ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | หลังลับแลมีอรุณรุ่ง |
ผู้เขียน | ธงทอง จันทรางศุ |
เผยแพร่ |
หลังลับแลมีอรุณรุ่ง | ธงทอง จันทรางศุ
ทาง ‘สายกลาง’
ของห้องทำงาน ‘คนภาครัฐ’
ข่าวใหญ่ในระดับชาติ ในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเห็นจะไม่มีอะไรใหญ่ไปกว่าข่าวเรื่องอาคารที่ทำการของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เขตจตุจักร ยับย่อยเป็นผุยผงไปในพริบตา เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นเหตุให้จนถึงวันที่ผมนั่งเขียนหนังสืออยู่นี้มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 50 คนแล้ว และยังมีผู้สูญหายอีกหลายสิบคน ซึ่งยิ่งวันเวลาผ่านไปหลายวันเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าโอกาสที่จะรอดชีวิตก็มีน้อยลงเท่านั้น
ปฏิกิริยาที่ติดตามมาหลังจากตึกถล่ม คือ การถามหาสาเหตุว่า เหตุใดตึกหลังนี้จึงถล่มลงมาได้
เวลานี้ดูเหมือนภาพใหญ่ที่มองเห็น คือ ความเป็นไปได้ที่จะมีการทุจริตหรือความไม่ชอบมาพากลทั้งหลายในการก่อสร้าง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไขปรับปรุงแบบก่อสร้างโดยไม่ผ่านกระบวนการที่ครบถ้วนถูกต้อง
ข้อสงสัยในเรื่องวัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน
เรื่อยไปจนถึงเรื่องผู้ควบคุมงานการก่อสร้างซึ่งเป็นกลไกที่จำเป็นต้องมีตามกฎหมาย แต่โอละพ่อกลายเป็นว่า ลายมือชื่อของผู้ควบคุมงานที่ปรากฏชื่ออยู่ในเอกสารอาจจะเป็นลายมือชื่อปลอมก็ได้
และยิ่งนานไป ก็อาจมีประเด็นอื่นที่ส่อไปในทางทุจริตหรือมีนอกมีในปรากฏเพิ่มเติมมาอีกก็ได้
ในฐานะที่ผมเคยทำราชการเป็นข้าราชการอยู่ตามหน่วยงานต่างๆ เป็นเวลา 35 ปีก่อนเกษียณอายุเต็มภาคภูมิในปี 2558 และแม้จนทุกวันนี้ก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยในฐานะต่างๆ ถึงแม้ไม่ใช่ในฐานะคนที่ทำงานเต็มเวลาก็ตามที
แต่แน่นอนว่าผมย่อมคุ้นเคยกับชื่อของหน่วยงาน “สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน” หรือที่เรียกชื่อย่อว่า สตง. มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
ในความรับรู้ของคนทำงาน เจ้าหน้าที่จาก สตง.จะเข้ามาตรวจสอบการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการเงินการทองทั้งหลาย ว่าการใช้จ่ายเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎระเบียบหรือไม่
ถ้าไม่ถูกต้อง นอกจากการแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว ผู้ที่ทำไม่ถูกต้องและเป็นเหตุให้เงินหลวงต้องเสียหายตกหล่นไปก็อาจต้องรับโทษในทางอาญา ในทางวินัย และชดใช้เงินคืนให้กับหลวงด้วย
นอกจากการปฏิบัติในเรื่องการเงินจะมีความครบถ้วนถูกต้องหรือไม่แล้ว บ่อยครั้งที่เจ้าหน้าที่จาก สตง.จะตรวจสอบไปจนถึงเรื่องความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในการใช้เงินหลวงไปทำอย่างโน้นอย่างนี้ว่ามีรูรั่วหรือไม่
หลายวาระ สตง.ตั้งคำถามและความสงสัยว่าทำไมถึงฟุ่มเฟือยกันอย่างนี้
ประเด็นใดตามที่ สตง.ทักท้วงขึ้น หน่วยงานที่ถูกตรวจสอบจะปล่อยให้เงียบหายไปเฉยๆ ไม่ได้เป็นอันขาด หากแต่มีหน้าที่ที่จะต้องแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามความเห็นของ สตง.
