หนุ่มสาวญี่ปุ่น ไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีลูก

บทความพิเศษ | สุภา ปัทมานันท์

 

หนุ่มสาวญี่ปุ่น

ไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีลูก

 

ปัจจุบัน ญี่ปุ่นเป็นสังคมเด็กเกิดน้อยและเป็นสังคมผู้สูงวัย (少子化高齢社会)

ณ เดือนตุลาคม ปี 2024 มีประชากรลดลงติดต่อกันมา 14 ปี มีประชากรวัยทำงานอายุ 15-64 ปี 59.6% ประชากรอายุต่ำกว่า 15 ปี 11.2% เป็นจำนวนน้อยที่สุดที่เคยมี

ตรงข้ามกับประชากรสูงวัยอายุเกิน 65 ปี มี 29.3% อายุเกิน 75 ปี มี 16.8% ซึ่งต่างก็เป็นจำนวนสูงสุดจากที่ผ่านมา

ส่วนประชากรเด็กเกิดใหม่ก็ลดลงอีก 41,000 คน มีจำนวน 717,000 คนเท่านั้น

ประชากรวัยทำงานญี่ปุ่นต้องแบกรับภาระหนัก ค่าครองชีพสูงขึ้น เงินเดือน ค่าจ้างไม่ได้เพิ่มขึ้น ไล่ตามไม่ทันกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน อยู่ในภาวะชักหน้าเกือบไม่ถึงหลัง ทั้งๆ ที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ได้ชื่อว่ามีวินัยในการใช้จ่าย ไม่มีการใช้จ่ายอย่างหรูหรา ฟุ่มเฟือย ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายทุกเดือน และมีการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ

แต่กระนั้นก็ตาม ในหมู่คนหนุ่มสาววัยเริ่มสร้างครอบครัว เริ่มมีความคิดว่า “การแต่งงานเป็นของสูง ไกลเกินเอื้อม” เสียแล้ว ทั้งๆ ที่ในอดีตการแต่งงาน ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับใครสักคนอย่างมีความสุขตามวิถีชีวิตของปุถุชนคนธรรมดาอย่างเช่นคนรุ่นพ่อแม่เป็นเรื่องปกติ

แต่ปัจจุบัน แม้อยากแต่งงาน ก็ต้องเริ่มคิดให้รอบคอบเสียแล้ว ค่าใช้จ่ายของสองคนจะรับไหวไหม ไม่ต้องคิดต่อไปถึงการมีลูก

ดังนั้น อัตราการเกิดของเด็กลดน้อยลงทุกปีจึงไม่ใช่เรื่องแปลก อาจกล่าวได้ว่าหนึ่งในปัจจัยของปัญหาเรื่องนี้ คือ เรื่องเศรษฐกิจ นั่นเอง

หนุ่มสาววัยทำงานต้องทุ่มเทกับงาน คนที่มีงานประจำนับว่าโชคดีหน่อย มีรายได้เข้ามาทุกเดือน

คนที่เป็นพนักงานจ้างชั่วคราวยิ่งต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้งานทำต่อเนื่อง

ทุกคนไม่อยู่นิ่งเฉย พยายามเพิ่มความรู้ความสามารถของตัวเองเพื่อจะได้เลื่อนขั้น เลื่อนเงินเดือนบ้าง และไม่หลุดออกจากระบบ

วันทั้งวันจึงเหน็ดเหนื่อยกับการงานและยังต้องหาความรู้เพิ่มทักษะในด้านต่างๆ หวังจะเป็นประโยชน์ในอนาคตและมีรายได้เพิ่มขึ้น จะหาเวลาพักผ่อนนอนเต็มอิ่มยังยากเลย

แต่รายได้ของคนหนุ่มสาววัยทำงานก็ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นๆ

 

นักวิจัยอาวุโส ทาคุมิ ฟูจินามิ ประจำสถาบันวิจัยญี่ปุ่น (日本総合研究所 JRI) ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญหาเด็กเกิดน้อย ทำการวิเคราะห์ “รายได้ที่แท้จริง” (実質賃金real earnings) หมายถึง รายได้ที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อในขณะนั้น คิดเป็นมูลค่าของเงินที่ได้รับมาแล้วสามารถซื้อสินค้าและบริการได้มากเพียงใด ของคนวัยทำงานแต่ละช่วงวัย ได้สรุปตัวเลขที่น่าสนใจ

โดยยกตัวอย่าง กรณีพนักงานประจำชาย จบปริญญาตรี ที่เกิดระหว่างปี 1963-1967 ปัจจุบันอายุช่วงวัย 60 ปี ขณะที่เขามีอายุช่วง 30-34 ปี มีรายได้ที่แท้จริงประมาณ 5.93 ล้านเยนต่อปี

ส่วนคนที่เกิดระหว่างปี 1973-1977 ปัจจุบันอายุช่วงวัย 50 ปี ขณะที่มีอายุช่วง 30-34 ปี มีรายได้ที่แท้จริงประมาณ 5.4 ล้านเยนต่อปี ซึ่งน้อยกว่าคนกลุ่มแรก

