น้ำเงิน-ขาว | สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

น้ำเงิน-ขาว

 

คล้อยตามหลายๆการวิเคราะห์ ที่มองว่าสัมพันธภาพในพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้

คงไม่ไปไกลถึงขนาด ตัดพรรคไหนออกจากรัฐบาล

และคงไม่เลวร้ายถึงขั้นมีการยุบสภา

แรงสุดก็คงเป็นการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งก็น่าอยู่ใน 2 ระดับ

ระดับแรก “ขั้นเบา” คือปรับเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่คงต้องยกเครื่องเพื่อเรียกความศรัทธากลับคืนเพราะนโยบายเรือธง ไม่อาจแล่นฉิวตามหวัง

ระดับสอง”ขั้นแรง”เป็นการปรับที่ว่ากันว่าพรรคเพื่อไทยอาจกดดันไปยังพรรคร่วมเพื่อปรับการดูแลกระทรวงใหม่

โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ที่ดูแลกระทรวงใหญ่อย่างมหาดไทยและศึกษาธิการ ที่เริ่มมีการโยนหิน หยั่งกระแสจากฝั่งเพื่อไทยทำนองว่าอาจจะขอมีการปรับกันใหม่

แต่ก็มีคำถามว่าพรรคเพื่อไทย มีอำนาจและความเบ็ดเสร็จเด็ดขาดพอที่จะทำได้หรือไม่

เพราะสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยดูเหมือนจะมีอำนาจต่อรองที่เหนือกว่า

การปรับคณะรัฐมนตรีในระดับแรง เพื่อปรับดุลอำนาจในรัฐบาล คงไม่อาจเกิดขึ้นโดยง่าย

แต่กระนั้น แต่ละพรรคคงไม่อาจวางใจสถานการณ์ได้ การเมืองเกิดอะไรที่ไม่คาดฝันได้เสมอ

จึงต้องเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในห้วงที่อายุรัฐบาลย่างเข้าสู่ช่วง”ครึ่งหลัง”แล้ว

การเตรียมการที่น่าสนใจ ก็คงอย่างที่เห็นกัน นั่นคือพรรคภูมิใจไทย ที่ปรับแบรนด์ใหม่ โดยการเอา”สีแดง”ออกจากโลโก้พรรค เหลือเพียง”สีน้ำเงิน”สีเดียว

ถือเป็นการส่งสัญญาณ “ชัดเจน”จากพรรคภูมิใจไทย ที่เดิมวางจุดยืนเป็น”กลางๆ”เข้ากับพรรคฝั่งไหนก็ได้หากตอบสนอง”ประโยชน์”แก่ตนเองหรือพรรคได้

แต่ปัจจุบันและน่าจะรวมถึงอนาคตที่จะมีการเลือกตั้งในปี 2570 พรรคภูมิใจไทยจะชัดเจนในความเป็นพรรคสีน้ำเงิน เดินตามแนวอนุรักษ์เข้มข้น

ด้วยประเมินแล้วว่า สังคมไทยโดยรวมยังคงเหนียวแน่นอยู่ในแนวทางนี้

ที่สำคัญคงคาดหวังว่าจะได้รับความเชื่อและไว้วางใจ จาก ชนชั้นนำ ของสังคมไทย

ซึ่งก็ต้องจับต่อไปว่าพรรคภูมิใจไทยจะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจนี้ได้หรือไม่

ทั้งในเรื่องอุดมการณ์ที่อิงกับกระแสอนุรักษ์นิยม

ทั้งในเรื่องการสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ อย่างสิ่งที่ “เลขาธิการพรรค”แสดงบทบาทในสภา โชว์จุดยืนเรื่องสถาบันเทิงครบวงจร และพยายามเชื่อมโยงประเด็นปัญหาของประเทศและโลก ให้เป็น”ภาพรวม”แล้วพยายามเสนอ”วิชั่น”ที่จะแก้ไขปัญหา

ซึ่ง ความพยายามดังกล่าว สำเร็จ หรือล้มเหลว คงแล้วแต่มุมมอง

แต่ก็ทำให้เราเห็นแนวทางที่พรรคภูมิใจไทยหวังจะนำเสนอ ว่าแม้พรรคจะเน้นเดินไปบนเส้นทางสีน้ำเงิน แต่ก็มีคนรุ่น”อนุรักษ์ใหม่”ออกมาให้สังคมได้พิจารณาด้วย

ต้องติดตามต่อไปว่าจะบรรลุผลหรือไม่

ซึ่งก็คงเป็น”งานหนัก”ไม่น้อย

เพราะในท่ามกลางการผลักดัน”สีน้ำเงิน”ของพรรคภูมิใจไทย นั้น

เราพบว่า ในกระแสต่อต้านกาสิโน ทำเราได้เห็น การปรากฏตัวของ ฝ่าย”สีขาว”ด้วย

เป็นฝั่ง”สีขาว”ที่มีแนวทางอนุรักษ์นิยมอย่างเข้มข้นเช่นกัน

แต่ก็มีคำถามว่า คนในฝั่งสีขาวที่ไม่ชอบและไม่ไว้วางใจ”นักการเมือง”เท่าใดนัก

จะ “สุกงอม” เพียงพอที่จะหลอมตัวเองเข้าไปสนับสนุน พรรคสีน้ำเงิน หรือไม่

หรือกำลังเล็งหา”ผู้นำ”หรือ “พรรค”ที่ตอบสนองความเชื่อและอุดมการณ์ มากกว่าภูมิใจไทย

ซึ่งตอนนี้ยังไม่ชัดเจน แต่ก็เป็นทิศทางของการเมืองไทย ที่จะไม่ใช่เพียงมีแต่ แดง ส้ม เท่านั้น

ยังมีน้ำเงิน และ ขาว ที่จะเข้ามาเป็นตัวเล่นใหม่

และมีบทบาทเข้มข้นขึ้นกระทั่งถึงการเลือกตั้งใหม่ในปี 2570

—————