NICKEL BOYS | ‘แบ่งแยกด้วยสีผิว’

นพมาส แววหงส์

ลัทธิชิงชังและเหยียดผิวคงจะเป็นแผลร้ายกลัดหนองและเรื้อรังกัดกินใจคนอเมริกันต่อไปอีกนานแสนนาน

เห็นได้จากการที่หนังที่มีเนื้อหาและประเด็นเกี่ยวกับเรื่องนี้จะได้รับการสนับสนุนและกล่าวขวัญเป็นพิเศษด้วยความยกย่องยำเกรง ปีแล้วปีเล่า

ปีนี้ก็มี Nickel Boys ติดโผเข้ารอบสุดท้ายชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของออสการ์

หนังวางท้องเรื่องหลักๆ ไว้ในช่วงทศวรรษ 1960 ในฟลอริดา ในช่วงเวลาที่เรียกว่า “ยุคสมัยจิม โครว์”

ยุคสมัยนี้อยู่ในช่วงระหว่างปลายศตวรรษที่ 19 จนถึงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 มีกฎหมายบังคับใช้เรื่องการแบ่งแยกผิวสีในสถานที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน โรงพยาบาล บริษัทห้างร้าน ร้านค้า สถานประกอบการ ทัณฑสถาน ห้องน้ำสาธารณะ รถประจำทาง และอื่นๆ

การแบ่งแยกผิวสีจะเข้มข้นมากโดยเฉพาะในรัฐทางใต้ของสหรัฐอเมริกา

กฎหมายนี้จะถูกล้มเลิกไปในปี 1965 เป็นผลจากการเรียกร้องของนักสิทธิมนุษยชนอย่าง มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ฯลฯ ซึ่งโดนลอบสังหารไปก็เพราะเหตุนี้

หนังเล่าเรื่องด้วยเทคนิคการถ่ายทำที่ใช้กล้องจากสองมุมมอง เรียกว่าเป็น “มุมมองของบุรุษที่ 1” (first-person point of view) สลับกันระหว่างตัวละครหลัก 2 คน คือ เอลวู้ด และ เทอร์เนอร์

เอลวู้ด เคอร์ติส (อีธาน เฮรีซ) ในวัยเรียน เป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่และมียายชื่อ แฮตตี้ (ออนจานู เอลลิส-เทย์เลอร์) เลี้ยงดูรักใคร่เหมือนเลือดในอก

เอลวู้ดเป็นเด็กหัวดี จึงเป็นที่รักของครู ซึ่งดูแลช่วยเหลือให้เขาได้รับทุนเรียนดีในสถาบันที่มีชื่อเสียง

ในวันที่ไปโรงเรียนแห่งนั้นเป็นครั้งแรก เอลวู้ดโบกรถไป และปรากฏว่ารถคันนั้นถูกตำรวจจับด้วยข้อหาเป็นรถที่ถูกขโมยมา เอลวู้ดซึ่งเป็นเพียงคนติดรถมาด้วย ถูกแจ้งข้อหาสมรู้ร่วมคิด และถูกส่งตัวเข้าสถานพินิจ หรือโรงเรียนดัดสันดานชื่อสถาบันนิกเคิล

ที่นั่นเขาพบเห็นเจอะเจอประสบพบพานเรื่องราวต่างๆ ที่ประกอบด้วยอคติ การเหยียดผิวและความอยุติธรรมต่างๆ นานา ทั้งในด้านความเป็นอยู่ การถูกเหยียดหยามรังแก การถูกทรมาน การลงโทษลงทัณฑ์สถานหนักเกินกว่าเหตุ ฯลฯ

ทัศนคติและท่าทีของครู/พัศดีที่บริหารจัดการสถานดัดสันดาน มร.สเปนเซอร์ (แฮมิช ลิงก์เลเตอร์) แสดงชัดตั้งแต่แรกที่เอลวู้ดถูกส่งตัวไปกักกัน ว่าแทบไม่มีทางที่เด็กผิวดำจะได้พ้นโทษไปจากสถานกักกันแห่งนี้

และการแบ่งแยกผิวปรากฏชัดในความเป็นอยู่และการได้รับสิทธิพิเศษของเด็กผิวขาว

เด็กผิวดำต้องทำงานหนักกว่า โดนลงโทษมากกว่า ฯลฯ

เอลวู้ดถูกเรียกตัวไปรับใช้คุณนายของสเปนเซอร์ในฐานะคนงาน และได้รับความกรุณาจากมิสซิสสเปนเซอร์พอสมควร แต่ขณะเดียวกันก็ส่อนัยถึงความประพฤติมิชอบบางประการ

ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงเอลวู้ดบันทึกรายละเอียดลงในอนุทินส่วนตัว