ส่วนคนที่เกิดระหว่างปี 1988-1992 คือหนุ่มสาวในปัจจุบันอายุช่วงวัยกลาง 30 ปี มีรายได้ที่แท้จริงราว 4.89 ล้านเยนเท่านั้น

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วคนรุ่นลูกทำงานมีรายได้ที่แท้จริงน้อยกว่าคนรุ่นพ่อและรุ่นอา เกือบ 1ล้านเยนทีเดียว

คำถามคือ ทำไม “รายได้ที่แท้จริง” ของหนุ่มสาววัยทำงานปัจจุบันจึงลดลง

 

นักวิจัย ฟูจินามิ ให้เหตุผลว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นต้องเผชิญกับวิกฤติหนักหลายครั้ง ตั้งแต่ช่วงญี่ปุ่นฟองสบู่แตก เริ่มตั้งแต่ปี 1989-ทศวรรษ1990 วิกฤตตลาดการเงินเลย์แมนช็อก ปี 2008 เป็นต้น เป็นเหตุให้องค์กรธุรกิจต่างๆ ต้องระมัดระวังควบคุมต้นทุนและรายจ่ายอย่างเคร่งครัด

หากขึ้นค่าจ้างให้แล้ว สหภาพแรงงานก็คงต่อสู้ต่อไปไม่มีทางลดลงได้อีก เป็นภาระที่องค์กรต้องแบกรับ

ดังนั้น การขึ้นค่าจ้างของคนทำงานวัยหนุ่มสาวจึงถูกควบคุมอย่างมาก หลังยุคฟองสบู่แตกเป็นต้นมา

จึงเป็นเหตุให้คนหนุ่มสาวที่อยากแต่งงาน อยากมีลูก เริ่มลดลงนับแต่นั้นมา แม้ว่าขณะนี้เริ่มมีบริษัทใหญ่ๆ ประกาศปรับฐานเงินเดือนเพิ่มให้พนักงานเข้าใหม่แล้ว เพื่อกันสมองไหลออก ท่ามกลางภาวะขาดแคลนแรงงานก็ตาม แต่จำนวนเด็กเกิดใหม่ก็ยังลดลงต่อเนื่อง

หอการค้าโตเกียว (東京商工会議所) ทำการสำรวจคนทำงานในเขตเมืองอายุ 18-34 ปี ประมาณ 2,000 คน หากจะมีลูก รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องใดมากที่สุด 74.1% กังวลเรื่องรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย ค่าเลี้ยงดู ค่าการศึกษา เป็นต้น

กล่าวได้ว่า 3 ใน 4 คน มีความกังวลด้านเศรษฐกิจ

39.2% กังวลเกี่ยวกับภาระงานบ้านและการเลี้ยงลูกที่ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น

33.7% กังวลว่าคู่ชีวิตจะไม่เข้าใจและไม่ช่วยแบ่งเบามีส่วนร่วมในการเลี้ยงลูก

30% ต้องทำงานดึกดื่นทุกวันจนไม่มีเวลาพัก เป็นต้น

นอกจากนี้ บางคนยังกังวลว่าการมีลูกจะเป็นตัวถ่วงความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หรือทำให้มีเวลาส่วนตัวในชีวิตคู่ลดน้อยลงอีกด้วย

 

หญิงวัย 20 ปี แต่งงานแล้ว ยังไม่มีลูก ให้ความเห็นว่า อยากให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือคนวัยทำงานด้วยการลดภาษี ให้เงินช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูบุตร เพราะว่ามีคนอีกมากที่ถอดใจเรื่องการแต่งงานและมีลูก จากปัญหาด้านเศรษฐกิจ ตัวเองและสามียอมกินไม่อิ่มได้ แต่ถ้าลูกต้องอดๆ อยากๆ คงปวดใจมาก

ชายวัยกลาง 30 ปี แต่งงานแล้ว ยังไม่มีลูก บอกว่า แต่งงานหลังเข้าทำงานได้ 2 ปี มีภาระผ่อนใช้หนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา มองไม่เห็นอนาคตจึงไม่กล้าตัดสินใจมีลูกตั้งแต่อยู่ในวัย 20 ปี ตอนนี้อยากมีลูก แต่กลายเป็นต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาการมีบุตรยาก ถึงที่สุดแล้วอาจต้องเลิกล้มความคิดก็เป็นได้

หญิงวัย 30 ปี แต่งงาน มีลูกแล้ว สะท้อนความในใจทั้งหมดของคนวัยหนุ่มสาวที่มีลูกว่า รายได้ไม่เพิ่ม ของแพง ค่าครองชีพสูง รัฐบาลกำหนดรายได้ขั้นต่ำของผู้ที่จะได้รับเงินช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูบุตร ราคาที่อยู่อาศัยแพงขึ้น จนไม่สามารถเช่าหรือผ่อนซื้อบ้านที่กว้างขวางพอจะเลี้ยงลูกได้หลายคน โดยไม่ต้องขับรถไปกลับที่ทำงานใช้เวลาไม่นาน ใครจะอยากอยู่ในสภาพแบบนี้

ทำไมหนุ่มสาวญี่ปุ่นจึงไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีลูก…