม่ได้มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร อยากรู้คำตอบข้อที่สาม หรือไม่
รัฐบาลและรัฐสภาที่มาจาก “อำนาจของประชาชน” คิดว่าประเทศไทยควรจะได้อะไรภายหลังการถล่มของอาคาร สตง.
ไม่ใช่ทรัพย์สิน ไม่ใช่อาคารหลังใหม่
อย่าลืมว่า อาคาร สตง.นั้นเป็นเพียง 1 เดียวที่ถล่มลงมา ถ้าจะอ้างเหตุแรงกระเพื่อมของแผ่นดินไหวจากพม่าที่อยู่ไกลออกไปกว่า 1 พันกิโลเมตร แล้ว “ตึกอื่นๆ” อีกนับหมื่นๆ อาคารยืนหยัดอยู่ได้อย่างไร
หากในวิกฤตสามารถสร้างโอกาส ถามว่า จากนี้ไป “ตัวแทนประชาชน” ทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ “อยากเห็นประเทศไทยเป็นแบบไหน”
ลองจ้างบริษัทจากต่างประเทศที่มาตรฐาน เป็นที่เชื่อถือระดับสากลให้มาทำวิจัยดูกันหรือไม่ว่า ในประเทศของเรา มีการก่อสร้างอาคารสถานที่ราชการและถนนหนทางที่ใดบ้าง ที่ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น
เก็บข้อมูลประเทศ เพื่อบริหารประเทศให้เกิดความเปลี่ยนแปลง!
การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ในประเทศไทย ไม่ทำจริง
มีการจัดตั้งองค์กรหน่วยงานขึ้นมามากมาย สิ้นเปลืองงบประมาณทั้งภาครัฐ ภาคอิสระ ซึ่งส่วนมากเน้นการประชาสัมพันธ์ รณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นด้วย “ปาก” และ “กิจกรรม”
ไม่มี “การจุดไฟ” สร้างแรงบัลดาลใจด้วย “การลงมือทำจริง” หรือขยายผลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนมีคำกล่าว ในประเทศไทยทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ติดคุก!
(มีอยู่ แต่น้อย หรือมี แต่ตัวเล็ก หรือมี เหตุที่พลาดเพราะมักง่าย หรือโง่)
หลังอาคาร สตง.ถล่ม ภาคพลเมืองช่วยกันค้นหาร่องรอยและนำมาตีแผ่ มีใครหรือหน่วยงานใดเร่งรัดลงมือให้เห็น
เช่น สงสัยว่า ทำไมจะต้องมีห้องประชุมหรู อลังการ บรรจุได้ 1 พันคน จะสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อการประชุมสักกี่ครั้ง เทียบกับการเช่าศูนย์ประชุมของเอกชน จะคุ้มค่ากว่าหรือไม่
โรงภาพยนตร์ 200 ที่นั่งเอย ฝักบัวอาบน้ำเอย ราคาตลาดหัวละ 1,713 บาท ทำไมของ สตง.สั่งซื้อหัวละ 11,214 บาท รวม 44 ชิ้น
โทรศัพท์ตั้งโต๊ะ 2 พันเครื่อง ไปที่ร้านค้าซื้อได้ 1,600 บาท ราคาซื้อของ สตง. 9,500 บาท/เครื่อง เก้าอี้ห้องประชุมตัวละเกือบ 1 แสน พรมไนล่อนผืนละ 165,000 บาท กล้อง CCTV ที่ขายกันตัวละ 2,450 บาท สตง.จัดมาตัวละ 28,050 บาท ซื้อไปกี่ตัว ใช้งบฯ ไปกี่ล้าน
ความฟุ่มเฟือยหรูหราเหล่านี้จะไม่มีปรากฏเลยหาก “อาคาร 2 พันล้าน” ไม่ถล่มลงมาในพริบตา
หากเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในประเทศที่สติปัญญาและสปิริตพัฒนากว่าในประเทศของเรา บรรดาผู้บริหารหรือผู้นำองค์กรที่เกี่ยวข้องต่างต้องออกโทรทัศน์ และแพร่ภาพไปทั่วโลก
ภาพที่โลกจะเห็นคือ ผู้บริหารออกมายืนโค้งคำนับ กล่าวคำขอโทษและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงความรับผิดทางสังคมด้วยการลาออก
ถึงแม้จะมี “ตัวผ่าเหล่า” อยู่บ้าง แต่โดยทั่วไปคนเราทุกเพศทุกวัยได้เรียนรู้ทางสังคมผ่าน “ตัวแบบ”
เพียงแต่ที่เห็นกันอยู่จนชินนั้นเป็นแบบไหน
“ตัวแบบ” ด้านความซื่อสัตย์สุจริตในประเทศไทยส่วนมากเป็น “ของเทียม” เฉกเช่นการจัดฉากการแสดง หรือการแต่งเรื่องขึ้นด้วยมุ่งประสงค์ต่อรางวัลชีวิตเพื่อสร้างชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูลเท่านั้น
ความสุจริตที่คนไทยคุ้นเคยจึงมักเป็นภาพลวงตา
หลังจาก “ตึก สตง.” ซึ่งเป็น 1 เดียวอาคารที่ถล่มและมีคนเจ็บมีคนตายร่วมร้อย กลับมีอดีตผู้บริหารระดับสูงโผล่ออกมาโพสต์บอกกับสังคมว่า “ผมเลือกฮวงจุ้ยไม่ดีเอง”
ทัศนคติ เป็นเนื้อดีก็ได้ เนื้อร้ายก็ได้
ความสุจริตที่ใช้ในประเทศไทยมักเป็นแบบยืดหยุ่น
ความหมายที่แท้จริงคือ ไม่ตรงไปตรงมา ไล่ตั้งแต่ระดับปัจเจกบุคคลไปจนถึงหน่วยงาน ชุมชน เอกชน และรัฐ ตั้งอยู่ในแนวทางเดียวกัน อาการ “ไม่รู้ร้อนรู้หนาว” จากการทุจริตคอร์รัปชั่นจึงระบาดปกคลุมไปทั่ว
การค้นพบคำตอบในข้อ 3 “ว่าด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่น” จะทำให้เชื่อมโยงเหตุปัจจัยที่นำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา และตอบข้อสงสัยที่ 1 ด้วยว่า ทำไม “อาคาร สตง.” จึงประหลาดพิสดาร ถล่มครืนลงมาเพียง 1 เดียว!?!!
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022