วัฒนธรรมสมุนไพรพึ่งตนเอง บ้านป่าหวาย

ของดีในชุมชนมีอยู่มากมาย ยิ่งการท่องเที่ยวบูมสร้างสรรค์วิถีชุมชนให้เป็นแหล่งรายได้ หลายหน่วยงานลงไปสแกนหาของดีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์มากมากมายของชุมชนนำมาสร้างความโดดเด่นสู่การทำมาค้าขายหลายชนิด

มองของดีชุมชนด้วยมุมมองการตลาดก็จะพบทั้งผลิตภัณฑ์และบริการที่มีเสน่ห์ชวนเชิญให้ผู้คนมาชิม ใช้ ช้อป และสัมผัสอะเมซิ่งไทยแลนด์

หากมองด้วยสายตาศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นการผสมผสานหรือมองแบบองค์รวมมีพลังสู่สินค้าหรือบริการที่มีค่าและความหายมากว่าเพียงแค่รายได้

มองกันลึกๆ วัฒนธรรมและภูมิปัญญาช่วยสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนร่วมคิดเอง ทำเองในการพัฒนาท้องถิ่น สร้างความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของชุมชนที่พัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ แต่ก็ยังสอดคล้องกับวิถีชีวิต ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมในท้องถิ่นด้วย

 

ดังเช่น “สงกรานต์ไทย” ที่ผ่านมาหมาดๆ ชวนให้เราคิด สงกรานต์คือประเพณีและวัฒนธรรมที่สืบสานต่อเนื่องเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยมานาน และเมื่อปี 2566 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกวัฒนธรรมของมนุษยชาติ หรือ “มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้” (Intangible Cultural Heritage) ในประเพณีวัฒนธรรมนั้นได้ซ่อน “ของดี” ที่มองไม่เห็นไว้หลายประการ สงกรานต์หรือเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ไทย ได้รวมเอางานศิลปะ ประเพณี วัฒนธรรม และภูมิปัญญาไว้ด้วยกัน

ศิลปะ เช่น เครื่องประดับเครื่องแต่งกาย สวมเสื้อนุ่งผ้างดงาม การตกแต่งสถานที่ในเทศกาลปีใหม่ที่มีแบบฉบับตามท้องถิ่น

ประเพณี ที่ขาดไม่ได้ในสงกรานต์สืบต่อไว้แต่เช้าทำบุญตักบาตร เข้าวัดฟังธรรม สรงน้ำพระพุทธ ก่อเจดีย์ทราย และเล่นสาดน้ำงานรื่นเริง

ที่เป็นหัวใจสำคัญของ วัฒนธรรม ในเทศกาลสงกรานต์ คือ การแสดงความเคารพ อ่อนน้อม และกตัญญูต่อผู้ใหญ่หรือผู้มีพระคุณด้วยการรดน้ำดำหัว สิ่งที่มักซ้อนไว้มองไม่เห็น คือ ภูมิปัญญาด้านสุขภาพ

น้ำที่ใช้รดน้ำดำหัวนั้นจะปรุงด้วยสมุนไพร ที่ภาษาล้านนาเรียก “น้ำเข้าหมิ่นส้มป้อย” หรือน้ำที่ปรุงมาจากขมิ้นและส้มป่อย ที่ผสมน้ำอบน้ำหอมและดอกไม้หอมที่ตากแห้ง เช่น ดอกสารภี

น้ำปรุงหอมนี้ใช้สรงน้ำทั้งพระพุทธรูป สถูปเจดีย์ และพระภิกษุต่างๆ ด้วย

 

ขอกล่าวเฉพาะส้มป่อย พืชสมุนไพรที่เป็นไม้มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดี ปีใหม่ไทยจึงช่วยให้ทุกคนได้พบกับสิ่งดีงาม

ในเวลาเดียวกันส้มป่อยเป็นอาหารและยาสมุนไพรที่ดีด้วย ใช้เป็นยาสระผมธรรมชาติดูแลเส้นผม รักษารังแค ในยาอบหรือยาอาบหลายตำรับจะผสมส้มป่อยเป็นตัวช่วยแก้ผดผื่นคัน ช่วยให้ร่างกายสะอาดและสดชื่น

ฝักส้มป่อยปิ้งไฟให้เหลืองนำมาชงน้ำกินแก้ไอ

ยอดส้มป่อยต้มกินกับข้าวต้มช่วยแก้ไข้ แก้ท้องอืด ยอดอ่อนส้มป่อยปรุงกับต้มปลาก็เป็นเมนูรสอร่อยด้วย

มองวัฒนธรรมระดับชุมชนก็จะพบตัวอย่างดีๆ ดังเช่นบ้านป่าหวาย ต.เชียรเขา อ.เฉลิมพระเกียรติ (เดิมคือ อ.เชียรใหญ่) จ.นครศรีธรรมราช ที่นำเอาวัฒนธรรมท้องถิ่น ศิลปะต่างๆ และภูมิปัญญามาใช้ประโยชน์

บ้านป่าหวายตั้งอยู่ไม่ไกลจากคลองเชียรซึ่งเป็นเส้นทางการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญในอดีต จึงเป็นชุมชนที่มีอายุเก่าแก่มากกว่าชุมชนอื่นๆ มีความรู้ ประสบการณ์ และพัฒนาภูมิปัญญาด้านต่างๆ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