ถ้าเวลาผ่านไปจนถึงรอบที่ สตง.มาตรวจสอบอีกคราวหนึ่งแล้ว ทุกอย่างยังไม่มีการแก้ไขให้ลุล่วง คราวนี้ก็ตัวใครตัวมันแล้วล่ะครับ
ฤทธิ์เดชของ สตง.มีถึงขนาดนี้ ใครต่อใครจึงคาดหวังว่าตัว สตง.เองก็ต้องทำตัวให้ได้มาตรฐานแบบเดียวกันด้วย
มิฉะนั้นจะเป็นเรื่องตลกมากที่เจ้าตัวไปตรวจคนอื่นแล้วบอกว่าคนโน้นผิด คนนี้ผิด แต่ตัวเองทำผิดได้ ไม่เป็นไร
ในระหว่างที่การตรวจสอบในเรื่องทุจริตเกี่ยวกับการสร้างตึกสำนักงานแห่งนี้กำลังเดินหน้าไปอย่างเข้มงวด และยังไม่มีข้อสรุปหรือหลักฐานที่เป็นทางการร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า โครงการดังกล่าวมีนอกมีในอะไรหรือไม่
แต่สิ่งที่ผมสนใจเป็นพิเศษคือประเด็นที่ สตง.ได้เคยทักท้วงหรือตั้งข้อสังเกตกับหน่วยงานของรัฐมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เกี่ยวกับความคุ้มค่าของการใช้เงินหลวงในกิจกรรมต่างๆ ที่เห็นได้ชัด คือการซื้อข้าวของต่างๆ มาใช้เพื่อการปฏิบัติงาน
จากแผนผังการก่อสร้าง จนกว่าจะมีหลักฐานอื่นที่ชัดเจนกว่านี้หักล้าง ผมก็จะเชื่อถือว่าแผนผังอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินชั้นที่เป็นที่ทำงานของประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินที่เปิดเผยต่อสาธารณะแล้วในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นขนาดของห้องทำงาน ห้องอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นต้นว่า ห้องของที่ปรึกษาของประธาน ห้องพักรับรองแขก ห้องประชุม ห้องอาหาร ห้องผู้ติดตาม ห้องน้ำ ห้องเตรียมอาหาร และอีกสารพัดห้อง รวมตลอดถึงเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวซึ่งปรากฏอยู่ในรายการค่าใช้จ่ายเพื่อให้อาคารแห่งนี้สามารถปฏิบัติงานได้บริบูรณ์ครบถ้วนเมื่อถึงเวลาเปิดทำการ
เป็นต้นว่า ต้องมีเก้าอี้เท่านั้นตัว เก้าอี้ต้องมีคุณสมบัติว่าเป็นหนังที่มาจากประเทศนั้นประเทศนี้ และยังดีที่ไม่ถึงขนาดที่ต้องบอกว่าเป็นหนังวัวหรือหนังแกะที่ตายในท้องแม่ ราคาของเก้าอี้ซึ่งตัวหนึ่งมีราคาเฉียดแสน และไม่ได้มีตัวเดียวเสียด้วย เรื่องอย่างนี้ถ้าเกิดขึ้นที่หน่วยงานของรัฐอื่น ใครต่อใครคงอยากรู้ว่า สตง.จะมีข้อสังเกตหรือมีคำทักท้วงอย่างไรหรือไม่
จากหลักฐานที่มาล่าสุดเมื่อวานนี้ จะอยู่ตรงชั้นไหนของอาคารที่ถล่มไปแล้วก็ไม่ทราบได้ แต่มีห้องที่เรียกว่า ห้องสันทนาการ ความจุคนก็เห็นได้ประมาณ 100 หรือ 200 คน ข้อสำคัญคือห้องที่ว่านี้ การกำหนดคุณสมบัติของเครื่องเสียงเครื่องแสง อยู่ในเกณฑ์หรูหราหมาเห่ามาก