เขาเป็นเด็กมีอุดมการณ์และเชื่อในความเปลี่ยนแปลงในทางดีของสังคม บุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจของเขา คือ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ซิดนีย์ ปอยเตียร์ ฯลฯ

มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จากสปิริตของการต่อสู้เรียกร้องสิทธิและความเป็นธรรมในสังคม

และซิดนีย์ ปอยเตียร์ จากภาพลักษณ์และความสำเร็จโด่งดังของคนผิวดำในโลกมายา เทียบขั้นได้ประมาณเดียวกับเดนเซล วอชิงตัน สมัยนี้หรือเหนือกว่านั้นด้วยซ้ำ

เอลวู้ดมีเพื่อนสนิทในสถานพินิจ ชื่อเทอร์เนอร์ (แบรนดอน วิลสัน) ซึ่งมองโลกในแง่ร้ายมากกว่า และมองไม่เห็นทางจะเปลี่ยนโลกนี้ให้ดีขึ้นและยุติธรรมโดยทั่วหน้าได้

หนังจะเล่าเรื่องจากมุมมองของคนสองคนนี้ บางครั้งก็เสนอเหตุการณ์เดียวกันแต่จากต่างมุมมอง ซึ่งชวนให้งงเล็กน้อย แต่ในตอนจบก็นำไปสู่ความเข้าใจถึงการเล่าเรื่องซ้ำๆ ในลักษณะนี้

ระหว่างการเดินเรื่องในช่วงทศวรรษ 1960 หนังตัดสลับไปที่ภาพเหตุการณ์ร่วมสมัย โดยเฉพาะนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ดารายอดนิยมผิวดำ โครงการอวกาศของสหรัฐ ที่ส่งยานอะพอลโลไปดวงจันทร์ ฯลฯ

ตอนที่คุณยายแฮตตี้เดินทางอย่างยากลำบากมาเยี่ยมหลานที่สถาบันนิกเคิลนี้ เอลวู้ดกำลังบาดเจ็บอย่างหนักด้วยโทษทัณฑ์จากเรื่องที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อ เหมือนกับที่ถูกหางเลขจากการโบกรถผิดคันจนพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่

แฮตตี้จึงไม่ได้รับอนุญาตให้เจอหลาน เธอทำได้เพียงแค่ฝากเทอร์เนอร์ไปบอกเขา

ความพยายามเฮือกสุดท้ายของแฮตตี้ในการช่วยหลานชายด้วยการรวบรวมเงินก้อนสุดท้ายไปจ้างทนายยื่นอุทธรณ์ให้ ก็ต้องเป็นหมันไป เพราะทนายเอาเงินไปแล้วก็ย้ายสำนักงานหนีไปอยู่เมืองอื่นเอาดื้อๆ

ความหวังสุดท้ายของเอลวู้ดที่จะออกไปจากสถานกักกันหฤโหดแห่งนี้ได้ คือการส่งเรื่องไปร้องเรียนผู้มีอำนาจด้วยรายละเอียดในอนุทินที่บันทึกไว้

ทว่า เมื่อเรื่องนี้รู้ไปเข้าหูผู้บริหารของนิกเคิล เอลวู้ดก็โดนหมายหัวขั้นเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทำให้เขาต้องหาทางเอาชีวิตรอดด้วยการ “แหกคุก” หนีไป

เรื่องตรงนี้ขออุบไว้ไม่เล่าละเอียดนะคะ เพราะจะเป็นสปอยเลอร์สำคัญ

ข้ามช็อตมาสู่ปลายศตวรรษที่ 20 และต้นศตวรรษที่ 21 “เอลวู้ด” มีชีวิตที่ดีขึ้น มีภรรยาและมีกิจการเป็นของตัวเอง มีโอกาสได้ช่วยเหลือเพื่อนเก่าที่เคยอยู่ในสถานดัดสันดานด้วยกัน

รวมทั้งได้ทราบข่าวฉาวโฉ่ของสถาบันนิกเคิล ที่มีการขุดพบหลุมศพจำนวนมากที่ไม่ได้บอกชื่อเสียงเรียงนาม และส่วนใหญ่เป็นศพคนผิวดำ

“เอลวู้ด” จึงตัดสินใจให้ความร่วมมือกับทางการด้วยการไปให้การในเรื่องที่เขาได้ประสบมาด้วยตัวเอง

ด้วยเนื้อหาเชิงสังคมและประวัติศาสตร์อัปยศแบบนี้ สถาบันภาพยนตร์ทั้งหลายคงมองข้ามหนังเรื่องนี้ไปไม่ได้หรอกค่ะ… •

NICKEL BOYS

กำกับการแสดง

ReMell Ross

แสดงนำ

Ethan Herisse

Brandon Wilson

Hamish Linklater

Aunjanue Ellis-Taylor

ภาพยนตร์ | นพมาส แววหงส์