
ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | วิรัตน์ แสงทองคำ |
ผู้เขียน | วิรัตน์ แสงทองคำ |
เผยแพร่ |
ในเสี้ยวหนึ่งแห่งโอกาสที่เปิดกว้างนั้น ท่ามกลางสังคมเมืองเติบโต มีดัชนีเล็กๆ ซ่อนอยู่-ตลาดกาแฟสำเร็จรูปขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้ง
หากจะตีความอีกนัยหนึ่ง เกี่ยวกับ “เจ้าพ่อเนสกาแฟ” อาจเป็นไปได้ว่า จากจุดตั้งต้นสำคัญ การสะสมทุน สะสมความมั่งคั่งมาจากธุรกิจกาแฟสำเร็จรูป
ทำให้ ประยุทธ มหากิจศิริ และธุรกิจครอบครัวของเขา มีความสามารถ ค่อยๆ ขยายอาณาจักรธุรกิจกว้างขึ้น
มุมนี้มีสิ่งอ้างอิงพอใช้ได้ ปรากฏเป็นไทม์ไลน์ การลงทุนธุรกิจใหม่ๆ ไม่ว่า เดินเรือ หรืออสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ล้วนเกิดขึ้นเป็นฉากต่อเนื่องจากนั้น
อันที่จริง เนสกาแฟ (Nescafé) เป็นเพียงผลิตภัณฑ์หนึ่งของเครือข่ายธุรกิจระดับโลก ก่อตั้งมาแล้วกว่า 150 ปี “เนสท์เล่ (Nestlé) -บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก ครอบคลุม 185 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเวเวย์ (Vervey) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์…” (https://www.nestle.co.th)
ที่น่าสนใจ สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เมืองริมทะเลสาบเจนีวา เป็นจุดหมายการท่องเที่ยวระดับโลก คนไทยเองมักแวะเวียนอยู่เสมอ นอกจากมีพิพิธภัณฑ์เนสท์เล่ ยังมีอนุสาวรีย์ Charlie Chapin (ผู้มาพำนักที่นี่กว่า 2 ทศวรรษในช่วงบั้นปลายชีวิต) และประติมากรรมยุคใหม่ในทะเลสาบ – Fork of Vervey
สำหรับประเทศไทย เนสท์เล่เข้ามาวางรากฐานกว่าศตวรรษเช่นกัน “…มีโรงงานทั้งหมด 8 แห่ง ซึ่งผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มประเภทต่างๆ ทั่วประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียง เช่น เนสกาแฟ เนสท์เล่ตราหมี ไมโล เนสท์เล่เพียวไลฟ์ เนสวิต้า แม็กกี้ และเนสท์เล่ไอศกรีม…” อีกตอนว่าด้วย ข้อมูลปัจจุบัน (ที่มา อ้างแล้ว)
เนสท์เล่ประเทศไทย ตั้งใจนำเสนอไทม์ไลน์ ว่าด้วยผลิตภัณฑ์ที่มาถึงครั้งแรก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ตราหมี (2477) แม็กกี้ (2494) และไมโล (2501) ส่วนที่เกี่ยวกับเนสกาแฟนั้น ได้ตามมาในไม่ช้า
“พ.ศ.2516 ร่วมทุนกับบริษัท กาแฟผงไทย จำกัด เพื่อผลิตกาแฟสำเร็จรูปตราเนสกาแฟ เนสท์เล่ ดีโค และกาแฟปรุงสำเร็จ ทรีโอ เนสกาแฟจึงได้เปิดตัวขึ้นในประเทศไทย” เท่าที่ทราบโรงงานตั้งขึ้นที่บางนา
อีกช่วงที่สำคัญควรกล่าวถึง “พ.ศ.2515 แต่งตั้งบริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด ให้เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ทั้งหมด”
จนถึงจุดเปลี่ยน “…บริษัทเนสท์เล่ โปรดักส์ (ไทยแลนด์) อิงค์ (NEPRO) …ดึงเอาการบริหารการตลาด การขาย และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ กลับมาจากดีทแฮล์ม ส่งผลให้เนสท์เล่มีอำนาจเต็มในการบริหาร ณ วันที่ 1 เมษายน 2532 สามารถผนวกบริการเชิงพาณิชย์และบริการสนับสนุนต่างๆ เข้ามาไว้ในองค์กรแห่งเดียวกันได้”
เป็นจังหวะสั้นๆ ก่อนหน้ามาถึงจุดตั้งต้น พาดพิงถึงกรณีต้นเรื่อง “พ.ศ.2533 เนสท์เล่เป็นเจ้าของแบรนด์เนสกาแฟแต่เพียงผู้เดียว ได้ย้ายการผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟไปยังโรงงานฉะเชิงเทราที่เพิ่งเปิดใหม่ ซึ่งดำเนินการผลิตโดย Quality Coffee Products Ltd” ดูเหมือนเนสท์เล่ตั้งใจบันทึกข้อความสำคัญไว้ในนั้นด้วย (ขีดเส้นใต้โดยผู้เขียน)
ว่าไปแล้ว ข้อมูลฝั่ง PM Group ในช่วงหลังๆ ก็ว่าไว้ทำนองเดียวกัน ที่ว่า Quality Coffee Products Ltd เป็นแค่โรงงานผลิต
เท่าที่ติดตามภาพรวมตลาดกาแฟสำเร็จรูปในประเทศไทย ปรากฏเติบโอย่างต่อเนื่อง คาดกันปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยมีเนสกาแฟเป็นผู้นำตลาด แม้อยู่ท่ามกลางกระแสและวัฒนธรรมกาแฟที่แยกจากกาแฟสำเร็จรูปพุ่งแรงในสังคมในช่วงกว่าทศวรรษมานี้ โดยเฉพาะการเติบโตของร้านกาแฟ และการโปรโมตกาแฟภูดอยภาคเหนือ
ข้อมูลคร่าวๆ ของ Quality Coffee Products Ltd ให้ภาพเช่นนั้น ช่วงปี 2558-2561 มีรายได้ใกล้เคียงกันระดับ 7-8,000 ล้านบาท มีกำไรค่อนข้างดีในเกือบๆ 3,000 ล้านบาท (อ้างจากข้อเขียนเกี่ยวกับประยุทธ มหากิจศิริ ใน Forbes Thailand) มาถึงช่วงนี้ (ปี 2567) ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุไว้ว่า Quality Coffee Products Ltd มีรายได้มากถึง 17,000 ล้านบาท แม้กำไรเพิ่มขึ้นไม่มากจากทศวรรษที่แล้ว อยู่ในระดับกว่า 3,000 ล้านบาท
สำหรับ PM Group และตระกูลมหากิจศิริแล้ว ย่อมไม่ใช่เรื่องดี จากผลพวงการแยกทาง ตามมาด้วยแผนการยุบ Quality Coffee Products Ltd แรงเฉื่อยและแรงปะทะครั้งใหญ่ ต่อการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกผัน ย่อมจะเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ดังเรื่องราวเป็นข่าวใหญ่ปะทุในวงกว้างช่วงก่อนวันสงกรานต์ และต่อเนื่องจากนั้น
หลายๆ คนเชื่อว่า ในที่สุด คงเป็นไปตามเกมอย่างที่เคยเป็นมา ไม่ว่ากรณี เสริมสุข กับ PEPSI หรือกลุ่มไมเนอร์กับ PIZZA HUT •
วิรัตน์ แสงทองคำ | www.viratts.com
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022