หรูหราหมาเห่า แปลว่า หรูหราเสียจนกระทั่ง ถ้าหมามามองเห็นแล้วก็ต้องเห็นแปลกตาแปลกใจ และถึงขนาดต้องเห่ากระโชกใส่ด้วยความตื่นเต้น
เรื่องอย่างนี้ก็ตรวจสอบกันต่อไปนะครับ และคนไทยก็กำลังอยากรู้ว่า สุดท้ายแล้วจะลงเอยอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทุจริตหรือไม่ทุจริต เรื่องของความคุ้มค่าไม่คุ้มค่าของการใช้เงินหลวงเงินแผ่นดิน ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างทั้งเป็นคนนอก สตง. และคนใน สตง.เองทุกระดับจะมีความรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหน
หรือว่าจับมือใครดมไม่ได้ หรืออีกมุมหนึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ว่า จับไม่ได้ว่าใครดมมือ ฮา!
ระหว่างที่รอผลการตรวจสอบปรากฏโฉมขึ้นมา ขอโอกาสให้ผมได้ทบทวนเสียหน่อยว่า ห้องทำงานตลอดจนเฟอร์นิเจอร์คือโต๊ะเก้าอี้ของคนทำงานภาครัฐนั้น มีกฎกติกาว่าอย่างไรบ้าง เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับความเข้าใจของผู้อ่านหรือท่านอื่นที่ไม่ได้ทำงานอยู่ในหน่วยงานของรัฐ
ผมเข้าใจว่าเพื่อให้การซื้อโต๊ะซื้อเก้าอี้สำหรับข้าราชการนั่งทำงานมีความใกล้เคียง ไม่มากไม่น้อยจนเกินสมควร ได้มีการกำหนดมาตรฐานเป็นกติกากลางที่ใช้ทั่วถึงทั้งประเทศไว้เลยทีเดียวว่า โต๊ะและเก้าอี้ทำงานของข้าราชการแต่ละระดับ จะต้องมีขนาดไม่ใหญ่โตเกินเท่าไร มีราคาเท่านั้นเท่านี้
ผมเข้าใจว่ากติกาแบบนี้ก็ยังคงอยู่ และคงมีการปรับให้เหมาะสมกับข้อเท็จจริงของยุคสมัย
กติกาที่ว่านั้นใช้บังคับโดยเคร่งครัดกับข้าราชการผู้น้อย แต่ถ้าเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ขึ้นมาแล้ว อัฐบริขารในการนั่งทำงานของข้าราชการผู้ใหญ่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่โต๊ะและเก้าอี้เท่านั้น หากยังเลยไปถึงชุดรับแขก ห้องน้ำส่วนตัว และอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็นต่อการทำงาน เช่น ห้องประชุม ห้องพักคอยสำหรับแขกที่มาพบ เหล่านี้เป็นต้น
ในฐานะที่ผมบอกกับตัวเองว่าผมเป็นพุทธศาสนิกชน การเดินสายกลางในการใช้ชีวิตนอกจากจะใช้กำกับใจของตัวเองในหลายเรื่องแล้ว ผมยังอยากจะใช้ทางสายกลางนี้มาเป็นเครื่องกำกับในเรื่องห้องทำงานและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นต้องมีในสำนักงานด้วย