โดยเฉพาะ “ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ” พบพยานบุคคลผู้สืบทอดหมอตำแย หมอนวด หมอสมุนไพร และหมอพิธีกรรม ฯลฯ แม้ว่ากำลังลดน้อยลงไปมาก แต่คนในชุมชนก็ยังคงมีการใช้ประโยชน์ช่วยกันส่งต่อความรู้ภูมิปัญญาดูแลสุขภาพตนเอง ครอบครัวและในชุมชน

คุณนงรัตน์ พิธกิจ ลูกหลานคนบ้านป่าหวาย สำเร็จวิชาพยาบาลวิชาชีพกลับมาทำงานในอนามัยบ้านป่าหวาย (ปัจจุบันคือ รพ.สต.บ้านป่าหวาย) มานานกว่า 20 ปี มีบรรพชนเป็นคนหมอยาสมุนไพรจึงมีความสนใจในศาสตร์การแพทย์แผนไทย ค้นคว้าเรียนต่อวิชาแพทย์แผนไทย แล้วกลับมาค้นรากความรู้ในชุมชน

ทั้งชวนอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ตั้ง “ชมรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยบ้านป่าหวาย” เป็นการทำงานแบบยุคใหม่ร่วมคิดร่วมทำ

นับเป็นก้าวแรกของความสำเร็จ จากนั้นก็เสาะหาทุนดำเนินงานจากกองทุนสุขภาพตำบลเชียรเขา จัดกิจกรรม เช่น อบรมนวด อบรมการใช้ยาสมุนไพร ทำสวนสมุนไพร เป็นต้น

จนกระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2567) ได้ร่วมงานกับมูลนิธิสุขภาพไทยเพื่อส่งเสริมระบบสุขภาพชุมชนด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น จึงออกสำรวจความต้องการชุมชนพบว่า คนส่วนใหญ่สูงวัย วัยทำงานก็อยู่ในภาคเกษตร จึงมีอาการปวดเมื่อย ปวดข้อต่างๆ รวมถึงข้อเข่าในผู้สูงอายุจำนวนมาก

ชมรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยบ้านป่าหวาย ออกสืบค้นความรู้ดั้งเดิมของชุมชนและปรับปรุงพัฒนาเป็นสูตรตำรับน้ำมันนวดบ้านป่าหวาย

ยาขนานนี้โดดเด่นที่สรรพคุณและใช้พืชสมุนไพรที่หาได้ทั้งหมดในพื้นที่ พึ่งตนเองได้เต็มร้อย

สมุนไพร 9 ชนิด 1) ผักเสี้ยนผี 2) เสลดพังพอนตัวเมีย 3) เพชรสังฆาต 4) กระดูกไก่ดำ 5) หญ้าขัดมอญ 6) ใบเตย 7) หญ้าพันงูเขียว 8) ย่านาง และ 9) ทองพันชั่ง ใช้ต้นสด ล้างน้ำสะอาด หั่นเป็นชิ้นขนาดไม่เกิน 1 ข้อนิ้วมือ ผึ่งให้พอแห้ง (ให้ไม่ชื้น) นำสมุนไพรทั้งหมดมาเคี่ยวในน้ำกะทิที่มาจากมะพร้าวไฟจะช่วยเพิ่มสรรพคุณในการแก้อาการเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก เคี่ยวจนน้ำกะทิกลายเป็นน้ำมันสมุนไพรที่มีสีเขียวเข้ม

เหตุนี้ชาวบ้านตั้งชื่อให้เป็นน้ำมันเขียวบ้านป่าหวายที่มีกลิ่นของสมุนไพรและน้ำมันมะพร้าว จะแต่งกลิ่นเล็กน้อยด้วยพิมเสน การบูรและเมนทอล

กรรมวิธีนี้เป็นศิลปะการเคี่ยวน้ำมันนวดที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน เทน้ำมันใส่ขวดเล็กๆ แจกจ่ายนำไปใช้แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เคล็ดขัดยอก แก้แมลงสัตว์กัดต่อยด้วย

 

การเก็บข้อมูลเบื้องต้นจากหมอนวดในชุมชนที่ได้รับการฝึกฝนพบว่า เมื่อใช้น้ำมันนวดพร้อมการนวดไทยแล้วอาการต่างๆ จะทุเลาหรือหายเร็วขึ้น เป็นที่ชื่นชอบของคนในชุมชน แก้ปัญหาสุขภาพได้ตรงตามความต้องการ

ขณะนี้ชมรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยบ้านป่าหวายกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์จากน้ำมันสู่บาล์ม (ขี้ผึ้ง) ให้พกพาใช้สะดวก รูปแบบทันสมัย

ของดีในชุมชน ที่มาจากวัฒนธรรมการดูแลสุขภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น ช่วยเพิ่มมูลค่าและคุณค่าในการพึ่งตนเองด้านสุขภาพได้จริง •

 

สมุนไพรเพื่อสุขภาพ | โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง

มูลนิธิสุขภาพไทย www.thaihof.org