ฝ่า Perfect Strom

Bangkok's skyline photographed before sunrise in Bangkok, Thailand, April 8, 2023. REUTERS/Athit Perawongmetha/File Photo Purchase Licensing Rights

ถึงเวลานี้ต้องทำใจยอมรับความจริงว่า เศรษฐกิจ ธุรกิจ และผู้คนที่เกี่ยวข้อง ได้เดินเข้าสู่พื้นที่และห้วงเวลาที่เรียกได้ว่าเป็น Perfect Strom ทางเศรษฐกิจของโลกและประเทศแล้ว

สำหรับประเทศไทยเรานั้น

1. พายุลูกแรก คือการชะลอตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง อันเป็นผลพวงสิบกว่าปีมานี้ ประเทศไม่มีการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ใหม่ใดๆ, โครงสร้างการผลิตอุตสาหกรรมล้าสมัยรอวันปิดโรงงานเพราะไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลก, อัตราเติบโตเศรษฐกิจต่ำต่อเนื่อง จีดีพีที่แท้จริงโตเฉลี่ยเพียง 1.9%, หนี้สินครัวเรือนประชาชนส่วนใหญ่สูงเป็นประวัติการณ์

ผลกระทบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม คือ กำลังซื้อที่อยู่อาศัยทุกระดับราคาลดน้อยถอยลงตามลำดับทุกไตรมาสมา 3 ปีติดต่อกัน ย่างเข้าปีที่ 4

รัฐบาลผสมที่มาจากการเลือกตั้งปัจจุบันพยายามออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังไม่ปรากฏผลชัดเจน, ส่วนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจยังไม่เห็นภาพและทิศทางรูปธรรม

 

2.พายุลูกที่สอง “แผ่นดินไหว” เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 แม้จะมีตึกสูงที่อยู่หว่างการก่อสร้างเสียหายระดับพังทลายยุบตัวแห่งเดียวคือตึก สตง. ซึ่งเป็นของหน่วยงานราชการและเป็นผลพวงจากการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ก็มีผลต่อภาพลักษณ์อสังหาฯ แนวสูงระดับหนึ่ง

ส่วนคอนโดฯ ตึกสูงอื่นๆ สามารถต้านแรงแผ่นดินไหวได้ เกิดความเสียหายในส่วนที่ไม่ใช่โครงสร้าง สามารถซ่อมแซมกลับมาใช้งานปกติได้

อย่างไรก็ดี ผลทางจิตวิทยาของเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยเฉพาะผู้เผชิญสถานการณ์จริงๆ ย่อมส่งผลต่อยอดขายห้องชุดที่สร้างเสร็จเหลือขาย (ที่มีอยู่มาก) ไประยะหนึ่ง

 

3.พายุลูกที่สาม “สงครามการค้า” เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาประกาศตั้งกำแพงภาษีสูงกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะจีนสูงมากเป็นพิเศษ

ทำให้ทิศทางระบบเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแบบกลับทิศ จากเดิมกลุ่มประเทศต่างๆ ทั่วโลกแข่งกันสร้างความร่วมมือสร้าง “เขตเศรษฐกิจพิเศษฟรีเทรดโซน” หรือ FTA เพื่อให้ธุรกิจการค้าขยายตัวสร้างความเจริญรุ่งเรือง เปลี่ยนมาเป็นการสร้างกำแพงภาษีกันและกันตามอำเภอใจ

ความปั่นป่วนจึงตามมาทันทีทันใด ในตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกถล่มทลาย การค้าระหว่างประเทศชะงัก เรือขนส่งสินค้าจอดนิ่งสนิท

แม้จะมีการ “ต่อเวลา” เพื่อเจรจา แต่โลกก็ไม่อาจกลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเดินมาถึงมุมอับหนี้สินล้นพ้นเกินกว่างบประมาณแผ่นดินประจำปีจะแบกรับ, เงินดอลลาร์จ่อเสื่อมค่า, พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจ่อเสื่อมค่า ต้องดิ้นรนเพื่อรักษาความเป็นมหาอำนาจเบอร์ 1 ของโลก ต้องสกัดกั้นจีนไม่ให้ขึ้นมาชิงตำแหน่งเบอร์ 1

เริ่มมีการนำไปเปรียบเทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เรียกว่า Great Depression 1930

และเทียบกับสถานการณ์การเปลี่ยนผู้นำเบอร์ 1 เศรษฐกิจโลกจากเนเธอร์แลนด์เป็นอังกฤษ, จากอังกฤษเป็นอเมริกา ที่ผ่านมาที่มักเกิดสงครามทุกครั้ง ครั้งนี้ 80 ปีนับตั้งแต่จบสงครามโลกครั้งที่สอง

 

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งสัมพันธ์กับรายได้ผู้คนและรายได้ประชาชาติ (GDP) แบบแยกกันไม่ออก ต้อง “รัดเข็มขัดนิรภัย” ให้แน่น มองหาหน้ากากออกซิเจนไว้ได้เลย ไทยมีรายได้จากการส่งออกเกือบ 70% ผลกระทบสงครามการค้าจะสูง อาจฉุด GDP ลงต่ำกว่าที่ได้ต่ำมาแล้ว

ทางออกเศรษฐกิจประเทศไทยมีแน่นอน พื้นฐานเราอยู่ในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ อาหารดี วัฒนธรรมดี ต่างชาติใครๆ ก็อยากมาเที่ยวไทย มาอยู่ประเทศไทย

ปัญหาของเราอยู่ที่ระบบบริหารราชการ ซึ่งขณะนี้กำลัง “แก้ผ้าล่อนจ้อน” อยู่แถวบางซื่อหลังตลาดนัดจัตุจักร ผ่านกรณีตึก สตง.ถล่มให้เห็นว่า หน่วยงานสร้างความโปร่งใสไร้ประสิทธิภาพ ไร้จิตสำนึก ไร้จิตวิญญาณ หน่วยงานปราบทุจริต ทุจริตเสียเอง

ปัญหาการเมืองของเราที่มีทั้งแบบจารีตนิยม แบบอุปถัมภ์บ้านใหญ่ แบบรุ่นใหม่เสรีนิยม ทั้งหมดจะเห็นผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศชาติได้ไหม หรือจะมีแค่ต่อสู้ขึงขังแย่งอำนาจ หรือร่วมมือเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์กันเองเท่านั้น

ประชาชนส่วนใหญ่จะตระหนักรู้ตื่นตัวเพื่อผลักดันให้แก้ไขได้ก่อนสถานการณ์จะจมลึกไปกว่านี้ได้ไหม หรือจะเป็นไก่ “ตีกันเองในเข่ง” ถูกบดบี้จนถึงท้ายซอยตันจึงตื่นรู้

จึงอยู่ที่ว่า จะช่วยกันหาทางออกได้ก่อน หรือจะแทบตายค่อยสำนึกได้ร่วมหาทางออก •

 

ก่อสร้างและที่ดิน | นาย ต.