เมื่อครั้งที่ผมเริ่มทำงานใหม่ในฐานะเป็นอาจารย์ที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ธรรมชาติการทำงานของอาจารย์ซึ่งเป็นการทำงานทางวิชาการ ต้องการความสงบ ต้องการพื้นที่สำหรับเก็บหนังสือสำหรับตำราต่างๆ ไว้ใกล้มือสำหรับหยิบค้นคว้าใช้สอยได้สะดวก
คณะในยุคสมัยนั้นก็ได้กรุณาจัดให้อาจารย์แต่ละคนมีห้องทำงานเดี่ยวเฉพาะตัวขนาดเล็ก ภายในห้องมีโต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้ของอาจารย์หนึ่งชุด มีเก้าอี้สำหรับนิสิตหรือใครก็ตามที่พบปรึกษาหารือตั้งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานอีกสองตัว
ภายในห้องก็มีชั้นหนังสืออีกสองชั้น ผมพบว่าด้วยพื้นที่และการใช้สอยเครื่องเรือนเหล่านี้ กำลังพอเหมาะพอสมควรกับการทำหน้าที่อาจารย์ ไม่มากไม่น้อยเกินไป
อีกหลายปีต่อมาเมื่อผมเป็นคณบดีของคณะนิติศาสตร์ เป็นเวลาที่กำลังมีการก่อสร้างอาคารหลังใหม่ คณะนิติศาสตร์ พร้อมกับทุบอาคารหลังเดิมทิ้ง ระหว่างเวลานั้นห้องทำงานของคณบดี ซึ่งอยู่ในอาคารชั่วคราวที่เคยเป็นโรงเรียนศึกษาวัฒนามาก่อนก็ไม่ได้ใหญ่โตหรูหราอะไร
ภายในห้องทำงานของผมก็มีโต๊ะและเก้าอี้ทำงานของผมหนึ่งชุดเป็นธรรมดา มีเก้าอี้สำหรับผู้ที่มาพบนั่งคุยกันอยู่ตรงหน้าผมสองตัว และมีโต๊ะขนาดกลางอีกหนึ่งตัวพอนั่งได้ไม่เกินหกคน สำหรับการประชุมหารือภายใน
หน้าห้องทำงานของผมก็มีโต๊ะเลขานุการหนึ่งตัว อยู่กันอย่างนี้ก็สุขสบายดี ห้องน้ำก็ไปใช้รวมกันกับคนอื่น ไม่ได้รู้สึกขัดข้องอะไร
วันหนึ่งผมก็เกิดย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีที่ทำงานอยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ เป็นอาคารเช่าจากเอกชน เรียกว่าอาคารซอฟต์แวร์พาร์ค ห้องทำงานผมอยู่ชั้น 38 คราวนี้ห้องทำงานของผมใหญ่ขึ้นมาหน่อย นอกจากโต๊ะเก้าอี้ทำงานของตัวเองแล้ว ภายในห้องทำงานของผมยังมีชุดรับแขกที่รับแขกได้หกคนหนึ่งชุด และมีโต๊ะประชุมขนาดเล็กที่นั่งได้ประมาณหกถึงแปดคนอีกหนึ่งชุด
ส่วนทีมเลขานุการของผมนั้น นั่งอยู่รวมกันกับทีมเลขานุการของท่านรองกระทรวงคนอื่น เป็นห้องโถงกว้างอยู่ด้านหน้าของห้องรองปลัดกระทรวงท่านอื่นอีกสองคน
และห้องทำงานของรองปลัดกระทรวงยุติธรรมนี่เอง เป็นคราวแรกที่ผมมีห้องน้ำอยู่ในห้องทำงานของตัวเองเป็นเอกเทศ
จะพรรณนาหรือเล่าอะไรมากไปกว่านี้ ก็จะชวนให้ท่านสับสนหรือหมั่นไส้เพิ่มยิ่งขึ้นเสียเปล่าๆ
ผมเพียงแต่อยากจะทบทวนเรื่องทั้งหมดนี้เพื่อบอกกับตัวเองและท่านผู้อ่านว่า “ความพอดี” ไม่มากไป ไม่น้อยไป เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก
ตั้งแต่ทำงานมาจนเกษียณอายุ และจนทุกวันนี้ก็ยังมีห้องทำงานกระจัดกระจายอยู่ตามหน่วยงานต่างๆ ที่ผมเกี่ยวข้องสองสามแห่ง ผมไม่เคยเรียกร้อง ไม่เคยหวังจะให้มี และถ้ามีก็ต้องต่อว่าต่อขานกันอีกมาก ผมหมายถึงอะไรหรือครับ ผมหมายถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ราคาแพง หรูหราจนเกินเหตุ ต้องใช้เก้าอี้ที่หุ้มด้วยหนังมาจากต่างประเทศนั่นแหละเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
ผมตระหนักดีว่า การดำรงตำแหน่งทุกตำแหน่งผมมีภาวะเป็นการชั่วคราว ไม่มีใครอยู่ในตำแหน่งนั้นได้ไปตลอดชีวิต ตอนแรกเกิดมาผมก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนั้น และตอนตายก็ไม่มีตำแหน่งอะไรเหลือเลยแม้แต่ตำแหน่งเดียว
โต๊ะ เก้าอี้ คอมพิวเตอร์ ชุดรับแขก โต๊ะหมู่บูชา ห้องน้ำ โคมไฟ ฯลฯ เป็นของใช้ชั่วคราวในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต และถ้าเป็นหน่วยงานของรัฐ ย่อมหมายความว่าข้าวของเหล่านั้นซื้อหามาด้วยเงินของแผ่นดิน เป็นเงินภาษีที่มาจากคนทั้งประเทศ การจัดหาข้าวของมาใช้สอยจึงต้องทำให้พอเหมาะกับความเป็นไปในหน้าที่
ถูกล่ะครับ บางเวลาในตำแหน่งหน้าที่ของผม ต้องรับแขกต่างประเทศ ต้องมีเพื่อนข้าราชการจากหน่วยงานอื่นมาพบปะหารือ รวมทั้งมีประชาชนหรือผู้ที่มีข้อราชการมาติดต่อต้องเข้ามาในห้องทำงานเพื่อพูดคุยกัน ความสะดวก ความสะอาด ความไม่มากไม่น้อยเกินไปจึงเป็นช่วงที่ไม่ควรละเลย
แต่ถ้ามากันมากคนนัก อยู่ในห้องทำงานของผมจะแออัดเกินไป ก็ไปคุยกันในห้องประชุมของสำนักงานซึ่งมีห้องใหญ่ห้องเล็กให้เลือกตั้งเยอะ ไม่ต้องมีห้องประชุมส่วนตัวของผม ผมก็ไม่เดือดร้อน แค่มีโต๊ะประชุมเล็กๆ อยู่ในห้องตัวเองเพื่อประชุมเล็กน้อยก็สะดวกเพียงพอแล้ว
นี่ได้ข่าวว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินกำลังจะคิดอ่านสร้างสำนักงานแห่งใหม่แทนตึกที่ถล่มล้มลงไปแล้ว ไม่ทราบเหมือนกันว่าตึกใหม่ที่จะสร้างคราวนี้จะมีกี่ชั้น และยังแบกบรรทุกความหรูหราเอาไว้เหมือนเดิมหรือเปล่า
เมื่อหน่วยงานทั้งหลายปฏิบัติสิ่งใดผิดพลาดไปแล้ว สตง.เมื่อตรวจพบและร้องเตือนขึ้น หน่วยงานนั้นก็ต้องรีบแก้ไขเสียให้ถูกต้อง อย่าให้ สตง.ต้องมาเตือนซ้ำหรือจับผิดได้อีกในการตรวจรอบต่อไป
ผมก็หวังแต่ว่า สตง.จะได้บทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคราวนี้ในหลายแง่มุม และไม่ทำผิดซ้ำอีกในอันข้างหน้า
เดินสายกลางไว้เถิดครับ รับรองว่าปลอดภัย
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022